ขี่อูฐ.. ไปนอนกลางทะเลทราย Jaisalmer, India.
รถไฟก็เดินทางจาก Jaipur มาถึง สถานี Jaisalmer เป็นที่เรียบร้อย มาถึงก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกมาก
การเดินทางในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 ตอน คือ
- 3 เมือง 3 สี แห่ง ราชาสถาน อินเดีย(เตรียมตัวเดินทาง)
- Jaisalmer : จัยซัลแมร์ Golden City (นครสีทอง)
- Jodhpur : จ๊อดปูร์ Blue City (นครสีฟ้า)
- Jaipur : ชัยปุระ Pink City (นครสีชมพู)
DAY #2 JAISALMER, INDIA.
Jaisalmer เมืองที่ดูรวมๆ แล้ว เหลืองอร่ามเหลือเกิน!
เช้าวันใหม่.. ใน Jaisalmer วันนี้ตื่นแต่เช้าหน่อย.. เพราะได้ข่าวมาว่า Hotel Sanjay Villas ที่เรามาพักอยู่นี้ ด้านบนมี Rooftop ไว้สำหรับทานอาหาร และ ชมวิวเมืองได้ ยิ่งถ้าเป็นตอนเช้าแบบนี้ก็สามารถขึ้นไปชมวิวพระทิตย์ขึ้นได้เช่นกัน.. จากที่มาถึงเมื่อคืนมองอะไรแทบไม่เห็นเลย จนมาถึงเช้านี้.. ก็ได้มองเห็นบ้านเมืองของเขาแล้วครับ ซึ่งส่วนใหญ่บ้านเรือนแถบนี้เขาจะสร้างด้วยหินทราย เมื่อสะท้อนกับแสงแดดจึงทำให้มองเห็นคล้ายกับสีทอง.. จนได้ชื่อว่า Golden City.
บรรยากาศภายในที่พัก Hotel Sanjay Villas ก็มีสีเหลืองทองเช่นกัน
Rooftop ไว้สำหรับมานั่งรับประทานอาหาร พร้อมกับ ชมบรรยากาศโดยรอบได้ และเราก็มารอทานอาหารเช้าบนนี้เหมือนกันครับ
อาหารมื้อเช้า จะเป็นอาหารแบบง่ายๆ ครับ ก็เลยทำให้ได้กินง่ายไปด้วย ณ ตอนนี้ อาหารง่ายๆ อร่อยถูกปากดีครับ..
บริเวณหน้าที่พัก Hotel Sanjay Villas ที่เราได้เข้ามาพักเมื่อคืนครับ ดูตกแต่งได้อย่างอลังการดีครับ เด่นด้วยสีเหลืองทอง เข้ากับสภาพแวดล้อม
เที่ยววนไป ใน.. Jaisalmer!
ในช่วงเช้านี้.. จะใช้วิธีเดินเท้าเที่ยวตามสถานที่สำคัญ ภายในเมืองครับ อย่างเช่น Jaisalmer Fort, Haveli และ ทะเลสาบ Gadsisar Lake เป็นต้น ซึ่งเดินจากที่พักไปไม่ไกล และจุดสำคัญๆ ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก ใช้เวลาในช่วงเช้าก็น่าจะเพียงพอ เพราะช่วงบ่ายต้องรีบกลับมาที่พัก เพื่อจะได้เตรียมตัวออกไป ทัวร์ทะเลทราย ในเวลา 14.00 น. ต่อไป
เดินในย่าน ตลาดแบบ Local ในเมือง Jaisalmer ก็จะเห็นชีวิตของผู้คนอย่างหลากหลายมาก เป็นอะไรที่รู้สึกแปลกตาดี และที่ขาดไม่ได้เลยก็ คือ จะเห็น “วัว”(และ สัตว์อื่นๆ) เดินไป เดินมา ในเมือง ตามตลาด ตามท้องถนน ได้อย่างอิสระ
วิถีชีวิตของผู้คนในเมือง Jaisalmer
เนื่องจากเมื่อก่อน เมือง Jaisalmer เคยเป็นเมืองเส้นทางการค้าที่สำคัญ ทำให้ คหบดี และ พ่อค้า ในยุคนั้นร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี จึงได้มีการสร้าง คฤหาสถ์ หรือ Haveli ขึ้นมา โดยเน้นที่ความสวยงามเป็นหลัก ซึ่ง Haveli จะสร้างขึ้นมาด้วยหินทรายสีเหลืองทองอร่าม ระเบียง และ ซุ้มหน้าต่าง ยื่นออกมาล้อมรอบตามสไลต์ของราชปุต และ มีการแกะสลักลวดลายต่างๆ อย่างละเอียดสวยงาม อย่างเช่น Haveli แรกที่เราได้แวะมาชม ก็คือ Nathmalji Ki Haveli เป็น Haveli ที่มีความสูง 5 ชั้น ตรงทางเข้ามี งานแกะสลักรูปช้าง และ ตอนก่อสร้าง Haveli ใช้ช่าง 2 คน ที่เป็นพี่น้องกัน แบ่งกันแกะสลักงานคนละฝั่ง ทำให้งานแกะสลักที่ออกมาดูไม่เหมือนกัน เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของ Haveli
เดินมาอีกไม่ไกล ก็จะพบกับ Patwon Ki Haveli เป็น Haveli มีขนาดใหญ่ และ หรูหรา ด้วยซุ้มระเบียงถึง มากถึง 66 ระเบียง จึงใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนาน แต่ก็ออกมาดูสวยงามอลังการมากครับ..
ตุ๊กตา ของที่ระลึกจาก Jaisalmer
ร้านมะนาวโซดา ที่พบเห็นได้ทั่วไป..
และ ก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ Jaisalmer นั่นก็คือ.. Jaisalmer Fort ป้อมปราการขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เป็นป้อมที่มีหอรบถึง 99 หอ สร้างด้วยหินทราย ซึ่งเมื่อได้ชมป้อมปราการในช่วงเวลาที่แดดจัดแบบนี้.. ทำให้มองเห็นป้อมดูเหลืองอร่ามมาก
ป้อมปราการนี้ ไม่เหมือนกับป้อมทั่วๆ ไป เพราะ ที่นี่.. มีคนอาศัยอยู่!! แบบว่า.. อยู่กันเป็นชุมชนเลย ซึ่งข้างในก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมไปถึง โรงแรมที่พัก ซึ่งถ้ามีโอกาส ก็ลองมานอนโรงแรมที่อยู่บน Jaisalmer Fort นี้กันได้นะครับ
บน Jaisalmer Fort จะเป็นที่ตั้งของ วัดเชน (Jain Temples) อีกด้วย เป็นกลุ่มวัดเชนประกอบด้วยวัด 7 วัด ที่มีทางเชื่อมต่อถึงกันได้ โดยวัดเชนจะมีความโดดเด่นของการแกะสลักลายที่มีความละเอียดสวยงาม
จุดไฮไลท์ ที่ไม่ควรพลาด บน Jaisalmer Fort ก็ คือ จุดชมวิวเมือง ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมวิวเมือง ชมอาคารบ้านเรือนของเมืองนี้ได้อย่างสุดลูกหูลูกตา
ซึ่งความพิเศษ ของอาคารบ้านเรือนที่นี่ จะสร้างขึ้นมาด้วยหินทราย เมื่อได้สะท้อนกับแสงแดด จึงมีสีเหลืองอร่ามไปทั้งเมือง..
ข้างบนวิวดีมากครับ แม้แดดจะร้อน แต่ก็มีลมพัดโชยมาเป็นระยะ
มีคาเฟ่วิวดีน่านั่งอยู่หลายร้านเลย
นั่งพักชมวิวเมืองสวยๆ จาก Jaisalmer Fort
อีกสถานที่ที่อยากแนะนำ ระยะทางพอเดินได้ไม่ไกลจาก Jaisalmer Fort นั่นก็คือ Gadsisar Lake ทะเลสาบเก่าแก่ประจำเมือง ที่ในอดีตเคยเป็นแหล่งน้ำกินน้ำใช้สำคัญ แต่ปัจจุบัน จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในเมืองมากกว่า มีกิจกรรมล่องเรือ ให้อาหารปลา ซึ่งที่นี่.. เหมาะที่จะมาในช่วงเย็นมากกว่า บรรยากาศจะดีมากๆ เลย แต่.. เราคงไม่ได้มีโอกาสมาในช่วงเย็น เพราะจะต้องไปทัวร์ทะเลทราย ก็เลยรีบแวะมาชมกันในตอนนี้แทน
กิจกรรมล่องเรือ ชมบรรยากาศรอบทะเลสาบ
ระหว่างที่เดินกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวจะไปทัวร์ทะเลทรายในช่วงบ่าย เดินผ่านร้านอาหารร้านหนึ่งก็เลยขอลองสักหน่อย เป็น ร้านอาหารแบบอินเดียแท้ๆ กิน แผ่นแป้ง กับ น้ำแกง อะไรประมาณนั้น ซึ่งแผ่นแป้งทำเองร้อนๆ จากเตาเลย
มีแกงต่างๆ ให้เลือก 4 อย่าง ซึ่งเท่าที่สังเกต น้องคนนี้จะคอยเดินเติมแกงให้กับโต๊ะต่างๆ และ พอจะเข้าใจว่า เหมือนจะเป็นบุฟเฟ่ต์อะไรประมาณนั้น ถามราคาก็ตก คนละ 35 บาทไทย ก็ดูถูกดี.. แต่..??
แต่ว่า.. รสชาติ มันไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไร 55+ คือปกติ ก็ไม่ใช่คนกินยากอะไรนะ เห็นคนอินเดียกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็นึกว่าจะพอกินได้ แต่..ก็กินไม่ได้เลย แกงบางอย่างมันก็ออกเปรี้ยวๆ ด้วย สงสารท้องตัวเอง เกรงว่าจะไปลำบากจู๊ดๆ อยู่กลางทะเลทราย คงจะแย่แน่เลย..
ก็เลยทำได้แค่กินแผ่นแป้งเล่นๆ ไป แล้ว.. ก็กลับที่พักไปสั่งข้าวไข่เจียว กินแทน.. 55+
ขี่อูฐ.. ไปนอนค้างกลางทะเลทราย!
เวลาราวบ่ายสองโมง ก็เตรียมเก็บของเพื่อที่จะออกไปทัวร์ทะเลทรายกัน ซึ่งที่จริงสามารถฝากสัมภาระต่างๆ ไว้ที่พักก่อนก็ได้ หรือ จะนำไปด้วยก็แล้วแต่ความสะดวก สำหรับทัวร์ทะเลทรายนั้น จะมีขายอยู่ทั่วๆ ไป ตามร้านทัวร์ในเมือง หรือตามโรงแรมต่างๆ โดยเราจองผ่านกับทางที่พักไว้แล้ว ได้มาใน ราคา 1,800 รูปี ต่อ คน ก็ตกคนละ 900 บาท ซึ่งราคานี้รวม รวมรถรับส่งจากโรงแรมไปทะเลทรายธาร์ , ขี่อูฐ, นอนทะเลทราย, อาหาร 2 มื้อ เย็น-เช้า และ โชว์การแสดงจากชนเผ่าพื้นเมือง
การเดินทางจากตัวเมือง Jaisalmer ไปยังจุดหมายที่ ทะเลทรายธาร์ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงแคมป์ที่อยู่ก่อนเข้าทะเลทราย ซึ่งแคมป์นี้เหมือนเป็นจุดไว้บริการนักท่องเที่ยว มีเครื่องดื่ม มีห้องน้ำ มีห้องพัก มีลานกิจกรรมแคมป์ไฟ เป็นจุดรับประทานอาหาร และ เป็น จุดเริ่มต้นในการขี่อูฐ ของวันนี้ด้วย
นั่งรอให้แสงอาทิตย์ลดความร้อนแรงสักหน่อย ก็เตรียมไปขี่อูฐกัน ซึ่งตอนขี่อูฐเนี่ย.. มันจะรู้สึกเสียว ก็เฉพาะตอนขึ้นและลงเท่านั้น ช่วงเวลาที่ขี่อยู่บนหลังเป็นอะไรที่สนุกมากจนลืมความร้อนไปชั่วขณะเลยครับ โดยคนจูงอูฐของเราในวันนี้ มาพร้อมกับลูกชายตัวเล็กๆ ของเขาอีก 2 คนครับ มาจูงอูฐเดินพาเราเข้ามาในทะเลทราย..
ในการขี่อูฐจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงครับ อูฐจะพาเดินไปตามเนินทรายต่างๆ เพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ
ช่วงแรกๆ ของการขี่มันก็สนุกดีครับ นั่งโยกเยกไปมา บนหลังอูฐ แต่..พอช่วงหลังๆ แอบมีความรู้สึกปวดก้นบ้างเหมือนกัน 55+
ทะเลทรายที่นี่ก็สวยดีครับ ในเวลาบ่ายแก่ๆ แดดไม่แรงมาก
มาถึงจุดนั่งพักกันแล้ว ตรงนี้จะมีพุ่มไม้ ต้นไม้ต้นเล็กๆ ให้นั่งหลบแดด กันบ้าง เราได้นั่งพัก และ น้องอูฐก็ได้พักด้วย
จากนั้น.. ก็เดินไปยังจุดต่อไป ซึ่งเป็นเนินทรายที่สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตก
นักท่องเที่ยว หามุมส่วนตัว นั่งชมพระอาทิตย์ตกที่ ทะเลทรายธาร์
เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว.. เราก็กลับ ขึ้นอูฐ ขี่อูฐกลับมายังแคมป์ เพื่อรับประทานอาหารเย็น และ ชมการแสดงท้องถิ่น เป็นการสิ้นสุดการขี่อูฐในวันนี้ ซึ่งน้องๆ ที่มาจูงอูฐให้ก็น่ารักและขยันขันแข็งกันดีครับ ก็เลยมีทิปให้ไว้ไปซื้อขนมกินกันนิดหน่อย..
ทานอาหารเย็น พร้อมชมการแสดงรอบดึก รอบกองไฟ!
ที่แคมป์จะมี ลานกิจกรรม ไว้สำหรับโชว์การแสดงครับ เราจะมาทานอาหารเย็นร่วมกัน พร้อมกับชมการแสดงพื้นเมืองไปด้วย ซึ่งนอกจากอาหารเย็นแล้ว ก็สามารถสั่งเครื่องดื่มต่างๆ เพิ่มเติมได้(แต่พวกเครื่องดื่มต่างๆ ต้องเสียตังค์เพิ่มนะครับ)
การแสดงเป็นของชนเผ่าพื้นเมือง มีท่าทางการเต้นรำ ประกอบกับ การเล่นดนตรีแบบสดๆ ก็ดูสนุกสนานแปลกตาไปอีกแบบ..
อาหารมื้อเย็น จะเป็นแบบบริการตัวเองครับ สามารถเดินไปตักเองได้ มีข้าว และกับข้าวอยู่ 4-5 อย่าง ซึ่งรสชาติค่อนข้างจัดเครื่องเทศมากๆ ถึงขั้นเผ็ดจนลิ้นชาเลย แต่..ก็พอกินได้จนหมดครับ
การแสดง ช่วงท้ายๆ จะเป็นการเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวที่มาพักที่แคมป์นี้มาร่วมสนุก เต้นรำรอบกองไฟด้วยกันครับ บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความสนุกสนาน
และแล้ว.. ก็ได้เวลาเข้านอน นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์ที่จะนอนค้างกลางทะเลทราย ก็จะมีรถจี๊ปขับลุยทะเลทรายเข้าไปส่งยังจุดที่เตรียมไว้ครับ ซึ่งรู้สึกว่าคืนนี้จะมีอยู่ 3 กลุ่ม กระจายกันไปตามจุดต่างๆ ทิ้งระยะห่างพอสมควร เมื่อไปถึงจุดที่จะต้องค้างแรม ก็จะเห็นเตียงที่ตั้งอยู่กลางเนินทราย โล่งๆ โปร่งๆ บนเตียงมีหมอน และ ผ้าห่มพร้อม ใกล้ๆ เตียงนอน จะเห็นกระโจมเล็กๆ ในนั้นเขาจะไว้เก็บหมอน และผ้าห่ม ถ้าไม่พอใช้ก็ไปหยิบมาเพิ่มได้
ซึ่งเมื่อเรามาถึงจุดนี้.. ก็เตรียมนอนกันเลย เพราะ บรรยากาศรอบด้านมันมืดมากๆ อากาศเริ่มจะหนาว ไม่มีอะไรจะทำนอกจากการนอนดูดาว.. ดาวที่ทะเลทรายมันเต็มท้องฟ้าสวยจริงๆ นะ .. Good Night!
DAY #3 JAISALMER-JODHPUR-JAIPUR, INDIA.
นอนดูดาวเต็มฟ้ากลางทะเลทราย เป็นอะไรที่เพลินมาก..
กลางคืนนอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะ ลมหนาวที่พัดมาเป็นช่วงๆ รู้สึกตัวตื่นที ก็ลืมตาขึ้นมาที ก็เห็นดาวแบบเต็มท้องฟ้าเลย ยิ่งดึกยิ่งสวย หลับๆ ตื่นๆ ไปแบบนี้จนถึงเช้า..
ช่วงเช้า.. อากาศดีนะครับ ตื่นมาก่อนพระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าเล็กน้อย
ตื่นมาแบบนี้.. ถ้าอยากเข้าห้องน้ำจะทำยังไง? คำตอบ ก็คือ ห้องน้ำมีอยู่ทุกที่ครับ เดินหามุมไปปล่อยได้ตามใจชอบเลย 55+
แสงอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้ามาทีละนิด ความรู้สึกตอนนี้มันชิลดีจริงๆ
เป็นการมานอนค้างทะเลทรายที่รู้สึกคุ้มค่ามากๆ
ซึ่งหลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว รถจี๊ปก็จะขับมารับเรากลับไปที่แคมป์ครับ..
บริเวณแคมป์จะมีหมู่บ้านด้วย เช้าๆ แบบนี้ก็จะเห็นชาวบ้านออกไปตักน้ำที่บ่อเพื่อเอาไปใช้ในครัวเรือน
กลับมาล้างหน้าแปรงฟันที่แคมป์ แล้วก็ทานอาหารเช้ากันครับ เมนูอาหารเช้า เป็นเมนูง่ายๆ กินง่ายดี ไม่อิ่มก็ไปเติมได้ มื้อนี้กินได้เยอะเลย เยอะกว่าทุกมื้อ 55+
นั่ง Local Bus จาก Jaisalmer ไป Jodhpur
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ รถก็กลับมาส่งในเมือง Jaisalmer ซึ่งเราก็ได้แวะลงที่ สถานีรถบัส ของเมือง Jaisalmer เพราะเราจะนั่งรถบัสเดินทางไปเมือง Jodhpur กันต่อ ที่นี่.. มีรถบัสวิ่งไปหลายเมือง มีเที่ยวรถอยู่เยอะเหมือนกัน สำหรับเส้นทาง Jaisalmer – Jodhpur นี่ก็มีทุกๆ ชั่วโมงเลย
ค่าตั๋ว 200 บาทไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง … แล้วเจอกันที่ Jodhpur นครสีฟ้า!
ติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่ >> Jodhpur : จ๊อดปูร์ Blue City (นครสีฟ้า)
ปล. การเดินทางในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 ตอน คือ
- 3 เมือง 3 สี แห่ง ราชาสถาน อินเดีย(เตรียมตัวเดินทาง)
- Jaisalmer : จัยซัลแมร์ Golden City (นครสีทอง)
- Jodhpur : จ๊อดปูร์ Blue City (นครสีฟ้า)
- Jaipur : ชัยปุระ Pink City (นครสีชมพู)
*ชัยปุระ (Jaipur) ปัจจุบัน สามารถเดินทางไปได้ง่าย ด้วยเส้นทางบินตรง จากสายการบินแอร์เอเชีย ราคาประหยัด เดินทางสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น
#ไปชัยปุระไปกับแอร์เอเชีย
#AirAsiaTravels #AirAsia
#CHAILAIBACKPACKER
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com