#นอนบ้านดิน กินสตรอฯ :: เที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่ ณ สะเมิง จ.เชียงใหม่ | ไร่ นภ – ภูผา

SHARE!

เที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่ ณ สะเมิง จ.เชียงใหม่ | ไร่ นภ – ภูผา

สวัสดี .. ครับ ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ปลายหน้าหนาวแล้ว ^^ (หรือเพิ่งเข้าหน้าหนาวก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ เพราะอากาศหนาวมาก แต่คงหนาวได้ไม่กี่วันล่ะมั้ง? 55) ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ ก็ขอมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับหน้าหนาวสักที่หน่อย เผื่อใครจะสนใจไปทิ้งทวนความหนาวระลอกสุดท้าย สำหรับหนาวนี้กันนะครับ

ช่วงปลายปี(ธ.ค. 2558) ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเยือนภาคเหนือมา ซึ่งช่วงนั้นอากาศยังไม่หนาวมากเท่าช่วงนี้ แต่ก็ยังคงหนาวเย็นสมใจอยู่ครับ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว “สะเมิง” จ. เชียงใหม่ มาครับ โดยความตั้งใจจริงๆ แล้ว ทริปนี้อยากจะเที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่ครับ อยากไปสะเมิงสักครั้ง เพราะไปเยือนเชียงใหม่มาตั้งหลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ไปอำเภอสะเมิงสักที

คราวนี้ได้โอกาส ไปเยือนแล้ว ก็หาข้อมูลในอินเตอร์เนต รู้สึกว่า.. ไร่สตรอเบอร์รี่ที่สะเมิง มีเยอะมากๆ ไม่รู้จะเลือกไปเที่ยวที่ไร่ไหนดี  อยากได้แบบมีที่พักผ่อน นั่งเล่นชิลล์ๆ มีร้านอาหาร ชมบรรยากาศได้ แบบที่ไม่ค่อยเร่งรีบ สักที่ .. ที่สำคัญขอคนน้อยๆ หน่อย แบบไม่วุ่นวายมาก ก็เลยมาได้ที่ ไร่ นภ-ภูผา แห่งนี้ละครับ ดูน่าจะตรงกับความต้องการของผม ณ ตอนนี้

นอกจากนี้.. เชียงใหม่ ก็มีที่พักมากมายและมีความหลากหลายให้เลือกได้ตามความต้องการ ถ้าใครมีโปรแกรมจะไปเที่ยวเชียงใหม่ก็ลองค้นหาที่พักที่ถูกใจ ที่โดนใจก่อนได้นะครับ รีบๆ จองไปก่อนก็ดีเหมือนกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงหน้าหนาว คนไปเที่ยวเชียงใหม่เยอะมากๆ เลย ดังนั้นจองไปก่อนก็จะอุ่นกว่าครับ สามารถเข้าไปค้นหาที่พักในเชียงใหม่ได้ที่เวปไซต์ Traveloka เลยครับ จองง่าย และ ชำระเงินสะดวกดีครับ แนะนำเลย!

 

รีวิวนี้..ก็จึงเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากที่ได้ไปเยือนไร่แห่งนี้มานะครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปเที่ยว “สะเมิง” กันเลย !!

“สะเมิง” ..นั้น ถือว่าเป็นเมืองแห่งสตรอเบอร์รี่ เลยก็ว่าได้นะครับ เพราะมองไปทางไหนก็จะเห็นไร่สตรอเบอร์รี่เต็มไปหมด ตลอดทั้งสองข้างทาง และก็มีของฝาก สตรอเบอร์รี่สดๆ ที่มีอย่างมากมายละลานตากันทีเดียวครับ นี่แหละคือ… เหตุผลที่อยากมาสักครั้งครับ

ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้เป็นช่วงที่ สตรอเบอร์รี่ กำลังที่จะออกผลผลิต ให้ได้เก็บเกี่ยวครับ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะไปเที่ยวกัน เพราะ สภาพบรรยากาศหนาวเย็น ได้อารมณ์ เก็บสตรอเบอร์รี่ยามเช้า สูดอากาศดีๆ พักผ่อนสบายๆ ครับ

 

การเดินทางไปอำเภอสะเมิง
เมื่อเดินทางมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว … สิ่งที่คิดอย่างแรกสำหรับการเที่ยวแบบสะดวกสบาย(สำหรับผม) คือ ผม ต้องการที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์ เอาครับ น่าจะไปไหนมาไหนสะดวกดี และ อำเภอสะเมิงก็คงไม่ไกลเกินไปที่จะแว๊นซ์ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง

แต่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังจากเห็นสภาพการจราจรในตัวเมืองเชียงใหม่  ที่แสนจะวุ่นวาย และติดขัดบ้างในบางเวลา ก็เลยตัดสินใจนั่งรถสองแถวไปลงที่อำเภอแม่ริมก่อน แล้วค่อยเช่ามอเตอร์ไซค์ที่นั่นเอา แบบว่า.. ขอออกมาจากความวุ่นวายในเมืองก่อน คราวนี้ก็จะได้แว๊นซ์ไปชิลล์ๆ และแวะเที่ยวตามรายทางได้ด้วยครับ ..

จากขนส่งช้างเผือก จะไปลงอำเภอแม่ริม ก็เดินถามคนแถวนั้นว่ารถสองแถวไปแม่ริมจอดอยู่ตรงไหน แต่เผอิญคนที่ผมไปถาม ดันเป็นคนขับสองแถวพอดีเขาก็ตอบมาว่า “ไปแม่ริม คันนี้ล่ะครับ รถไปแม่แตง แต่ผ่านแม่ริม” ไม่รอช้า ผมก็โดดขึ้นทันที เพราะรถกำลังจะออกพอดี เป็นรถ เชียงใหม่ – แม่แตง แต่ผ่านอำเภอแม่ริม ผมจะลงที่อำเภอแม่ริม และได้ติดต่อรถมอเตอร์ไซค์เช่าเอาไว้ครับ ในการเดินทางต่อไป

อำเภอแม่ริม อยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร นั่งรถสองแถวใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง กับ ค่าโดยสาร 15 บาท

รถมอเตอร์ไซค์เช่าผมใช้ของ MAE RIM MOTORBIKE FOR RENT ครับ ซึ่งสามารถโทรติดต่อให้เขามา รับ-ส่งรถ ได้ในตัวอำเภอแม่ริมได้ครับ ทริปนี้ผมได้ รถ Scoopy-i สีชมพูหวานแหววเข้ากับหน้าตามาคันนึง แหม่! 55

พอดีรถทางร้านเหลือแค่นี้ก็โอเคครับ เช่าวันละ 250 บาท น้ำมันเติมเอง มีหมวกกันน๊อคมาให้  ตอนคืนรถจะนัดคืนตรงไหนในแม่ริมก็โทรนัดอีกทีได้ ครับ ค่อนข้างที่จะสะดวกดี และคิดถูกแล้วที่ไม่ได้เช่าจากตัวเชียงใหม่มาเลย เพราะนอกจากการจราจรที่วุ่นวายแล้ว ..ยังย่นระยะการแว๊นซ์ไปสะเมิงอีกด้วยครับ

จากอำเภอแม่ริม ไปอำเภอสะเมิงใช้เส้นทาง 1096 ระยะทางตามแผนที่ประมาณ 33 กิโลเมตร ซึ่งช่วงต้นๆ ทางที่เข้าไป รถอาจจะหนาแน่นหน่อย เพราะเป็นทางเดียวกันกับที่จะไป “ม่อนแจ่ม” ใช่แล้วครับ.. ใครผ่านมาทางนี้สามารถเลี้ยวขวาขึ้นไปเที่ยวม่อนแจ่มได้  และหลังจากเลยทางแยกที่จะขึ้นไปม่อนแจ่มแล้วสภาพจราจรก็เริ่มจะเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดครับ  แว๊นซ์ได้สบายๆ ไปเรื่อยๆ จะเริ่มเจอทางชัน ทางขึ้นเขา และบรรดาโค้งที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างทางจะดีมากครับ สดชื่น อากาศดีมาก มีทั้งภูเขา สลับกับไร่สตรอเบอร์รี่  ระหว่างแว๊นซ์ อาจมีอากาศหนาวๆ ปะทะบ้าง ก็ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนา  หรือเตรียมถุงมือมาก็ดีครับ ตอนเช้าๆ บิดแว๊นซ์หนาวจนมือแข็งเลยล่ะ 55 เส้นทางนี้ช่วงกลางๆ ทาง จนไปถึงสะเมิง มีทางชัน ทางโค้ง ก็ต้องระมัดระวังด้วยครับ และ แว๊นซ์เกียร์ออโต้แบบนี้อาจมีกินน้ำมันบ้าง อย่าลืมเช็คน้ำมันมาดีๆ และเติมมาให้เต็ม ก่อนออกเดินทางกันนะครับ

 

จุดหมายอยู่ที่ “ไร่นภ-ภูผา” ใช้เวลาแว๊นซ์มาชั่วโมงหน่อยๆ ก็มาถึงแล้วครับ ถ้าแว๊นซ์มาทางเข้าไร่จะอยู่ฝั่งขวามือครับ เลี้ยวเข้าซอยไปอีกหน่อย ก็จะเห็นไร่แล้วครับ

บรรยากาศดีมากเลยครับ อากาศเย็นสดชื่น แว๊นซ์มาแบบชิลล์ๆ ไม่ต้องรีบ

ด้านหน้ามีมนุษย์สตรอเบอร์รี่ยืนต้อนรับอยู่ครับ

ลองเดินเข้าไปดูกันครับ ในส่วนนี้จะเป็นลอบบี้ ในการติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เช็คอินที่พัก และ เป็นส่วนของที่สั่งอาหาร เครื่องดื่มต่างๆ ครับ

เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นส่วนของร้านอาหาร ที่นั่งทานอาหาร และ จิบกาแฟได้ นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาก็สามารถแวะมาทานอาหารในส่วนของร้านอาหารนี้ได้ครับ

หรือจะขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็ได้ครับ บนนี้บรรยากาศดี ได้ชมไร่สตรอเบอร์รี่ได้ด้วย

มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่น พักผ่อน ชมวิว เพลินๆ

มองออกไปก็จะเห็นบรรยากาศโดยรอบ  ซึ่งกระท่อมเล็กๆ ด้านล่างก็สามารถสั่งอาหารไปนั่งทานได้เหมือนกันครับ

“สตรอเบอร์รี่ปั่นสด” .. นี่พลาดไม่ได้ครับ ต้องลอง!

มุมนี้ มานั่งจิบกาแฟ.. ก็ชิลล์ดีเหมือนกันนะ

มุมถ่ายรูป กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ

มีรถ ATV บริการให้เช่าขับเล่น ชมไร่ ด้วยครับ

 

ใครชอบถ่ายรูปเล่นๆ มาไร่แห่งนี้ รู้สึกจะมีมุมให้ถ่ายรูป เยอะมากเลยนะครับ ทั้งรถขนฟาง รถจักรยานเก่าๆ กองไฟ มุมถ่ายรูปเยอะดี อิอิ!

แอบเห็นด้านบนมีโต๊ะนั่ง ยื่นออกมาแบบอิสระ อยู่ตัวนึง  เหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวดี น่าจะวิวสวย เดี๋ยวลองเดินขึ้นไปดูกันครับ

เดินขึ้นมาแล้ว.. ก็ชิลล์ดีนะ เห็นวิวไร่สตรอเบอร์รี่ ได้ชัดเจนดี

ก็ขอจับจองโต๊ะตัวนี้เลยละกัน..  ซึ่งคาดว่าวันไหนที่คนมาเที่ยวเยอะๆ ตรงนี้ไม่น่าจะว่างนะครับ วันนี้คนน้อย .. ดูสงบเงียบดีครับ..

วิวสวยดี..ครับ มีฉากหลังเป็นทิวเขาทอดตัวไปไกล

เดี๋ยวไว้ในตอนเช้า.. จะมาเก็บสตรอเบอร์รี่ในไร่กันครับ


ในส่วนของด้านหลังก็จะเป็นโซนที่พักครับ มีที่พักหลายแบบเลย ทั้งแบบ กระท่อม บ้านไม้ บ้านดิน หลังเล็ก หลังใหญ่ .. เดี๋ยวเอาไว้ไปชมกันครับ พอดีเห็นรถคนนึงจอดอยู่นึกว่าของเจ้าของไร่ เขาไว้ทำงาน ขนฟาง เลี้ยงสัตว์ แต่ไม่ใช่ครับ เอาไว้เป็น ฉากไว้ถ่ายรูป .. ดีเลยครับ เข้ากับบรรยากาศเลย

ได้อารมณ์มาเที่ยวไร่.. เหมือนมีไร่เป็นของตัวเอง แหม่!

หลังจากได้โต๊ะนั่ง นั่งเล่นชมวิว ชมบรรยากาศเป็นที่พอใจแล้ว ก็ลองมาสั่งอาหารที่นี่ทานกันบ้างนะครับ ..ที่นี่มีอาหารให้เลือกมากมายครับ ราคาไม่แพง บางเมนูอาจไม่มีก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในแต่ละวันด้วยนะครับ การสั่งอาหารที่นี่ คือ เราต้องไปสั่งอาหารที่ลอบบี้เองนะครับ จะเอาอะไรบ้างก็สั่งตรงนั้นเลย พร้อมกับชำระเงินให้เรียบร้อย พนักงานก็จะถามว่านั่งอยู่ตรงไหน ก็บอกโต๊ะที่นั่งเราครับ แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเสริฟ อาหารให้ที่โต๊ะครับ… และเมนูที่พลาดไม่ได้ “ตำสตรอเบอร์รี่”

รสเปรี้ยวๆ หวานๆ เค็มๆ ..อร่อยดีครับ

ลองสั่ง “ข้าวผัดสตรอเบอร์รี่” มาอีกจาน เมนูนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันกับข้าวได้ 55

อากาศเย็นๆ แบบนี้ บางทีแค่ ไข่เจียว กับ ข้าวสวยร้อนๆ ก็เป็นคำตอบที่ดีครับ

หลังจากทานอาหารอิ่มเรียบร้อยแล้ว ก็จะพามาดูในส่วนของที่พักครับ ที่ไร่แห่งนี้.. จะมีโซนที่พักอยู่บริเวณด้านหลังครับ มีที่พักให้เลือกหลายแบบ หลายราคา ทั้งแบบกระท่อม บ้านไม้ บ้านปูน แต่ที่อยากแนะนำ ต้องลองมาพักที่ “บ้านดิน” ครับ ด้านนอกบ้านดินครับ สีสัน และพื้นผิว .. ชวนให้ใกล้ชิดธรรมชาติเลยทีเดียว

เข้ามาข้างในก็ดูโปร่งอยู่ครับ ไม่อึดอัดอย่างที่คิดเลย

มีทีวี กับ พัดลมตัวเล็กๆ ไว้ให้ แต่ก็คงไม่ได้ใช้ เพราะกลางคืนอากาศนั้นหนาวมาก แต่บ้านดินมีคุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่ง คือ กลางวันจะเย็น กลางคืนจะอุ่นครับ ตอนกลางคืนข้างนอกจะหนาวขนาดไหน เข้ามาข้างในจะอบอุ่น ช่วยได้เยอะเลย ..

ภายในมีโต๊ะเล็กๆ กับ เก้าอี้ … ไว้นั่งเล่น

อากาศภายในอบอุ่นดีครับ สบายแบบเข้ามาแล้วไม่อยากออกไปไหนเลย ในส่วนของปลั๊กไฟ เต้าเสียบ ต้องหาดีๆ นะครับ .. มันจะกลมกลืนไปกับผนังดินเลย

เข้ามาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ..ครับ

เหลือบมาเห็นสิ่งนี้.. สวรรค์ชัดๆ ครับ มี “เครื่องทำน้ำอุ่น” ด้วย ราคาบ้านดินนี้จะอยู่ที่คืนละ 1000 บาท มาแบบครอบครัวมีแบบหลังใหญ่ให้เลือกด้วยนะครับ

 

ที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นเป็นส่วนของบ้านปูนครับ อันนี้ดีไซน์จะทันสมัยหน่อย และเป็นห้องที่ใหม่ และ ดูสะอาดตาดีด้วยครับ บรรยากาศด้านหน้าจะเป็นนาข้าว.. เลย (แต่ตอนนี้เหมือนต้นข้าวยังไม่โต) มีดาดฟ้าไว้ขึ้นไปชมวิวด้านบน จากที่พักตัวเองได้ด้วย ครับ

และ ตรงนี้ก็จะเป็นที่พักแบบกระท่อม และบ้านไม้ครับ (รู้สึกจะไม่มีห้องน้ำในตัว) ใครชอบแบบง่ายๆ ธรรมชาติๆ ราคาประหยัดๆ หน่อย ก็แบบนี้เลยครับ ..

เช้าของวันใหม่.. ได้เวลาไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันแล้วครับ! แต่ตื่นเช้าๆ มาแบบนี้ก็.. ก็ต้องมานั่ง จิบกาแฟ ชมวิว ให้ร่างกายตื่นตัวกันสักพักก่อนเนอะ

บรรยากาศตอนเช้าแบบนี้ สดชื่นดีมากๆ เลยครับ

เห็นสายหมอกพาดผ่านทิวเขาอยู่ ไกลๆ

แอบเห็นมีทะเลหมอกเล็กๆ อยู่บ้างนะครับ

พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ส่องแสงสีทอง ส่งความอบอุ่น ยามเช้า

.. บรรยากาศดีๆ ยามเช้า ..

.. ตรงนี้หนาวๆ มาก่อไฟ ให้ความอบอุ่น นั่งคุยกันได้ ..

.. เดี๋ยวสักพักจะลงไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันครับ ..

ก่อนอื่น.. ขอทานอาหารเช้าก่อนครับ ก็สั่งอาหารแบบนั้น ชำระเงิน แล้วก็มาหาโต๊ะนั่งครับ มื้อนี้ขอมานั่งด้านบนเหมือนเดิม แต่เป็นด้านบนชั้นสอง ของลอบบี้นะครับ วิวไร่สตรอเบอร์รี่เหมือนกัน

มื้อเช้าง่ายๆ ครับ “ข้าวต้มหมู” ร้อนๆ … เข้ากับบรรยากาศดี

ได้เวลาไปเก็บสตรอเบอร์กันแล้วครับ!

ต้องมาเดินเข้าไร่ตรงทางนี้ครับ

ที่นี่จะมีค่าเก็บสตรอเบอร์รี่ โดยคิด 300 บาท/กิโลกรัม ครับ จะมีตะกร้า และ ร่มเอาไว้กางกันแดดครับ (มีประโยชน์สามารถเป็นพร๊อพไว้ถ่ายรูปได้อีกด้วยนะ) ทั้งนี้.. ก็ห้ามเด็ดกินในไร่นะครับ หรือถ้าไม่อยากเก็บเอง ที่นี่เขาก็มีแบบแพ็คไว้จำหน่ายเช่นกันครับ

มาแล้ว… พร้อมลุย…!!

เจอเจ้าถิ่น นอนเฝ้าอยู่.. “ขอเข้าไปหน่อยนะค๊าบบบ..”

เข้ามาในแปลงแล้ว เช้าๆ น้ำค้างลง ดินอาจแฉะหน่อย ต้องค่อยๆ เดินครับ

สายตาก็เล็งกวาดหาลูกสตรอเบอร์รี่ที่โต และสุกพอที่จะเก็บได้

นักท่องเที่ยว.. ที่มาเที่ยวที่นี่ก็ก้มหน้าก้มตาเก็บกันอย่างขยันขันแข็ง ทีเดียว อย่าเพิ่งเก็บกันหมดนะ เหลือไว้ให้เก็บบ้าง 55

เดินเข้าไปดูลึกๆ หน่อย ตรงใกล้ๆ น่าจะโดนเก็บไปบ้างแล้ว

ก็เริ่มจะเจอ ลูกที่พอจะเก็บได้ บ้างแล้วครับ


ขอเดินเข้าไปลึกๆ หน่อยละกันครับ ข้างในเหมือนไม่ค่อยมีคนเดินเข้าไปเก็บเลย ลุย!

แปลงสตรอเบอรี่ที่นี่ ก็ถือว่า มีพื้นที่กว้างอยู่เหมือนกันนะครับ

ถ้าต้องให้เดินเก็บหมดทั้งแปลงนี่คงจะไม่ไหวล่ะ

ลูกสตรอเบอร์รี่สีแดงๆ หลบอยู่ตามมุมต่างๆ

มาเก็บสตรอเบอร์รี่..ต้องมาเช้าๆ แบบนี้ล่ะครับ อากาศดี แดดไม่แรง

ได้เดินเล่น ก้มๆ เงยๆ ลุกๆ นั่งๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ^^

ลูกนี้โตใช้ได้ พร้อมเก็บ.. !!!

อยากลองชิม สตรอเบอร์รี่เก็บสดๆ จากไร่

ก็จัดการเก็บสิครับ.. รออะไร? มีตะกร้า และ กรรไกรมาพร้อม เก็บเสร็จได้ปริมาณเป็นที่พอใจก็ ค่อยไปชั่งกิโล พร้อมกับจ่ายเงินค่าสตรอเบอร์รี่ที่เก็บ ครับ (อย่างที่บอกไปนะครับ.. ว่าถ้าไม่อยากเก็บเอง เขาก็มีแพ็คขายเหมือนกัน ไม่ต้องเหนื่อย อิอิ)

แนะนำว่าถ้าจะมา เก็บสตรอเบอร์รี่ ก็ควรรีบมาในช่วงหนาวนี้นะครับ อาจจะมีให้เก็บได้ไปอีกสักระยะครับ และถ้าได้มาเที่ยวในช่วงเช้า ในวันแรกของวันหยุด ก็จะดีหน่อยครับ เพราะจะมีสตรอเบอร์รี่ โตพอให้เก็บได้ (ซึ่งถ้ามาหลังจากวันที่คนมาเที่ยวกันแล้ว อาจโดนเก็บตัดหน้าไปก่อนแล้วครับ 55) หรือ ถ้าไม่ใช่ช่วงสตรอเบอร์รี่ ที่นี่ก็ยังเปิดให้มาใช้บริการ พักผ่อนได้เหมือนเดิม … นะครับ

สุดท้าย.. นี้ ก็ขอจบทริป #นอนบ้านดินกินสตรอฯ ไว้เพียงเท่านี้นะครับ อาจจะเป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังหาสถานที่พักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศในหน้าหนาวนี้นะครับ หรือ ใครมีทริปไปเที่ยวเส้นทาง อ.สะเมิง อยู่แล้วก็แวะเวียนเข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศชิลล์ๆ ได้ครับ

ปล.ถ้ามีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาชมครับ..อย่าลืมกด แชร์ ชวนเพื่อนไปเที่ยวกันนะ !!