ทริปนี้ เราได้กลับมาเยือน “ฮอกไกโด” อีกครั้ง ในบรรยากาศช่วงฤดูหนาวหิมะโปรยปราย โดยเรามีโอกาสเดินทางด้วยสายการบิน Thai Vietjet กับเส้นทางบินใหม่ล่าสุด จาก “กรุงเทพฯ” (BKK) สู่ “ฮอกไกโด” (CTS) ประเทศญี่ปุ่น (Via. Taipei) แวะไทเปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำการบินทุกวันอังคาร, พฤหัสบดี, และเสาร์ เดินทางได้สะดวกสบาย ราคาก็ประหยัด มีโปรโมชั่นดีๆ ออกมาเรื่อยๆ บินสะดวก ราคาประหยัดต้องไทยเวียตเจ็ทเลย
ตารางบิน BANGKOK(BKK) – HOKKAIDO(CTS) Via.TAIPEI (บินทุกวันอังคาร, พฤหัสบดี, และเสาร์)
(ขาไป)
VZ570 : BKK – TPE : 09.05 – 13.45
VZ570 : TPE – CTS : 14.45 – 19.25
(ขากลับ)
VZ571 : CTS – TPE : 20.25 – 00.25
VZ571 : TPE – BKK : 01.25 – 04.25
จองได้ที่ https://th.vietjetair.com หรือ สามารถจองผ่าน App Thai Vietjet ได้เลย!
เริ่มต้น การเดินทาง จาก สุวรรณภูมิ(กรุงเทพฯ) ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินของ สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะเปิดก่อนเวลา 3 ชั่วโมง โดยจะมีพนักงานมาคอยดูแลให้คำแนะนำระหว่างทำการเช็คอิน มีผู้โดยสารทยอยเข้ามาเช็คอิน โหลดสัมภาระ และเนื่องจากเที่ยวบินของเราจะต้องแวะที่ไทเป(Via. Taipei) พนักงานเคาน์เตอร์เช็คอินก็จะมีการติดสติ๊กเกอร์สำหรับผู้โดยสาร Transit ด้วย โดยใช้เวลาในการเช็คอินไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
BKK – TPE (VZ570) ช่วงแรกออกเดินทาง จาก สนามบินสุวรรณภูมิ(กรุงเทพฯ) สู่ สนามบินนานาชาติเถาหยวน(ไทเป) ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 15 นาที เมื่อเครื่องบินลงจอดก็จะมีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายรอรับผู้โดยสาร Transit และพาเดินผ่านจุดสแกนตรวจ ก่อนไปส่งที่ Gate เพื่อไปขึ้นเครื่องลำเดิมอีกครั้ง โดยจะใช้เวลาแวะที่ไทเปเพียง 1 ชั่วโมง
TPE – CTS (VZ570) จากนั้น ก็เดินทางต่อ สู่ “ฮอกไกโด” โดยระหว่างการเดินทาง ก็จะมีพนักงานต้อนรับ มาคอยให้บริการ และมีบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน(Sky Cafe’) ที่สามารถเลือกเมนูอาหารและเครื่องดื่มได้ตามความต้องการ แนะนำในช่วงเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสแบบนี้ ก็มีเมนูที่น่าสนใจ อย่างเช่น Glam Tea(ชานมวิปครีม), Thai Tea Diva(ชาไทยวิปครีม), Secret Cocoa(โกโก้วิปครีม), Merry Timber Treat(ทิมเบอริง), Rabbit Carrot Cake(แครอทเค้ก) น่าลองชิมทั้งนั้นเลย
และแล้ว เราก็เดินทางมาถึงปลายทาง New Chitose Airport ตามกำหนดเวลา ตามมาเที่ยว “ฮอกไกโด” กัน!
สนามบินเข้าเมือง “ซัปโปโร” ด้วยรถบัส
วิธีการเดินทาง จาก สนามบินนิวชิโตเสะ(New Chitose Airport) เข้าเมือง “ซัปโปโร” (Sapporo) ก็มีวิธีเดินทางที่สามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่มักนิยมกัน ก็คือ การนั่งรถไฟ JR ที่เชื่อมต่อไปสู่ สถานีรถไฟ Sapporo Station ที่อยู่ใจกลางเมือง หรือ การนั่งรถบัส ก็เป็นอีกทางเลือกที่ถือว่าสะดวกเช่นกัน
สำหรับการมาเยือน “ซัปโปโร” ของเรา เรามักจะเลือกเดินทางด้วย รถบัส(New Chitose Airport Limousine Bus) เนื่องจากเราชอบไปพักอยู่ที่ย่าน Susukino (แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารของเมืองซัปโปโร) จากสนามบินนั่งรถบัสต่อเดียวถึง ลงป้ายที่ Susukino ไม่ต้องลากกระเป๋าหรือต่อรถไฟใต้ดินให้ยุ่งยากเลย
วิธีการเดินทางเข้าเมือง “ซัปโปโร” ด้วยรถบัส
1. หลังจากเดินทางมาถึง สนามบินนิวชิโตเสะ(New Chitose Airport) ผ่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเรียบร้อย เดินออกมาจะพบกับเคาน์เตอร์ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ให้มองหาป้ายที่เป็นสัญลักษณ์รูปรถบัส(BUS)
2. รถบัส(New Chitose Airport Limousine Bus) เป็นรถบริการรับส่งระหว่างสนามบินกับเมืองซัปโปโร โดยสามารถมารอรถที่ป้ายรถบัส อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ(ป้ายหมายเลข 84) หรือ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ(ป้ายหมายเลข 22) ก็ได้
3. รถบัส(New Chitose Airport Limousine Bus) จะออกจากต้นทางที่ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ(ป้ายหมายเลข 22) แล้ววนมารับผู้โดยสารที่ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ(ป้ายหมายเลข 84)
4. ถ้าอยากเลี่ยงคนเยอะ ก็สามารถเดินไปขึ้นที่ต้นทาง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ(ป้ายหมายเลข 22) ก็ได้ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร มีทางเลื่อนเชื่อมต่อระหว่างอาคาร
5. บริเวณป้ายรถบัส สามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือ จะติดต่อซื้อตั๋วกับพนักงาน หรือ จะจ่ายเป็นเงินสดบนรถก็ได้ (ราคาค่าโดยสารเที่ยวละ 1,300 เยน)
6. ตารางรถบัส จะออกทุก 15 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
7. จะมีพนักงานประจำอยู่ป้ายรถบัส คอยจัดระเบียบขนกระเป๋าเดินทางขึ้น-ลง ใส่ใต้ท้องรถให้ ไม่ต้องยกเอง สะดวกมาก
8. รถบัสจะมาส่งถึงที่ป้าย Susukino (ป้ายนี้นักท่องเที่ยวลงกันเยอะ) จากสนามบินนั่งมาต่อเดียวถึง ลากกระเป๋าเข้าที่พักได้เลย เป็นวิธีเดินทางที่สะดวก และประหยัดดีนะ!
เนินพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha)
เที่ยว “ฮอกไกโด” (Hokkaido) ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวในหลายๆ ที่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ และที่นี่ก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ ที่สามารถเดินทางมาด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกสบายมาก
“เนินพระพุทธเจ้า” (Hill of the Buddha) พระพุทธรูปขนาดใหญ่สูง 13.5 เมตร น้ำหนัก 1,500 ตัน ประดิษฐานอยู่บนเนินในบริเวณพื้นที่ของสุสาน Makomanai Takino Cemetery ของเมืองซัปโปโร เป็นผลงานของ ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando) สถาปนิกระดับโลกชาวญี่ปุ่น
ด้านหน้าตรงทางเข้า(ค่าเข้าชม 300 เยน) จะมีอุโมงค์ขนาดใหญ่ ความยาว 40 เมตร เป็นทางเดินเชื่อมต่อไปสู่องค์พระใหญ่ที่อยู่กลางเนินเขา โดยมีการออกแบบให้ด้านบนเปิดโล่งรับแสงสว่างจากภายนอก เพื่อให้แสงส่องสว่างที่ตัวขององค์พระ บรรยากาศโดยรอบสงบเงียบและมีมนต์ขลัง ซึ่งตลอดทั้งวันก็จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไหว้สักการะขอพรอย่างไม่ขาดสาย
และ ใกล้กันกับ “เนินพระพุทธเจ้า” (Hill of the Buddha) ก็จะมี รูปปั้นโมอาย (Moai Statue) ขนาดน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงกันถึง 40 ตัว มีความสูงตั้งแต่ 6 – 9 เมตร มองเห็นโดดเด่นตั้งแต่ไกล เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของฮอกไกโด
การเดินทาง : จาก เมืองซัปโปโร(Sapporo) นั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku Line มาลงที่สถานี Makomanai Station 真駒内駅 จากนั้น ต่อด้วยรถบัสหน้าสถานี(ป้ายหมายเลข 2) สาย 108 ไปลงที่ Makomanai Takino Cemetery ใช้เวลาเดินทาง 25 นาที ค่าโดยสาร 500 เยน
● ตารางรถบัส(ขาไป)
10.15 / 11.30 / 12.20 / 13.30
● ตารางรถบัส(ขากลับ)
11.05 / 12.10 / 13.00 / 14.10
โนโบริเบ็ทสึ (Noboribetsu)
“โนโบริเบ็ทสึ” (Noboribetsu) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ทางใต้ของ เกาะฮอกไกโด(Hokkaido) เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน แช่ออนเซ็นเพื่อสุขภาพ
สำหรับไฮไลท์ของการมาเที่ยว “โนโบริเบ็ทสึ” (Noboribetsu) ก็คือ การได้มาเที่ยวชม “หุบเขานรกจิโกคุดานิ โนโบริเบ็ทสึ” (Jigokudani Noboribetsu) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน มีความสวยงามแปลกตา หน้าผาหินที่เต็มไปด้วยไอน้ำและกลิ่นกำมะถัน เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “แฟนเดย์” ที่ใครเคยชมแล้ว ก็น่าจะพอคุ้นตากับสถานที่นี้กันมาบ้างนะ
ภายใน “หุบเขานรกจิโกคุดานิ โนโบริเบ็ทสึ” จะมีสะพานไม้ขนาดใหญ่ทอดยาวไต่ไปตามเชิงเขา สามารถเดินชมไปตามสะพานไม้ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งระหว่างทางก็จะได้สัมผัสกับไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมา และกลิ่นกำมะถันที่โชยมาเป็นระยะ เดินเล่นชมวิวได้อย่างเพลิน
“หุบเขานรกจิโกคุดานิ โนโบริเบ็ทสึ” (Jigokudani Noboribetsu) สามารถมาเที่ยวชมได้ทุกฤดูกาล ซึ่งใครมีแพลนเที่ยว “ฮอกไกโด” แนะนำใส่ที่นี่ไว้ในลิสได้เลย!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Sapporo Station นั่งรถไฟสาย Limited Express Hokuto ไปลง สถานี Noboribetsu Station จากนั้น ต่อรถบัสที่ป้ายรถบัสหน้าสถานี(ป้ายหมายเลข 1) ไปลงที่ป้าย Noboribetsu Onsen ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที ค่าโดยสาร 350 เยน
Kiroro Snow Activty World
ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ เราก็ต้องไม่พลาดมาเล่นหิมะที่ Kiroro Ski Resort ที่เดินทางไม่ไกล จาก ตัวเมืองซัปโปโร(Sapporo) สามารถมาเที่ยวได้แบบสบายๆ ใน 1 วัน
“Kiroro Snow Activty World” อยู่ในบริเวณของ Kiroro Ski Resort ห่างจากตัวเมืองซัปโปโร(Sapporo) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นรีสอร์ตที่ขึ้นชื่อเรื่องเกี่ยวกับการเล่นสกี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมหนาแน่นไปทั่วบริเวณ ทำให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศการเล่นหิมะได้แบบจุใจกันไปเลย
ซึ่งถ้าใครไม่ถนัดกับการเล่นสกี แต่อยากมีกิจกรรมเล่นสนุกๆ กับหิมะ ที่ Kiroro Snow Activty World ก็มีกิจกรรมให้ได้เลือกเล่นกัน โดยจะมีส่วนของ Snow Park พื้นที่สำหรับเล่นหิมะ และกิจกรรมเบาๆ อย่างเช่น ถาดเลื่อน ที่สามารถมาเล่นหิมะได้ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ สนุกได้ทั้งครอบครัว
● ค่าเข้า Snow Park (1 Day Ticket) : ผู้ใหญ่ 2,200 เยน / เด็ก(ต่ำกว่า 12 ปี) 1,800 เยน
และ ถ้าใครอยากเล่นกิจกรรมหิมะสนุกๆ ก็สามารถเลือกกิจกรรมเพิ่มเติมได้ โดยมีให้เลือก 7 กิจกรรม คือ
1. “Snow Banana Boat” กิจกรรมนั่งบานาน่าโบ๊ทที่จะถูกลากไปบนพื้นหิมะ ได้ความตื่นเต้นเมื่อตอนเข้าโค้งต่างๆ
2. “Snow Rafting” กิจกรรมแพหิมะ ที่จะถูกลากโดยรถสโนว์โมบิลไปบนพื้นหิมะ
3. “Mini Snowmobile” กิจกรรมขับรถสโนว์โมบิลไปตามเส้นทางหิมะ สามารถขับได้ตั้งแต่ เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไป โดยมีความเร็วสูงสุด 12 กม./ชม.
4. “Snow Buggy” กิจกรรมขับรถบักกี้ที่ติดตั้งยางสำหรับออฟโรด ขับลุยเนินหิมะได้อย่างสนุกสนาน
5. “Cross-country Skiing” กิจกรรมสำหรับผู้เริ่มต้น พร้อมชุดอุปกรณ์
6. “Forest Tour with Sherpa” กิจกรรมนั่งรถสโนว์โมบิลขนาดใหญ่ เข้าไปในเส้นทางป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ได้บรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่แปลกตา
7. “Mountain Trip” กิจกรรมนั่งรถสโนว์โมบิลขนาดใหญ่ พร้อมไปถ่ายรูปกับระฆังอันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
ทั้งนี้ สามารถเลือกกิจกรรมแค่บางกิจกรรมที่สนใจ หรือ จะลองเล่นทุกกิจกรรมทั้ง 7 กิจกรรมก็ได้เช่นกัน
● ค่าบริการ (7 กิจกรรม) : 7,000 เยน
● จองกิจกรรมออนไลน์ผ่าน Klook ได้ที่นี่ : https://shorturl.asia/XV6Fd
ข้อมูลเพิ่มเติม Kiroro Snow Activty World
● ช่วงเปิดทำการ : 14 ธันวาคม 2024 – 31 มีนาคม 2025 (ปิดวันอาทิตย์)
● เวลาเปิดทำการ : 9.30 น. – 16.00 น.
● เว็บไซต์ : https://www.kiroro.co.jp/kiroro-snow-activity-world/
การเดินทาง : Kiroro Snow Activty World มีรถบัส Hokkaido Resort Liner ให้บริการ จาก Sapporo Station และ Otaru Chikko Station ดูตารางรถได้ที่นี่ : https://www.kiroro.co.jp/access-winter/#bus
Shirahige Waterfall
“Shirahige Waterfall” 1 ใน 5 ของน้ำตกที่สวยที่สุดของ “ฮอกไกโด” (Hokkaido) มีความสูงประมาณ 30 เมตร จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้ อยู่ที่สีของน้ำที่จะเป็นสีฟ้าอมเขียว สวยงาม กลายเป็นอีกจุดเช็คอินของฮอกไกโด
ที่นี่ สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ได้วิวสวยงามแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมสีขาวตัดกับสีฟ้าของน้ำแบบนี้!
การเดินทาง : จาก สถานี Sapporo Station นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี Asahikawa Station จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟ(Furano Line) ไปลงที่สถานี Biei Station แล้วต่อรถบัสป้ายหน้าสถานีรถไฟ(สาย 39, 42) ซึ่งเป็นสายรถบัสที่ให้บริการระหว่าง Biei Station >> Shirogane Blue Pond(บึงสีฟ้า) >> Shirogane Hot Spring(น้ำตกสีฟ้า) เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดียวกัน
นิงเกิ้ลเทอเรส (Ningle Terrace)
“นิงเกิ้ลเทอเรส” (Ningle Terrace) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศของป่า ซึ่งอยู่ในบริเวณของโรงแรม New Furano Prince Hotel ใน เมืองฟุราโนะ(Furano) จังหวัดฮอกไกโด(Hokkaido) ภายในมีกระท่อมไม้ขนาดน่ารักตั้งเรียงรายอยู่ทั้งหมด 15 หลัง มีทางเดินไม้เชื่อมต่อไปยังกระท่อมแต่ละหลัง สามารถเดินเล่นชมบรรยากาศได้อย่างชิล เหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยายเลย
สำหรับกระท่อมแต่ละหลัง ก็จะเปิดเป็นร้านค้า ที่ส่วนใหญ่ จะจำหน่ายสินค้าพวกงานฝีมือ งานศิลปะต่างๆ ที่สามารถซื้อหากลับไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
แนะนำ : มาเที่ยว “นิงเกิ้ลเทอเรส” (Ningle Terrace) ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ จะได้สัมผัสกับบรรยากาศหิมะโปรยปราย ยิ่งช่วงดึกมีการเปิดไฟด้วย ยิ่งได้บรรยากาศที่สวยงามมากๆ เลย!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Furano Staton ต่อรถบัส Asahikawa Line มาลงที่ป้าย New Furano Prince Hotel ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที (ค่าโดยสาร 260 เยน)
