EP7/11 : เที่ยวตามเส้นทาง Tono Hetsuri – Ouchi Juku นอน Niko Ryokan
ผมขอฝากสัมภาระเอาไว้ที่.. Tagoto Ryokan
ก่อนที่จะเดินตัวปลิวไปยังสถานีรถไฟ Nanukamachi Station
วันนี้.. ผมจะไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟลงใต้ อย่าง หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku และ Tono Hetsuri โดยมีจุดเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Nanukamachi Station สถานีรถไฟเล็กๆ ที่อยู่ในเมือง Aizu Wakamatsu แห่งนี้
เมื่อดูจากแผนที่แล้ว.. คำนวณกับระยะเวลาที่มีอยู่หนึ่งวันเต็มๆ ก็น่าจะเที่ยวได้อย่างสบาย ผมวางแผนคร่าวๆ ไว้ว่าจะนั่งรถไฟยาวๆ ไปจนถึง สถานี Tonohetsuri ก่อน แล้วจึงนั่งย้อนกลับมาที่ สถานี Yonokami Onsen Station เพื่อไปแวะเที่ยว หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku จากนั้น ก็เดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมือง Aizu Wakamatsu เป็นอันสิ้นสุดทริปสำหรับวันนี้ครับ
สถานีรถไฟ Nanukamachi Station เป็นสถานีรถไฟที่เล็กมากๆ เดินเข้ามาข้างในไม่มีคนเลย กลายเป็นผู้โดยสารคนเดียวที่ขึ้นสถานีนี้ และ ในบรรยากาศยามเช้าช่วงเข้าสู่หน้าหนาวของญี่ปุ่มแบบนี้ ลมพัดมาทีถึงกับสั่นสะท้านเลยแหละ
พอขึ้นรถไฟมาได้.. เจ้าหน้าที่รถไฟ ก็เดินมาขายตั๋วครับ ก็บอกสถานีปลายทางไปว่าจะไปลงที่ Tonohetsuri ค่าตั๋ว 1,140 เยน ใช้เวลาเดินทางราว 45 นาที
ตลอดเส้นทางรถไฟนี้ วิวสองข้างทางเป็นอะไรที่สวยงามมากครับ บรรยากาศดี ชมวิวเพลินเลย
และ ก็นั่งเหม่อชมวิวจนได้เรื่อง จนลืมเปิดแมพดูว่าถึงสถานีไหนแล้ว? พอเห็นรถไฟจอด และ คนกรูกันลงเยอะมาก ก็เลยรีบเดินลงไปกับเขาด้วย จึงรู้ว่าลงผิดสถานี เพราะ คิดว่าเป็น.. สถานี Tonohetsuri แต่ที่จริง คือ สถานี Yonokami Onsen Station ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าเปลี่ยนแผนเก็บ หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku ก่อนละกัน
วิธีการเดินทาง จาก สถานีรถไฟ Yonokami Onsen Station ไป หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku ก็ให้เดินออกจากสถานีรถไฟ แล้วมองไปทางซ้ายมือครับ จะเห็นจุดจอดรถบัส รับ-ส่ง ไป หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku จอดอยู่
รถรับส่งจะออกตามเวลา ส่วนใหญ่ ก็จะต่อเนื่องกันกับเวลาของรถไฟที่มาจอดที่สถานีนี้ครับ ซึ่งตั๋วก็สามารถขึ้นไปซื้อบนรถได้เลย เลือกได้ว่าจะซื้อแบบเที่ยวเดียว 500 เยน หรือ แบบไป-กลับ 1,000 เยน จะกลับเวลาไหนก็ได้
ท่าทางคนจะมาเที่ยวเยอะ เพราะยืนมาตลอดทาง ประมาณ 15 นาที ก็มาจุดจอดตรง ทางเข้า หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku ซึ่งต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงตัวหมู่บ้านครับ
เที่ยวหมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku!
สำหรับประวัติความเป็นมาของ หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku นั้น ในสมัยยุคเอโดะ ที่นี่เคยเป็นเมืองที่เหล่าขุนนาง และพ่อค้า นิยมมาพักแรมในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากมีที่พัก และร้านอาหาร เหมาะที่จะมาค้างแรมก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
ภายในหมู่บ้าน จะเห็นบ้านโบราณที่อายุหลายร้อยปี เป็นบ้านมุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆ เรียงรายกันสองฝั่ง ระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง ซึ่งปัจจุบัน บ้านบางหลังก็กลายเป็นร้านอาหาร หรือ ร้านขายของที่ระลึก
หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku สามารถมาแวะเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อย่างตอนที่ผมมาก็จะได้ฉากหลังเป็นภูเขาหลากเฉดสีแบบนี้ หรือ ถ้ามาช่วงหน้าหนาวหิมะขาวโพลน ก็ได้บรรยากาศสวยไปอีกแบบเช่นกัน
เวลาเดินเล่นในหมู่บ้านจะเห็น ทางน้ำไหลที่อยู่สองฝั่งถนน เป็นน้ำมี่ใสมาก และเย็นมากด้วย ชาวบ้านที่นี่จึงนิยมนำลังเครื่องดื่มลงไปแช่ไว้ในทางน้ำไหลนี้ เพื่อให้เครื่องดื่มเย็นได้โดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าเลย
บ้านโบราณ ที่กลายเป็น ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายของกินเยอะมาก ตลอดระยะทางที่เดินเล่นในหมู่บ้าน อย่าง ร้านขายดังโงะ(Dango) กับ ปลาย่างเกลือ ร้านนี้
คุณป้าท่าทางใจดีเชื้อเชิญให้เลือกดูสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเอง
ขนม ทำแบบร้อนๆ จากเตาเลย ชิ้นละ 100 เยน เท่านั้นเอง
ของกินเยอะมาก ราคาก็ถือว่า พอรับได้ครับ.. ได้ลองชิม อาหารแปลกๆ หลายอย่างเลยครับ
ลองชิมเมนูนี้ครับ ไม่รู้เรียกว่าอะไรนะ เหมือนข้าวต้มเลย แต่..เปรี้ยวๆ หวานๆ หน่อย กินตอนหนาวๆ แบบนี้โอเคเลย..
ร้านนี้ เขาวางเอาไว้หน้าร้านให้หยิบชิมฟรี มีให้เลือกจิ้มอยู่ 3 อย่าง ก็ขอลองชิมสักนิดนะ ของฟรี 55+
ร้านขายของที่ระลึก ขายสินค้าเก๋ๆ ซื้อไปเป็นของฝากได้
โซบะต้นหอม ในตำนาน!
มาถึงที่นี่ทั้งที.. ก็ต้องไม่พลาดมาชิม เนกิ-โซบะ(โซบะต้นหอม) ของที่นี่นะครับ จะสามารถพบเห็นกับร้านโซบะต้มหอม อยู่หลายร้านเลย
เนกิ-โซบะ หรือ ที่รู้จักกันในนามว่า.. “โซบะต้นหอม” จะเสิร์ฟมาเป็นชาม มีเส้นโซบะ น้ำซุป และ ต้นหอมต้นใหญ่ (ถ้าสั่งเป็นเซตก็จะมีเครื่องเคียงมาให้ด้วย) ราคา 1000 เยน
ส่วนวิธีการกิน ก็ใช้ต้นหอม ตักเส้นขึ้นมา ใส่ปาก แทนตะเกียบ พร้อมกับกัดต้นหอมเข้าไปด้วย ก็ถือว่ารสชาติโอเค.. เข้ากันได้ดี กลิ่นต้นหอมขึ้นจมูกปรี๊ดดดเลย.. มีน้ำตาคลอนิดหน่อยระหว่างที่กิน แต่.. ทว่า กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่าทางจะคุยกับใครไม่ได้สักพักนะ 55+
หลังจากอิ่มมื้อเที่ยง กับ โซบะต้นหอม ก็เดินไปจนสุดท้ายหมู่บ้าน แล้วขึ้นบันไดอีกนิด เพื่อไปยังจุดชมวิวครับ
ผ่านศาลเจ้าที่บริเวณโดยรอบเหลืองอร่ามไปด้วยใบแปะก๊วยที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นทับถมกันจนมองเหมือนเป็นผืนพรม
ชมบรรยากาศของ หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku จากจุดชมวิว
เมื่อเที่ยว หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku จนเป็นที่พอใจแล้ว ผมก็นั่งรถบัสจากจุดจอดรถ ย้อนกลับมายัง สถานี Yonokami Onsen Station แล้วจะนั่งรถไฟไปลง สถานี Tonohetsuri ที่ห่างออกไปอีกสถานีเดียว ซึ่งระหว่างที่รอก็ลองมาแช่ออนเซ็นเท้า ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ แช่เท้าได้สบายๆ แถมฟรีอีกด้วยนะ
สถานี Yonokami Onsen Station เป็นสถานีรถไฟที่สวย บรรยากาศโดยรอบก็ดี
นั่งรถไฟเส้นทางนี้สนุกดี มายืนตรงบริเวณด้านหน้าก็ได้ด้วย ได้ชมวิวสวยๆ ตลอดทาง
Tonohetsuri ธรรมชาติสร้างสรรค์ผาหินล้านปี!
ขึ้นรถไฟมาได้แป้บเดียว! รถไฟก็มาจอดที่ สถานี Tonohetsuri จากนั้นก็เดินเท้าจากสถานีต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที ก็จะถึง Tonohetsuri ผาหินล้านปี
Tonohetsuri หน้าผาริมแม่น้ำโอคาวะ ที่ถูกกัดเซาะจนสึกกร่อนเป็นเวลานานถึงล้านปี กลายเป็นรูปร่างหน้าตาสวยงามอย่างปัจจุบัน
วิวทิวทัศน์ของ Tonohetsuri ในช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี
มีสะพานแขวนให้เดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามด้วย
เวลาแสงแดดส่องลงไปบนพื้นน้ำ สีของแม่น้ำก็ดูสวยงามดี
มีเวลาอยู่พอสมควร ก็ขอเดินชมบรรยากาศรอบ Tonohetsuri กันสักหน่อย..
ก่อนจะเย็นไปมากกว่านี้.. ผมเดินกลับมายัง สถานี Tonohetsuri แล้วนั่งรถไฟยาวๆ ย้อนกลับเข้าเมือง โดยจะไปลง ที่สถานี Nanukamachi Station ซึ่งระหว่างทางนั้น เมื่อผ่านจุดที่สวยงาม รถไฟก็จะมีชะลอความเร็ว เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย น่ารักจริงๆ เลย
Mitsutaya ร้านดังโงะอร่อย ใน Aizu Wakamatsu!
นั่งรถไฟ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็กลับมาถึง Nanukamachi Station เมื่อลงจากรถไฟ ผมก็รีบเดินไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่ Tagoto Ryokan คืน และ คืนนี้จะย้ายไปนอนอีกเรียวกัง ที่อยู่ในเมือง Aizu Wakamatsu นี่แหละครับ แต่.. ตอนนี้คงต้องรีบหามื้อเย็นกินเสียก่อน เพราะช่วงนี้มันมืดค่ำเร็วมาก แค่ห้าโมงเย็นก็มืดแล้ว ก็เลยเดินมาที่ร้านนี้ครับ ร้าน Mitsutaya (www.mitsutaya.jp) เข้าไปลองกันดู!
ร้านนี้ เป็นร้าน ดังโงะ(Dango) ครับ ลองมากิน ดังโงะ แบบร้อนๆ แก้หนาวกันสักหน่อย ภายในร้านดูน่านั่งดีครับ พนักงานก็ต้อนรับดีมากๆ
ตอนแรกก็สั่งไม่ถูกครับ 55+ เพราะไม่รู้ว่าหน้าตา รสชาติ แต่ละอย่าง.. มันเป็นยังไง? พนักงานก็เลยแนะนำให้สั่ง เป็น Misodengaku Set ครับ มีหลายอย่างให้ลอง ในราคา 1,300 เยน
จากนั้น.. ก็นั่งรอพนักงานย่างดังโงะให้ครับ พนักงานก็ค่อยๆ ย่าง ดูพิถีพิถันดี หิวยังไง.. ก็ ต้องใจเย็นๆ หน่อยนะ
มีชาร้อนให้ฟรีด้วย บริการตัวเองได้เลย
เมื่อดังโงะไม้ไหนสุกแล้ว พนักงานก็จะนำมาวางในจานให้ครับ ทยอยมาทีละไม้ ก็นั่งกินไปทีละไม้ ก็ถือว่า..ร้านนี้อร่อยดีนะครับ ใช้ได้เลยแหละ ใครมาเที่ยวลองแวะมากินดูครับ
Niko Ryokan เรียวกังบรรยากาศกันเอง เหมือนอยู่บ้าน!
คืนนี้.. จะย้ายไปนอนที่ Niko Ryokan ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากใจกลางเมือง Aizu Wakamatsu อยู่พอสมควร ประมาณ 4-5 กิโลเมตร วิธีการเดินทางก็คงต้องนั่งรถ Retro Bus ที่ให้บริการวิ่งรอบ เมือง Aizu Wakamatsu ซึ่งรถจะวิ่งวนไปจนถึงป้าย Higashiyama Onsen (ที่อยู่ใกล้ Niko Ryokan) จุดหมายของคืนนี้ครับ
แค่ห้าโมงเย็นท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ผมจ่ายค่าโดยสารรถ Retro Bus ที่นั่งมา ราคา 210 เยน มาลงที่ป้าย Higashiyama Onsen แล้วเดินต่อมาอีกหน่อย ก็มาถึง Niko Ryokan แล้วครับ บรรยากาศมืดมาก คิดว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว.. หนาว ก็ หนาว..
ผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จาก “น้าหนวด” (ขอเรียกแบบนี้ละกันนะครับ) ผู้ดูแลท่าทางใจดีของที่นี่ ซึ่งน้าหนวดก็ดูเอาใจใส่ดีมาก พยายามใช้วิธีสื่อสารผ่านโปรแกรมแปลภาษา และดูกระตือรือร้นในการช่วยเหลือต่างๆ เป็นอย่างดี มาพักที่นี่จึงรู้สึกว่า.. เป็นกันเองดีครับ บรรยากาศสบายๆ เหมือนอยู่บ้าน ต้องการอะไรสามารถเรียกได้ตลอดเวลา เป็นเรียวกังที่ราคาประหยัดที่สุดในทริปนี้แล้วครับ(ประมาณ 1500 บาท/คืน)
พาสำรวจที่นี่ โดยขึ้นมาบนชั้นสอง เป็นส่วนของห้องพักต่างๆ ครับ ดูเงียบๆ ดี
เข้ามาภายในบริเวณห้องพัก ที่นี่..ดูเหมือนจะเก่าไปสักหน่อย แต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครับ
มาที่นี่.. ไม่มีใครมาชงชาให้นะครับ ที่นอนก็ปูเอง บริการตัวเองเลย 55+ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย
มี ชุดยูกาตะ ผ้าขนหนู วางไว้ให้พร้อมใช้
ห้องอาบน้ำ แช่ออนเซ็นที่นี่ จะอยู่ชั้นล่างครับ มีอยู่สองห้อง แต่เป็นห้องที่ใหญ่มาก ภายในก็มีที่สำหรับนั่งชำระร่างกาย พร้อม สบู่ แชมพู ไว้ให้บริการด้วย
เตรียมตัวที่จะลงแช่ออนเซนกันครับ ซึ่งสามารถลงมาแช่ได้ตลอดเวลาเลย..
หลังจากแช่น้ำ อาบน้ำจนสบายตัวแล้ว ก็เตรียมตัวเข้านอนครับ ..อากาศเย็นๆ คืนนี้.. หลับสบายอย่างแน่นอน!
DAY 5 : 07.11.17
เช้าวันใหม่ ใน.. Aizu Wakamatsu!
ตื่นเช้ามา.. รู้สึกสดชื่นดี..
เช้านี้.. ทานอาหารเช้า ที่เรียวกัง ครับ ซึ่งได้รวมไปกับค่าที่พักแล้ว โดยผมได้แจ้งเวลาทานอาหารเช้าไว้ ในเวลาประมาณ 07.30 น. ครับ อาหารเช้า ของที่นี่จะดูง่ายๆ และ ต้องบริการตัวเอง อยากได้ข้าวสวย อยากได้ซุป หรือ เครื่องดื่มต่างๆ ก็สามารถลุกขึ้นไปตักเองได้ตามความต้องการ..
เซตอาหารเช้า ของแต่ละคน หน้าตาก็จะประมาณนี้ครับ ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้เลย แถมข้าวและน้ำซุปก็ลุกไปตักเพิ่มเองได้อีก ก็เอาซะอิ่มเหมือนกัน ที่นี่.. จะเน้นบริการตัวเองครับ ต้องการอะไรเพิ่ม ก็ต้องดูแลตัวเองครับ
เมื่อจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย.. ก็ไปพัก อาบน้ำอาบท่า เตรียมเช็คเอาท์ ออกจาก Niko Ryokan แห่งนี้ครับ ซึ่งโดยรวมแล้ว.. ที่นี่ก็เป็นเรียวกังที่ง่ายๆ สบายๆ เหมือนอยู่บ้านดี ประหยัดสมราคา มีความเป็นกันเองของผู้ดูแล ที่มีความกระตือรือร้นให้ความช่วยเหลืออย่างดี บรรยากาศรอบๆ ที่พักก็ดี มีความเป็นธรรมชาติ อยู่ใกล้ภูเขา และสายน้ำ อากาศสดชื่นดีครับ!
สำหรับโปรแกรมในวันนี้.. ผมจะไม่ไปเที่ยวไหนไกล แต่..จะขอเที่ยววนไปใน เมือง Aizu Wakamatsu นี้ทั้งวัน ด้วย Loop Bus สามารถติดตามได้ในตอนหน้าครับ!
7 Days in Fukushima! | บันทึกการเดินทางเที่ยวฟุคุชิมะ 7 วัน
- 1/11 : Say Hi! Fukushima การเดินทางไปด้วย Shinkansen
- 2/11 : Iizaka Onsen นอนเรียวกัง แช่ออนเซ็น กินผลไม้สดๆ จากสวน!
- 3/11 : เดินไต่ Mt. Azuma แวะแช่ออนเซ็นที่ Takayu Onsen
- 4/11 : ตามหาความเหลืองที่ Azuma Sport Park พัก APA Hotel
- 5/11 : Goshikinuma Ponds ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี!
- 6/11 : Tagoto Ryokan เรียวกังนอนสบายใน Aizu Wakamatsu
- 7/11 : เที่ยวตามเส้นทาง Tono Hetsuri – Ouchi Juku นอน Niko Ryokan
- 8/11 : เที่ยววนไปใน.. Aizu Wakamatsu ด้วย Loop Bus 1 วัน
- 9/11 : Mishima Town เมืองเล็กน่ารัก และ รถไฟสายโรแมนติก!
- 10/11 : ปั่นจักรยานเที่ยวในเมือง Tadami แวะส่งท้ายทริปที่วัด Enzo-ji
- 11/11 : วิธีการนั่ง Night Bus จาก Fukushima กลับ Tokyo
- Ryokan : 5 เรียวกังน่าพัก ใน.. FUKUSHIMA, JAPAN
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com