ทริปนี้ เราจะพาไปเที่ยวกันที่ จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu) เป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวมาก ธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศสงบ มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงเมนูอร่อยๆ ที่ไม่ควรพลาด สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟชินคังเซ็น จาก ฟุกุโอกะ(Fukuoka) ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เดินทางมาท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายมากๆ เลย ซึ่งเราก็ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด ที่พักน่าพัก และเมนูอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ของทริปนี้กัน!
การเดินทาง ในเมือง คาโกชิม่า (Kagoshima) แนะนำบัตร CUTE ซึ่งเป็นพาสสำหรับใช้โดยสารขนส่งสาธารณะในเมืองคาโกชิม่า อย่างเช่น รถบัส รถราง และเรือเฟอร์รี่ที่ข้ามไป Sakurajima และยังใช้เป็นคูปองส่วนลดสำหรับค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ได้อีกด้วย โดยสามารถหาซื้อพาสนี้ได้ตามจุดจำหน่ายในเมือง อย่างเช่นที่สถานีรถไฟ Kagoshima Chuo Station หรือ Kagoshima Port มีจำหน่าย 2 แบบ คือ
● 1 Day Pass : ผู้ใหญ่ 1,300 เยน / เด็ก 650 เยน
● 2 Day Pass : ผู้ใหญ่ 1,900 เยน / เด็ก 950 เยน
การเดินทาง มายัง จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) จาก เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) ด้วยรถไฟ Kyushu Shinkansen โดยขึ้นที่สถานี Hakata Station มาลงที่สถานี Kagoshimachuo Station ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น!
ภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakurajima)
“ซากุระจิมะ” (Sakurajima) ภูเขาไฟความสูง 1,117 เมตร สัญลักษณ์ของ จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) มีเส้นรอบวงราว 50 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 4 กิโลเมตร สามารถมองเห็นได้เด่นชัดจากตัวเมืองคาโกชิม่า เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงมีการปะทุเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ และในบางช่วงเวลาก็อาจจะเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาอีกด้วย เป็นวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่ต้องมาเที่ยวชมกันสักครั้ง
การเดินทาง ไปชม ภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakurajima) อย่างใกล้ชิดก็ต้องนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไป ซึ่งเราก็นั่งรถรางมาขึ้นเรือที่ท่าเรือ Sakurajima Ferry Terminal สามารถใช้ CUTE ได้ตลอดการเดินทาง โดยเรือเฟอร์รี่ Sakurajima Ferry จะออกทุก 15 หรือ 20 นาที ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 15 นาที เท่านั้น
เมื่อเรือเฟอร์รี่มาเทียบท่าที่ Sakurajima Port ท่าเรือของเกาะซากุระจิมะแล้ว ก็จะมีรถบัส Sakurajima Island View Tour Bus ที่ให้บริการในพื้นที่ของเกาะซากุระจิมะ (ออกทุก 30 นาที) โดยสามารถขึ้นรถบัสไปแวะเที่ยวชมตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยู่รอบเกาะได้ อย่างเช่น
● Sakurajima Visitor Center ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซากุระจิมะ เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กอยู่ใกล้กับท่าเรือ Sakurajima Port ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของภูเขาไฟซากุระจิมะ ซึ่งจะมีการนำเสนอข้อมูลอย่างละเอียดผ่านสื่อมีเดียต่างๆ อย่างเช่น ห้องฉายภาพยนตร์ขนาด 200 นิ้ว, วิดีโอจำลองการปะทุของภูเขาไฟ, ภาพถ่ายและตัวอย่างเศษซากของภูเขาไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกเกี่ยวภูเขาไฟซากุระจิมะจำหน่ายอีกด้วย (เข้าชมได้ฟรี!)
● Lava Nagisa Beach Park and Public Foot-Spa สวนสาธารณะริมทะเล แหล่งพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ มีบริการบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติสำหรับแช่สปาเท้า ความยาว 100 เมตร (ให้บริการฟรี!)
● Yunohira Observatory หอสังเกตการณ์ ที่อยู่บนภูเขาคิตะดาเกะ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 373 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดที่สามารถขึ้นมาใกล้กับปากปล่องภูเขาไฟซากุระจิมะ ซึ่งบนหอสังเกตการณ์สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา มองเห็นวิวภูเขาไฟได้แบบใกล้ชิด และมองเห็นเมืองคาโกชิม่าที่อยู่อีกฟากได้อีกด้วย
● Ougaku Tougei แหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาที่ขึ้นชื่อของซากุระจิมะ หรือที่เรียกว่า “Sakurajima Ware” ที่ผลิตได้เฉพาะที่นี่ โดยมีการใช้เถ้าของภูเขาไฟและน้ำพุร้อนในท้องถิ่น มาปั้นเป็นเครื่องปั้นดินเผาหลากหลายรูปแบบ ซึ่งคุณสมบัติของเถ้าภูเขาไฟจะช่วยให้เครื่องดื่มมีรสชาติที่ละมุนขึ้น และยังมี Workshop ศิลปะจากเถ้าภูเขาไฟซากุระจิมะที่ผสมสีจากธรรมชาติ นำมาสร้างสรรค์ลงบนผืนผ้าใบ เป็นผลงานที่ระลึกที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ “ซากุระจิมะ” (Sakurajima) ก็ยังมีจุดเช็คอินอีกมากมาย มีมุมถ่ายรูปภูเขาไฟสวยๆ อีกเพียบ ให้ได้แพลนเที่ยวได้ตามความสะดวก เป็นสถานที่ที่ได้ทั้งความรู้และให้ประสบการณ์อย่างดีเยี่ยม แนะนำใครมีแพลนเที่ยวญี่ปุ่นรอบหน้า ต้องมาที่ “จังหวัดคาโกชิม่า” (Kagoshima) นะ!
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.sakurajima.gr.jp/svc/english/
สวนเซ็นกังเอ็น (Sengan-en) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของ จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) มีพื้นที่ขนาด 12 เอเคอร์ เป็นจุดที่สามารถมองเห็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ(Sakurajima) ภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่น แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดคาโกชิม่าได้อย่างชัดเจน พร้อมชมวิวบรรยากาศรับลมทะเลได้อย่างสุดชิล
ในอดีตเมื่อปี 1658 สวนเซ็นกังเอ็น (Sengan-en) ได้ถูกสร้างขึ้นโดย ตระกูลชิมาสึ (Shimadzu) ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอำนาจปกครองพื้นที่ของเมืองนี้มากว่า 700 ปี ภายใน สวนเซ็นกังเอ็น จะมีอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ มีร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านกาแฟ คาเฟ่ และมีกิจกรรมน่าสนใจอย่างมากมาย
สำหรับใครที่สนใจประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ ก็ต้องมาเข้าชม “คฤหาสน์ตระกูลชิมาสึ” (Shimadzu Clan) อาคารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวน ที่เปิดให้เข้าชมภายในได้ ซึ่งจะประกอบได้ด้วยห้องต่างๆ ที่มีการตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์สไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมผสมกับกลิ่นอายของยุโรปที่ได้รับวัฒนธรรมเข้ามาในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ ก็ยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อย่างเช่น
● “Shoko Shuseikan Museum” พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงชิ้นงานทางประวัติศาสตร์ที่ตระกูลชิมาสึเคยใช้ ประมาณ 10,000 ชิ้น โดยเป็นชิ้นงานเกี่ยวกับเครื่องแก้วซัสสึมะที่มีการผลิตมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
● “Jambo Mochi Shop” ร้านขนมจัมโบ้โมจิ(Jambo Mochi) ขนมที่ทำจากแป้งโมจิเคลือบด้วยซอสมิโซะหวาน เสียบด้วยไม้สองแท่ง ซึ่งเปรียบเสมือนดาบ 2 เล่มของซามูไรที่พกติดตัว เป็นเมนูอร่อยที่ต้องแวะมาชิม
● “Sengan-en Brand Shop” ร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก ที่เป็นงานฝีมือระดับคุณภาพ โดยเฉพาะเครื่องแก้วที่มีความสวยงาม เป็นของฝากที่ไม่เหมือนใคร
● “Experience Centre” ศูนย์รวมกิจกรรมที่มีกิจกรรมสนุกและน่าสนใจให้เลือกอย่างมากมาย อย่างเช่น กิจกรรมยิงธนู, กิจกรรมสวมชุดซามูไร, กิจกรรมงานเครื่องแก้วและงานฝีมือต่างๆ เป็นต้น
และ มาเที่ยว “สวนเซ็นกังเอ็น” (Sengan-en) ในครั้งนี้ เราก็ได้มีโอกาสได้ลองสวมชุดเกราะซามูไร ราคา 8,000 เยน (1 ชั่วโมง) ซึ่งบริการเช่าชุดจะมีทั้งชุดของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก มีแบบของชุดต่างๆ ให้เลือก(มีราคาที่แตกต่างกันไป) โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการช่วยสวมชุดที่ต้องใช้ความปราณีต และใช้เวลาพอสมควร(10 – 15 นาที)
เมื่อสวมชุดซามูไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นภายในบริเวณของสวนแห่งนี้ได้เลย มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ ที่มีฉากหลังเป็นวิวทะเลและภูเขาไฟซากุระจิมะ(Sakurajima) เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าสนใจที่อยากให้ทุกคนได้ลอง!
การเดินทาง : จาก ตัวเมืองคาโกชิม่า (Kagoshima) นั่งรถบัส (Kagoshima City View) มาประมาณ 30 นาที
● ค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไป (อายุ 15 ปีขึ้นไป) 1,600 เยน / นักเรียนประถมและมัธยมต้น และนักเรียนมัธยมปลาย 800 เยน
ข้อมูลเพิ่มเติม Sengan-en 仙巌園
● ที่อยู่ : 9700-1 Yoshino-chō, Kagoshima, 892-0871 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 17.00 น.
● โทร : +81 99-247-1551
● เว็บไซต์ : https://www.senganen.jp/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/iM24D84188p8Wazw9
แนะนำร้านอาหาร Kagoshima
“Satsuma Gashotei” เป็นร้านเมนูข้าวหน้าปลาไหลที่ขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิม่า โดยใช้วัตถุดิบปลาไหลสดใหม่จากในจังหวัดคาโกชิม่าเอง ที่นับว่าเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงปลาไหลสูงที่สุดในญี่ปุ่น ผ่านขั้นตอนการย่างอย่างพิถีพิถันบนถ่านบินโช ทำให้ได้ปลาไหลย่างแบบกรอบนอก นุ่มใน รสชาติอร่อย
ภายใน ร้าน “Satsuma Gashotei” มีบริการที่นั่งรวมทั้งหมด 39 ที่นั่ง โดยที่ชั้น 1 จะเป็นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ ที่สามารถเข้ามานั่งทานคนเดียวได้ และที่ชั้น 2 มีห้องแบบส่วนตัวพื้นห้องปูด้วยเสื่อทาทามิ (จำนวน 4 ห้อง) สำหรับมาทานเป็นกลุ่มหรือครอบครัวก็เป็นส่วนตัวดีนะ
เมนูแนะนำ “Unatamadon” (うな玉丼) เมนูข้าวหน้าปลาไหลย่าง แบบเต็มตัว(4,280 เยน) และแบบครึ่งตัว(3,280 เยน) วางมาบนไข่เจียวหวานแบบฉ่ำๆ และข้าว Akihonami ที่คัดสรรอย่างดี ซึ่งเป็นข้าวที่ผลิตในจังหวัดคาโกชิม่า หุงพิเศษด้วยหม้อเหล็กนัมบุ ทำให้ได้รสชาติข้าวที่อร่อยเข้ากันกับปลาไหลย่างได้เป็นอย่างดี
และ ถ้าใครอยากลองทานเมนูข้าวหน้าปลาไหล 2 แบบ ก็สามารถเลือกเมนูแบบ 二色重 (4,200 เยน) ที่สามารถอร่อยกับข้าวหน้าปลาไหลได้ทั้ง 2 แบบ ในชามเดียวกัน
นอกจาก เมนูข้าวหน้าปลาไหล ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ให้ได้ลองชิมอีกด้วย อย่างเช่น ข้าวทงคัตสึ (ロースかつ) ที่ใช้เนื้อหมูสันนอก Sakurajima Biyuton Pork วัตถุดิบชั้นดีของจังหวัดคาโกชิม่าเช่นกัน (ราคาสำหรับ 150 g. 1,680 เยน และ 220 g. 2,200 เยน)
ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยว จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) เราก็ขอแนะนำให้ลองมาชิมเมนูข้าวหน้าปลาไหลอร่อยๆ ที่ร้านนี้เลย เดินทางมาได้ง่าย ไม่ไกลจาก Tenmonkan แหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิม่า
การเดินทาง : จาก สถานีรถราง Temmonkandori Station 天文館通駅 เดินต่อประมาณ 500 เมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม 薩摩 雅咲亭 鹿児島本店
● ที่อยู่ : 10-7 Tenokuchicho, Kagoshima, 892-0845 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 11.30 น. – 14.30 น. และ 17.30 น. – 21.30 น. (ปิดวันจันทร์)
● โทร : +81 99-295-4845
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WGTvxcRDRZ7G2kMC7
“Kurokuma Nabe” เมนูชาบูหม้อไฟที่ขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิม่า ร้านตั้งอยู่ใน Hotel & Residence Nanshukan โรงแรมเก่าแก่ของเมืองคาโกชิม่าที่เปิดกิจการมาอย่างยาวนาน ซึ่งจุดเด่นของร้านจะใช้ “หมูดำคาโกชิม่า” (Kagoshima Kurobuta) วัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดคาโกชิม่า มาทำเมนูชาบูในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้หม้อชาบูขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 70 เซนติเมตร พร้อมมีเชฟผู้เชี่ยวชาญคอยบริการและดูแลอย่างดีในระหว่างการทานอาหาร
สำหรับ เมนูชาบูหมูดำสูตรพิเศษ จะประกอบไปด้วยน้ำซุปที่ปรุงด้วยสาหร่ายทะเล และเกล็ดปลาแห้งคุณภาพดีของจังหวัดคาโกชิม่า มาเคี่ยวรวมกันกับผัก 7 ชนิด อย่างช้าๆ โดยใช้เวลาในการปรุงมากกว่า 5 ชั่วโมง ทำให้ได้รสชาติความหวานจากผัก และมีความเข้มข้นกลมกล่อม เป็นน้ำซุปที่อร่อยมากๆ เลย
ในส่วนของเนื้อหมูจะใช้ “หมูดำคาโกชิม่า” (Kagoshima Kurobuta) เนื้อหมูพันธุ์ดีเกรดคุณภาพสูง ที่ถูกเลี้ยงด้วยมันเทศ จนได้คุณภาพเนื้อหมูคุโรบูตะที่ดี นุ่ม รสชาติอร่อย สามารถสั่งเป็นชุดที่จะเสริฟมาพร้อมกับผักนานาชนิด ที่ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีเกรดคุณภาพของจังหวัดคาโกชิม่า โดยเฉพาะผักกาดหอม ที่มีความสด กรอบ เข้ากับน้ำซุปสูตรพิเศษได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังสามารถปรุงรสเพิ่มด้วย “Yuzukosho” ที่จะเพิ่มความหอมของยูซุ รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร พร้อมปิดท้ายด้วยการใส่เส้นราเมนลงไปในหม้อน้ำซุป เพื่อให้เส้นราเมนดูดซึมน้ำซุปที่เข้มข้นเข้าไป ได้อิ่มอร่อยแบบเต็มที่กันไปเลย
การเดินทาง : จาก สถานีรถราง Temmonkandori Station 天文館通駅 เดินต่อประมาณ 450 เมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม Hotel & Residence Nanshukan (Kurokuma)
● ที่อยู่ : 19-17 Higashisengokucho, Kagoshima, 892-0842 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 99-226-8188
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/rhHz35Ku7pmLnYPA6
“Wakana” (Chuo-eki Higashiguchi) ร้านอาหารท้องถิ่นของเมือง คาโกชิม่า(Kagoshima) ที่มีการสืบทอดรสชาติความอร่อยยาวนานกว่า 70 ปี เป็นร้านที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมอาหารของคาโกชิม่า ที่ล้วนใช้วัตถุดิบคุณภาพจากท้องถิ่น
ซึ่งมีเมนูให้ลองเลือกชิมมากมาย อย่างเช่น มิโซะโอเด้ง, หมูดำคาโกชิม่า, คุชิยากิ รวมถึงเมนูเครื่องดื่มโชจูท้องถิ่นที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย
ข้อมูลเพิ่มเติม Wakana (Chuo-eki Higashiguchi)
● ที่อยู่ : 4-42 Chuocho, Kagoshima, 890-0053 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 17.00 น. – 22.00 น. (ปิดวันจันทร์)
● โทร : +81 99-202-0031
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cGzPUY9gyNy3oWRs7
แนะนำที่พัก Kagoshima
Solaria Nishitetsu Hotel Kagoshima ที่พักตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Kagoshimachuo Station ศูนย์กลางการเดินทางของเมืองคาโกชิม่า ที่เชื่อมต่อด้วยรถไฟชินคังเซ็น เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย มีระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถราง และรถบัส และแหล่งช้อปปิ้งที่อยู่ใกล้เคียง
ห้องพัก มีบริการหลายประเภท ทั้ง Single Room, Double Room, Twin Room, Superior Twin Room และ Premium Twin Room ภายในห้องพัก กว้าง สะอาดเป็นระเบียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พักผ่อนได้อย่างสบาย ที่สำคัญที่นี่วิวสวยสามารถมองเห็น “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” (Sakurajima) ได้จากหน้าต่างของห้องพักอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม Solaria Nishitetsu Hotel Kagoshima
● ที่อยู่ : ญี่ปุ่น 〒890-0053 Kagoshima, Chuocho, 11 鹿児島中央ターミナルビル
● โทร : +81 99-210-5555
● เว็บไซต์ : https://solaria-kagoshima.nishitetsu-hotels.com/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ExAoWVypmVAn3TWX8
Sun Days Inn Kagoshima ที่พักตั้งอยู่ในย่านแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของ เมืองคาโกชิม่า(Kagoshima) อย่าง Tenmonkan ที่เต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารมากมาย และเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะ
ห้องพัก มีบริการหลายประเภท ทั้ง Standard Twin, Deluxe Twin, Ladies Room, Sundays Deluxe และ Barrier-free Room ภายในห้องพัก สะอาด สะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน และห้องพักบางประเภทก็สามารถมองเห็นวิวของ “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” (Sakurajima) ได้อย่างชัดเจน เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
ข้อมูลเพิ่มเติม Sun Days Inn Kagoshima
● ที่อยู่ : 9-8 Yamanokuchicho, Kagoshima, 892-0844 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 99-227-5151
● เว็บไซต์ : hotelsundays.com
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JYYMCJyZa3T1y1EZ6
หลังจากพาเที่ยวใน เมืองคาโกชิม่า(Kagoshima) แล้ว เราจะพาไปเที่ยวกันต่อที่เมือง Ibusuki ด้วยรถไฟ “IBUTAMA” รถไฟท่องเที่ยวแห่งคาโกชิม่า ชมบรรยากาศสุดชิล ที่ต้องมาลองนั่งสักครั้ง!
เที่ยวเมือง Ibusuki จังหวัด Kagoshima
“IBUSUKI NO TAMATEBAKO” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “IBUTAMA” รถไฟท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคคิวชู ที่วิ่งระหว่างตัวเมือง Kagoshima จากสถานี Kagoshimachuo Station ไปยังสถานี Ibusuki Station ในเมือง Ibusuki จังหวัด Kagoshima จำนวน 3 เที่ยวต่อวัน โดยใช้เวลาในการเดินทาง 50 นาที ซึ่งระหว่างการเดินทางเราก็จะได้ชมบรรยากาศของธรรมชาติสองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างดีเลยทีเดียว
สำหรับขบวนรถไฟ “IBUTAMA” ออกแบบด้วยสีทูโทน แบ่งครึ่งตู้โดยสารเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เรื่อง “อุระชิมะ ทาโร่” (Urashima Taro) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มชาวประมงที่ได้ช่วยเต่าทะเลตัวน้อย จากการถูกรังแกของเด็กๆ จากนั้น เวลาผ่านไปในขณะที่เขากำลังออกเรือหาปลา ก็มีเต่าตัวใหญ่เข้ามาขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ เต่าตัวน้อยที่ถูกรังแกในครั้งนั้น และอยากตอบแทนด้วยการพาไปชมพระราชวังมังกรใต้ทะเล
“อุระชิมะ ทาโร่” ได้รับการต้อนรับจาก เจ้าหญิงโอโตฮิเมะ อย่างดี เขาเที่ยวชมอยู่ในวังใต้ทะเลจนเวลาล่วงเลยผ่านไป และอยากจะกลับขึ้นจากทะเล ก่อนกลับเจ้าหญิงก็ได้มอบกล่องบางอย่างให้ และเมื่อเขาขึ้นมาจากทะเลแล้ว เขาก็กลับพบว่า เวลาบนบกผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ้านของเขาก็ไม่มีแล้ว กลายเป็นที่รกร้าง คนที่รู้จักก็ไม่มีหลงเหลืออยู่ เขาเสียใจมาก และได้เปิดกล่องที่ เจ้าหญิงโอโตฮิเมะ มอบให้ ซึ่งเมื่อเขาเปิดกล่องก็มีควันพวยพุ่งออกมาพร้อมกับ อุระชิมะ ทาโร่ ก็เข้าสู่วัยชราในทันที เป็นเพราะว่า กล่องใบนั้นเป็นกล่องที่เก็บอายุของเขานั่นเอง
“IBUTAMA” มีตู้โดยสารที่ภายในตกแต่งได้อย่างน่ารัก มีการตกแต่งด้วยลวดลายของสัตว์น้ำจากนิทานพื้นบ้าน ส่วนการจัดที่นั่ง นอกจากจะมีที่นั่งแบบธรรมดาแล้ว ก็จะมีที่นั่งแบบโซฟานั่งสบาย และที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์หันหน้าออกไปชมวิวข้างนอกได้แบบชัดเจน
การเลือกที่นั่งบน “IBUTAMA” ก็สามารถเลือกจองที่นั่งได้ตามความต้องการ คือ ถ้าอยากชมวิวทะเลให้นั่งทางฝั่งสีขาว หรือ ถ้าอยากชมวิวภูเขาก็นั่งทางฝั่งสีดำ โดยที่นั่งที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์ทางฝั่งสีขาวหันหน้าออกไปชมวิวทะเล มักจะเป็นที่นั่งที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
ในระหว่างการเดินทาง ก็จะมีบริการจำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งของที่ระลึก ของว่าง อาหาร และเครื่องดื่ม โดยพนักงานจะเข็นรถไปบริการถึงที่นั่ง มีเมนูแนะนำ คือ “Custard & Black Sesame Pudding” (450 เยน) พุดดิ้งอร่อยๆ ที่ต้องลองชิม และยังมีพวกเครื่องดื่มสดชื่นๆ “Ibusuki Hot Spring Soda” (350 เยน) หรือ “Craft Beer” (750 เยน) คราฟท์เบียร์ท้องถิ่นให้เลือกจิบพร้อมชมวิวบรรยากาศชิลๆ อีกด้วยนะ
นั่งรถไฟชมวิวเพลินๆ ใช้เวลาราว 50 นาที ก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่สถานีรถไฟ Ibusuki Station ในเมือง Ibusuki เมืองตากอากาศขึ้นชื่อของจังหวัด Kagoshima ที่มีจุดเช็คอินและกิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย อย่างเช่น Saraku Sand Bath Hall (ออนเซ็นทรายร้อน), Hirakiki Shrine (ศาลเจ้าฮิราคิคิ), Municipal Tōsenkyō Sōmen-noodle Restaurant (โซเมนนางาชิ), Lake Ikeda (ทะเลสาบอิเคดะ) เป็นต้น
● ค่าโดยสาร “IBUTAMA” : 2,800 เยน(ผู้ใหญ่)
● ตารางเวลา “IBUTAMA” : 3 เที่ยว / วัน
Kagoshimachuo Station >> Ibusuki Station
09.56 – 10.47
11.56 – 12.48
13.56 – 14.49
Ibusuki Station >> Kagoshimachuo Station
10.56 – 11.48
12.57 – 13.48
15.07 – 16.00
สามารถจองตั๋วโดยสาร และ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่! : https://www.jrkyushu.co.jp/english/train/ibutama.html
เมือง “อิบุสึกิ” (Ibusuki) เป็นเมืองตากอากาศขึ้นชื่อ ที่มีจุดเช็คอินและกิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย และ อีกหนึ่งภารกิจสนุกๆ ก็คือ การตามหาฝาท่อระบายน้ำ ลาย Pokémon น่ารักๆ ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมืองนี้
ฝาท่อระบายน้ำ โปเกมอน (Pokémon) เป็นแคมเปญโปรโมทการท่องเที่ยวของเมือง Ibusuki ด้วยการเปลี่ยนฝาท่อระบายน้ำในเมืองให้เป็นลายโปเกมอน ซึ่งจะใช้ตัวละครที่ชื่อ “อีวุย” (Eevee) ที่มีการออกเสียงคล้ายกับชื่อของเมือง “อิบุสึกิ” โดยจะมีลวดลายอยู่ทั้งหมด 9 แบบด้วยกัน
สำหรับใครที่อยากตามเก็บภาพฝาท่อระบายน้ำลาย Pokémon ที่อยู่ตามจุดต่างๆ ก็สามารถขอแผนผังได้จาก Ibusuki Information Center ที่อยู่ในสถานีรถไฟ Ibusuki Station ได้ หรือจะ Scan QR Code ดูตำแหน่งจาก Google Maps ก็สะดวกเช่นกัน
● พิกัด Google Maps : ฝาท่อระบายน้ำ Pokémon 9 แบบ http://bit.ly/2Bh4Wuq
และ ฝาท่อระบายน้ำจุดแรกที่เจอได้ง่ายสุด ก็จะอยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟ Ibusuki Station เพียงเดินออกจากอาคารสถานีรถไฟ แล้วเดินไปทางขวามือไม่กี่ก้าว ก็เจอกับฝาท่อระบายน้ำลายโปเกมอนน่ารักๆ แล้ว
ส่วนฝาท่อระบายน้ำโปเกมอนในจุดอื่นๆ เราก็ต้องสารภาพว่า ครั้งนี้ได้ไปตามเก็บมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งถ้ามีโอกาสมาเยือนที่เมืองนี้อีกครั้ง ต้องตามเก็บให้ครบทั้ง 9 แบบ อย่างแน่นอน!
การเดินทาง ในเมือง Ibusuki จาก สถานีรถไฟ Ibusuki Station แนะนำให้เช่ารถขับจากผู้ให้บริการหรือสอบถามได้ที่ Ibusuki Information Center สามารถเช่ารถแบบขับเองหรือเช่ารถพร้อมคนขับ วนเที่ยวในเมือง Ibusuki โดยไปเช็คอินตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย
“Saraku Sand Bath Hall” สถานที่สำหรับการทำออนเซ็นทรายร้อน ตั้งอยู่ริมแนวชายหาดของเมือง อิบุสึกิ (Ibusuki) ซึ่งความพิเศษของชายหาดบริเวณนี้จะมีความร้อนสูง เนื่องจากมีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อยู่ใต้พื้นดิน จึงได้ใช้ความร้อนจากชายหาดให้เกิดประโยชน์ด้วยการทำออนเซ็นทรายร้อนธรรมชาติ ที่ถือว่ามีแห่งเดียวในโลก
สำหรับประโยชน์ของ “ออนเซ็นทรายร้อน” จะช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ทำให้ร่างกายรู้สึกสดใสขึ้น
Saraku Sand Bath Hall จะมีบริการชุดยูกาตะ ผ้าขนหนู และอุปกรณ์สำหรับออนเซ็น โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนของการออนเซ็นทรายร้อน เริ่มต้นจากการเปลี่ยนชุด เป็นชุดยูกาตะ จากนั้น ก็ไปที่บริเวณชายหาดที่มีการเตรียมพื้นที่สำหรับออนเซ็น โดยเราจะต้องนอนหงายลงไปบนพื้นทราย แล้วเจ้าหน้าที่จะคอยๆ ตักทรายร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 55 องศาเซลเซียส มากลบร่างกายของเรา ตั้งแต่ตั้งแต่ช่วงคอลงไปทั้งตัว เหลือไว้เพียงบริเวณใบหน้าเท่านั้น เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน นอนนิ่งๆ พร้อมฟังเสียงคลื่นทะเล
ในช่วงที่อยู่ภายใต้ทรายร้อน จะรู้สึกหนักจากทรายที่ทับไว้ และร่างกายจะค่อยๆ ขับเหงื่อออกมา โดยจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้น ก็จะไปอาบน้ำเพื่อล้างทรายออกและทำความสะอาดร่างกาย หรือ จะไปแช่น้ำพุร้อนต่ออีกหน่อยก็ได้เช่นกัน
หลังจากทำ กิจกรรมออนเซ็นทรายร้อน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มีความรู้สึกว่าเลือดลมหมุนเวียนได้ดี กล้ามเนื้อผ่อนคลายหายเมื่อยล้า รู้สึกสบายตัวมากขึ้นเยอะเลย ใครมีโอกาสมาเที่ยวเมือง อิบุสึกิ (Ibusuki) เราก็ขอแนะนำ มาลองออนเซ็นทรายร้อนกันสักครั้งนะ!
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 800 เยน (สามารถเช่าผ้าขนหนูหรืออุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มได้)
ข้อมูลเพิ่มเติม Saraku Sand Bath Hall
● ที่อยู่ : 5 Chome-25-18 Yunohama, Ibusuki, Kagoshima 891-0406 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 08.30 น. – 21.00 น. (เฉพาะวันจันทร์ – ศุกร์ มีช่วงพักทำความสะอาด 12.00 น. – 13.00 น.)
● โทร : +81 993-23-3900
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7LsUT7TXdV37mjjL9
“ศาลเจ้าฮิราคิคิ” (Hirakiki Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตอันดับหนึ่งในซัตสึมะ ที่ได้รับการเคารพเป็นพิเศษในฐานะเทพเจ้าแห่งความปลอดภัยในด้านการคมนาคมทางน้ำ การเดินทาง และการประมง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี มีฉากหลังเป็น ภูเขาไคมอนดาเกะ (Mt. Kaimondake) ภูเขาความสูง 924 เมตร ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ซัตสึมะฟูจิ” แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้
จุดเด่น ของ “ศาลเจ้าฮิราคิคิ” (Hirakiki Shrine) ก็คือ ตัวศาลเจ้าจะโดดเด่นด้วยสีแดงสดดูสวยงาม ตัดกับสีเขียวของบรรดาต้นไม้ ภายในบริเวณศาลเจ้ามีความร่มรื่นและสงบเงียบ เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนจิตใจได้เป็นอย่างดีเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม Hirakiki Shrine
● ที่อยู่ : 1366 Kaimonjutcho, Ibusuki, Kagoshima 891-0603 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 08.00 น. – 17.00 น.
● โทร : +81 993-32-2007
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/M5RwgudunA9AwRU88
“ทะเลสาบอิเคดะ” (Lake Ikeda) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู ด้วยเส้นรอบวง 15 กิโลเมตร และมีความลึก 233 เมตร เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน ระดับน้ำในทะเลสาบจะมากหรือน้อย จึงขึ้นอยู่กับปริมาณฝน และในทะเลสาบยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาไหลยักษ์ที่มีความยาวเกือบ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ซึ่งได้รับให้เป็นสัตว์คุ้มครองของเมืองนี้
ความน่าสนใจของ “ทะเลสาบอิเคดะ” (Lake Ikeda) ก็คือ ตำนานหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ ที่ชื่อว่า “อิสซี่” (Isshii) หรือคนท้องถิ่นเรียกว่า “อิสซี่คุง” ที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์ประหลาดในตำนานของฝั่งตะวันตก “ล็อกเนส” ในทะเลสาบเนสซี ซึ่งก็มีเรื่องเล่าว่าเคยมีผู้พบเห็น “อิสซี่” ในทะเลสาบแห่งนี้
และ บริเวณริม “ทะเลสาบอิเคดะ” (Lake Ikeda) ก็มี “Ikedako Pax” อาคารขนาดเล็กสีขาวออกแบบโค้งมนสวยงาม ที่สามารถเดินบนทางลาดเอียงขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าได้ ภายในมีส่วนของ danken COFFEE คาเฟ่สุดชิค บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และเบเกอรี่ต่างๆ เป็นคาเฟ่ที่บรรยากาศดี มองเห็นวิวทะเลสาบแบบพาโนรามา และมองเห็นวิว ภูเขาไคมอนดาเกะ (Mt. Kaimondake) อีกด้วย
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบของอาคาร Ikedako Pax มี “Exchange Square” สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่จัดงานต่างๆ มีโถงทางเข้า “Foyer” สำหรับจัดกิจกรรม และติดกับทะเลสาบก็มี “Overwater Deck” ดาดฟ้าลอยน้ำ ลานขนาดใหญ่ ที่สามารถเดินเล่นชมบรรยากาศของทะเลสาบได้อย่างใกล้ชิด
ที่นี่ ถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอย่างดี วิวสวยมาก บรรยากาศสงบ มีคาเฟ่ให้นั่งจิบกาแฟชมวิวแบบชิลๆ ใครมีแพลนมาเที่ยวเมือง อิบุสึกิ (Ibusuki) ก็อย่าลืมใส่ “ทะเลสาบอิเคดะ” (Lake Ikeda) เป็นจุดแวะเที่ยว หรือ จุดแวะพักจิบกาแฟ เอาไว้ในแพลนกันด้วยนะ!
ข้อมูลเพิ่มเติม Ikedako Pax
● ที่อยู่ : 5123番地7 Ikeda, Ibusuki, Kagoshima 891-0312 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 18.00 น.
● โทร : +81 993-23-1411
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/gHoG4V1TBiAasCRm7
“ภูเขาโอโนะดาเกะ” (Mt. Onodake) ภูเขาที่มีความสูง 466 เมตร เป็นจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเมือง “อิบุสึกิ” (Ibusuki) บรรยากาศโดยรอบ สงบเงียบร่มรื่นน่าพักผ่อน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ธรรมชาติได้อย่างกว้างไกล ด้านบนมีหอสังเกตการณ์ที่เป็นจุดชมวิวมุมสูง ที่ชมวิวได้แบบ 360 องศา สามารถมองเห็น “ภูเขาไคมอนดาเกะ” (Mt. Kaimondake) ภูเขาความสูง 924 เมตร ที่มีความคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จนได้ชื่อว่าเป็น “ซัตสึมะฟูจิ” (Satsuma Fuji) แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ได้อย่างชัดเจน และมองเห็นวิวทะเลสาบอิเคดะ ท้องทะเล ชายหาด และบรรดาเกาะแก่งต่างๆ รวมถึงไร่ชาที่เป็นแหล่งปลูกชาสำคัญของเมืองนี้อีกด้วย
การขึ้นไปยังจุดชมวิวบน “ภูเขาโอโนะดาเกะ” (Mt. Onodake) จะต้องเดินขึ้นบันได “Chaju Stairs” ซึ่งเป็นบันได 108 ขั้น ค่อยๆ ไต่ระดับความสูงจนไปถึงจุดชมวิวที่หอสังเกตการณ์ แม้จะต้องออกแรงขึ้นบันไดสักหน่อย แต่วิวทิวทัศน์ด้านบนก็สวยประทับใจจริงๆ นะ!
● พิกัด : Mt. Onodake https://maps.app.goo.gl/8fXP2rQgWvZ3WTpT8
“Nishi Oyama Station” เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ที่อยู่ในเมือง อิบุสึกิ (Ibusuki) ซึ่งถ้าหากดูในแผนที่ ก็จะเห็นว่าสถานีรถไฟแห่งนี้ จะเป็นสถานีที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นเลย เป็นความพิเศษที่ต้องหาโอกาสมาถ่ายรูปเช็คอินกัน
แม้ว่า “Nishi Oyama Station” จะเป็นสถานีรถไฟขนาดเล็ก มีชานชาลาที่สั้น และมีรถไฟวิ่งผ่านเพียงไม่กี่เที่ยวในแต่ละวัน แต่ก็เป็นสถานีรถไฟที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก โดยสามารถมองเห็น ภูเขาไคมอนดาเกะ (Mt. Kaimondake) ภูเขาความสูง 924 เมตร ที่มีความคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จนได้ชื่อว่าเป็น “ซัตสึมะฟูจิ” (Satsuma Fuji) แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้
และ ใกล้กันกับชานชาลาของสถานีรถไฟ ก็จะมี “ตู้ไปรษณีย์สีเหลือง” ที่ได้นิยามว่าเป็น “ตู้ไปรษณีย์แห่งความสุข” สามารถส่งโปสการ์ดได้ เพื่ออวยพรให้ผู้รับปลายทางพบเจอแต่ความสุข โดยสามารถหาซื้อโปสการ์ดสวยๆ ได้ที่ร้านขายของที่ระลึกตรงข้ามสถานีรถไฟ
ภายใน ร้านขายของที่ระลึก นอกจากจะมีโปสการ์ด จำหน่ายแล้ว ก็ยังมี สินค้า อาหาร ที่ผลิตจากวัตถุดิบท้องถิ่นของจังหวัดคาโกชิม่า รวมถึงของที่ระลึกเกี่ยวกับเมืองนี้ มีให้เลือกซื้อหากันแบบหลากหลายเลย
สำหรับ การส่งโปสการ์ด ก็สามารถเลือกโปสการ์ดสวยๆ ได้ตามใจชอบ ซึ่งก็เป็นรูปถ่ายและรูปวาดของสถานี Nishi Oyama Station พร้อมมีมุมที่นั่งสำหรับเขียนโปสการ์ด และบริการจำหน่ายแสตมป์(ราคาอาจแตกต่างกันไปตามที่อยู่ปลายทาง) เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อยก็ไปหย่อนลงในตู้ไปรษณีย์แห่งความสุข ซึ่งปลายทางในประเทศไทย(กรุงเทพฯ) ก็ใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ โปสการ์ดก็เดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน บริเวณสถานีรถไฟ ก็จะมี ทุ่งทานตะวัน บานเหลืองอร่าม โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไคมอนดาเกะ เป็นวิวบรรยากาศที่สวยงามมาก หรือ ในช่วงฤดูกาลอื่นๆ ก็จะมีไม้ดอกหมุนเวียนให้ได้ชมเช่นกัน มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยนะ!
● พิกัด : Nishi Oyama Station https://maps.app.goo.gl/Tx9tSLMcqQQzdj778
“แหลมนางาซากิบานะ” (Cape Nagasakibana) เป็นพื้นที่สุดปลายแหลมที่ยื่นลงไปในทะเลทางทิศใต้ของเมือง “อิบุสึกิ” (Ibusuki) บรรยากาศโดยรอบ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลได้อย่างกว้างไกล มีชายหาดอันเงียบสงบที่มักจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ และเป็นจุดที่สามารถมองเห็น “ภูเขาไคมอนดาเกะ” (Mt. Kaimondake) ภูเขาความสูง 924 เมตร ที่มีความคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จนได้ชื่อว่าเป็น “ซัตสึมะฟูจิ” (Satsuma Fuji) แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ ได้อย่างชัดเจน
มีความเชื่อว่า ที่นี่ คือ สถานที่ที่เกิดเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เรื่อง “อุระชิมะ ทาโร่” (Urashima Taro) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มชาวประมง กับ เจ้าหญิงโอโตฮิเมะ แห่งพระราชวังมังกรที่อยู่ใต้ทะเล
จากเรื่องราวดังกล่าว จึงมีการสร้าง “ศาลเจ้าริวกู” (Ryugu Shrine) ขึ้นในบริเวณแหลมแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในด้านความรัก ผู้คนที่มาเยือนที่นี่ จึงขอพรเพื่อเพิ่มพลังด้านความรัก และยังสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนเปลือกหอยแล้วใส่ลงไปในหม้อใบใหญ่ เพื่อให้คำอธิษฐานสมความปรารถนา
ในบริเวณของ “แหลมนางาซากิบานะ” (Cape Nagasakibana) มีทางเดินไปจนสุดปลายแหลมที่ประภาคารสีขาว ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ประภาคารแห่งความรัก” โดยมีจุดให้ได้นั่งเล่นพักผ่อนชมบรรยากาศ และจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมถ่ายรูปที่สามารถมองเห็น “ภูเขาไคมอนดาเกะ” อยู่ในหัวใจ หรือ ถ้ากลับมามองอีกมุมก็จะเห็นประภาคารสีขาวอยู่ในหัวใจเช่นกัน นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้บรรยากาศโรแมนติกมากเลย
นอกจากนี้ บริเวณทางเข้า “แหลมนางาซากิบานะ” ก็ยังมีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดคาโกชิม่า ไม่ว่าจะเป็น อาหารแปรรูป ขนมต่างๆ รวมถึงของที่ระลึกให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากอีกด้วยนะ!
● พิกัด : Cape Nagasakibana https://maps.app.goo.gl/PpyoBhCDqtDMZutVA
Tosenkyo Somen Nagashi ร้านอาหารที่มีเมนู “โซเมนนางาชิ” (Somen Nagashi) เป็นเมนูแนะนำ ซึ่งที่นี่ถือเป็นร้านที่มีชื่อเสียงของเมือง Ibusuki ที่ใครได้มาเที่ยว ก็ต้องถือโอกาสมาแวะชิมที่ร้านนี้ โดยร้านจะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้บรรยากาศของร่มรื่นเย็นสบายเลยทีเดียว
สำหรับ “โซเมนนางาชิ” (Somen Nagashi) เป็นเมนูเส้นโซเมน ที่มีการทานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยจะปล่อยเส้นโซเมนให้ไหลไปกับรางไม้ไผ่ แล้วใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาจากราง จากนั้น จุ่มเส้นลงไปในซอสก่อนทาน ให้ความรู้สึกสดชื่น จึงเป็นเมนูที่คนญี่ปุ่นมักทานกันในช่วงหน้าร้อน
“โซเมนนางาชิ” (Somen Nagashi) ของร้าน Tosenkyo Somen Nagashi จะมีจุดเด่น ที่บนโต๊ะจะตั้งอ่างน้ำวน สำหรับใส่เส้นโซเมนลงไป ซึ่งอ่างน้ำวนส่วนใหญ่แรงดันน้ำจะวนทวนเข็มนาฬิกา(สำหรับคนถนัดขวา) เพื่อที่จะช่วยคีบให้ง่ายยิ่งขึ้น หรือ ถ้ามาเป็นกลุ่มที่มีทั้งคนถนัดซ้ายและขวา ก็มีอ่างน้ำวนแบบสองชั้นที่มีแรงดันน้ำวนสวนทางกันไว้บริการ
และ ความพิเศษของน้ำที่ใช้ จะเป็นน้ำที่นำมาจาก แหล่งน้ำธรรมชาติของจังหวัดคาโกชิม่า ที่มีอุณหภูมิคงที่ 13 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับเมนูโซเมนนางาชิ และยังถือเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 100 ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
เมนูอาหาร จะมีให้เลือกแบบเป็นชุด โดยมีเส้นโซเมนเป็นเมนูหลัก และก็จะมีอาหารประเภทอื่นๆ อย่างเช่น ข้าวปั้น ปลาย่างเกลือ ซาชิมิ น้ำซุป เครื่องเคียง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชุดอาหารที่เลือก(ชุดละ 1,600 – 2,000 เยน) โดยอาหารทุกเมนู ก็ล้วนทำมาจากวัตถุดิบของจังหวัดคาโกชิม่า
วิธีการทาน “โซเมนนางาชิ” เริ่มจากการคีบเส้นโซเมนลงไปในอ่างน้ำวน ปล่อยให้เส้นไหลวนอยู่สักพัก จากนั้น ก็คอยคีบเส้นขึ้นมา ซึ่งอาจจะต้องอาศัยความเร็วสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก ถือเป็นความสนุกระหว่างที่ได้นั่งทานอาหารร่วมกัน เมื่อคีบเส้นได้แล้วก็นำไปจุ่มในซอสให้ชุ่มก่อนทาน ได้รสชาติที่อร่อย ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างดีเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม Tosenkyo Somen Nagashi
● ที่อยู่ : 5967 Kaimonjutcho, Ibusuki, Kagoshima 891-0603 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 11.00 น. – 15.00 น.
● โทร : +81 993-32-2143
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/izztMkqBCzKEt2Ms6
Teuchisoba Dojo Sanryokan ร้านโซบะขึ้นชื่อของจังหวัด Kagoshima ซึ่งนอกจากจะมีส่วนของร้านอาหารที่บริการเมนูโซบะแล้ว ก็ยังมีส่วนของการทำ Workshop ที่เปิดให้ทุกคนสามารถมาลองทำเส้นโซบะแบบต้นตำรับกันได้
ขั้นตอนของการทำเส้นโซบะแบบต้นตำรับ หรือที่เรียกว่า “ซัสสึมะโซบะ” เริ่มต้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทำโซบะ จะอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ในการทำโซบะ โดยมีวัตถุดิบหลัก คือ แป้งบักวีต, แป้งสาลี, มันญี่ปุ่น(ยามาอิโมะ) ของจังหวัดคาโกชิม่า นำมาร่อนให้ได้เนื้อแป้งที่ละเอียด จากนั้น นวดเนื้อแป้งให้เข้ากัน ซึ่งก็มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ผ่านการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถ้าใครได้มีโอกาสมาลองทำโซบะแฮนด์เมดแบบนี้ รับรองว่าได้ความรู้และสนุกมาก
เมื่อเนื้อแป้งนวดได้ที่แล้ว ก็จะมีการพับและตัดเป็นเส้น ให้ได้ขนาดที่พอเหมาะกับเมนูที่ต้องการ ซึ่งถ้าตัดเป็นเส้นบางเรียบจะเหมาะกับการเสิร์ฟเป็นเมนูโซบะแบบเย็น และถ้าตัดเป็นเส้นหนาก็จะได้เส้นที่เหนียวนุ่มเหมาะที่จะเสิร์ฟแบบโซบะร้อน
หลังจากตัดเส้นโซบะเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้เส้นโซบะสดใหม่ฝีมือการทำมือของตัวเอง นำมาปรุงสด พร้อมเสริฟเป็นเมนูอร่อยให้ได้ทานกัน!
● ค่าบริการ : 2,700 เยน (แนะนำควรจองล่วงหน้า)
ข้อมูลเพิ่มเติม Teuchisoba Dojo Sanryokan
● ที่อยู่ : 13714 Chiran, Minamikyushu, Kagoshima 897-0302 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 11.00 น. – 15.30 น.(วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มเปิด 10.30 น.)
● โทร : +81 993-83-1555
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/x4jhweuPNFPJDJpL8
แนะนำที่พักเมือง Ibusuki
Ibusuki Syusui-en เป็นที่พักแบบเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม บรรยากาศสงบ อยู่ในเมือง “อิบุสึกิ” (Ibusuki) ใกล้กับแหล่งกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง “Saraku Sand Bath Hall” เพียงการเดินเท้าแค่ 3 นาที ซึ่งที่เมืองนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อยู่ใต้พื้นดิน จึงได้ใช้ความร้อนจากแหล่งน้ำพุร้อนให้เกิดประโยชน์ด้วยการทำออนเซ็นทรายร้อนธรรมชาติริมชายหาด ที่ถือว่ามีแห่งเดียวในโลก
สำหรับห้องพักของ Ibusuki Syusui-en เป็นห้องที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกลิ่นอายของซัสสึมะ โดยมีบริการรวมทั้งหมด 47 ห้อง แบ่งประเภทออกเป็น Suite Room จำนวน 4 ห้อง, Japanese-Western Style Room จำนวน 3 ห้อง, Japanese-Style Room จำนวน 13 ห้อง และ Japanese-Style Room จำนวน 26 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ทีวี โทรศัพท์ กาน้ำ ชุดชงชา ตู้เย็น เครื่องซักผ้า Wi-Fi เป็นต้น
ซึ่งครั้งนี้เราได้มาเข้าพักที่ห้องแบบ Japanese-Western Style Room ที่ผสมผสานห้องสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกได้อย่างลงตัว ภายในห้องโปร่งสบาย มีพื้นที่กว้างขวาง สะอาด แบ่งออกเป็นสัดส่วนต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พร้อมการบริการจากพนักงานที่ใส่ใจดูแลเป็นอย่างดี
Ibusuki Syusui-en มีบริการห้องอาบน้ำรวมขนาดใหญ่ และห้องอาบน้ำกลางแจ้ง ที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้ผิวพรรณดี นอกจากนี้ ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่เป็นห้องแบบส่วนตัวให้เช่าอีกด้วย ได้มาแช่น้ำร้อนในบ่อส่วนตัวแบบนี้ พร้อมเปิดเพลงคลอเบาๆ ไปด้วย ฟินไม่น้อยเลยทีเดียว
ในส่วนของ ห้องอาหาร ก็มีบริการห้องทานอาหารแบบส่วนตัวทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็น พร้อมบริการเมนูอาหารที่หลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นเมนูที่ทำมาจากวัตถุดิบของจังหวัดคาโกชิม่าที่มีคุณภาพสูง โดยมีแพลนแนะนำอย่าง Kagoshima Gourmet Plan “Shikisai” ให้ได้ลิ้มรสความอร่อยกัน
และ เมนูที่เราชอบเป็นพิเศษก็ต้องยกให้ “Persimmon Pot Furofukiyaki” ที่มีเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เป็นเมนูที่นำลูกพลับมาคว้านเอาเนื้อออกแล้วใส่หอยนางรมลงไป พร้อมราดซอสมิโซะสูตรพิเศษ จากนั้น ผ่านกรรมวิธีการอบจนได้เมนูที่อร่อยติดใจจริงๆ รวมถึงยังมีโซจูหลากหลายชนิดให้ได้ดื่มด่ำกับรสชาติอย่างเพลิดเพลิน
ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวที่เมือง “อิบุสึกิ” (Ibusuki) ก็ขอแนะนำให้มาพักที่ Ibusuki Syusui-en พักสบาย ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ บรรยากาศสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากๆ เลย!
ข้อมูลเพิ่มเติม Ibusuki Shusui-en
● ที่อยู่ : 5 Chome-27-27 Yunohama, Ibusuki, Kagoshima 891-0406 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 993-23-4141
● เว็บไซต์ : https://www.syusuien.co.jp/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YkvpyFiomezfdhcPA
รถไฟท่องเที่ยว Orange Restaurant Express
Orange Restaurant Express รถไฟท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคคิวชู ที่ให้บริการระหว่างสถานี Sendai Station ใน จังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima) กับ สถานี Shin-Yatsushiro Station ใน จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) เป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนห้องอาหารเคลื่อนที่ ที่ผู้โดยสารสามารถนั่งทานอาหารเมนูท้องถิ่น พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์เลียบชายฝั่งทะเลในระหว่างการเดินทางได้
Orange Restaurant Express จะประกอบด้วย 2 ตู้โดยสาร ภายในกว้างขวางและออกแบบได้อย่างหรูหรา มีการจัดพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งมีทั้งแบบโต๊ะสำหรับรองรับหลายคนที่มาแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน แบบโต๊ะส่วนตัว และแบบเคาน์เตอร์ชมบรรยากาศวิวทะเล รวมรองรับได้ 43 ที่นั่ง
สำหรับ เมนูอาหาร ก็จะมีคอร์สให้เลือกตามช่วงเวลาที่ใช้บริการ จำนวน 4 คอร์ส อย่างเช่น คอร์สอาหารกลางวัน, คอร์สอาหารเย็น เป็นต้น ซึ่งเราได้มีโอกาสมาทานอาหารมื้อกลางวัน จึงได้เลือกคอร์สอาหารกลางวันที่จัดอาหารโดย S CUBE HOTEL by SHIROYAMA (เมืองซัสสึมะเซ็นได จังหวัดคาโกชิม่า) ราคา 25,000 เยน (รวมภาษี) ซึ่งเป็นราคาที่รวมบริการทุกอย่างตลอดเส้นทาง
คอร์สอาหารกลางวัน ของ Orange Restaurant Express จะเริ่มต้นออกเดินทางจากสถานี Kawauchi Station เวลา 10.01 น. ไปถึงสถานี Shin-Yatsushiro Station เวลา 14.07 น. โดยระหว่างการเดินทางก็จะมีการเสริฟอาหารตามรายการอาหารในคอร์ส ซึ่งเป็นเมนูที่ล้วนใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย เข้ากับบรรยากาศการชมวิวเลียบชายทะเลได้เป็นอย่างดี
ในระหว่างทางที่ Orange Restaurant Express วิ่งผ่าน ก็จะมีการจอดพักตามสถานีรถไฟต่างๆ ให้ผู้โดยสารได้ลงไปเดินเล่นพักผ่อน ชมบรรยากาศรอบสถานีรถไฟ ในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที อย่างเช่น
● Satsuma-Taki Station สถานีรถไฟใกล้กับชายหาดที่สามารถลงไปเดินเล่นชมบรรยากาศริมทะเล พร้อมมีมุมให้ถ่ายรูปเช็คอินเป็นที่ระลึก
● Akune Station สถานีรถไฟที่ออกแบบได้อย่างเรียบหรู ภายในมีคาเฟ่เล็กๆ และห้องสมุดที่เหมาะกับคนทุกวัย
● Minamata Station สถานีรถไฟที่ออกแบบได้สวยงาม สบายตา ภายในมีนิทรรศการเล็กๆ จัดแสดงประวัติศาสตร์ในอดีตของเมืองแห่งนี้
● Sashiki Station สถานีรถไฟจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับรอยอนิเมะ “Houkago Teibou Nisshi” ที่มีโลเคชั่นเกี่ยวกับเมืองนี้ ในบรรยากาศน่ารักๆ ให้แฟนอนิเมะได้มาตามรอย
นอกจากนี้ ก็ยังมีจุดจอดที่สถานีอื่นๆ ซึ่งในแต่ละสถานีที่ Orange Restaurant Express จอดเทียบชานชาลาก็จะมีการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่และคนท้องถิ่นเป็นอย่างดี และยังมีคูปองที่สามารถนำไปใช้แลกกับของที่ระลึก ขนม หรือ ของฝาก ตามสถานีต่างๆ ได้อีกด้วย เป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์การเดินทางที่ประทับใจมากๆ เลย
ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวที่ จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu) แนะนำลองมาทานอาหารพร้อมชมวิวเลียบชายทะเลบนรถไฟ Orange Restaurant Express นี้กันนะ!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม และ จองได้ที่นี่ Orange Restaurant Express : https://www.hs-orange.com/kankou/
นอกจากนี้ จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้ลองไปเที่ยวที่คาโกชิม่ากันนะ ธรรมชาติสวย บรรยากาศสงบ อาหารอร่อย รับรองว่าจะหลงรัก “คาโกชิม่า” กันอย่างแน่นอน!