จาก Hashtag ยอดฮิตในโลกโซเชียล สู่การเดินทางไปจริง #พาไปสกลที พาเที่ยว สกลนคร
#พาไปสกลที ถือว่าเป็น Hashtag ยอดฮิตบนโลกโซเชียล ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่เห็นผ่านตากันแทบทุกคนที่เปิด
Feed ข่าวอ่านกันนะครับ เมื่อพูดถึง
“สกล” ซึ่งสำหรับบางคนก็ยังไม่ทราบมาก่อนเลยว่า
“สกล” ที่เอ่ยถึงกันบ่อยๆ ตามที่ชอบติด Hashtag กันนั้น
มีสถานที่เที่ยว หรือมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง? นั่นก็.. รวมไปถึง ผม คนนึงล่ะ ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราว ของจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้เลย..
สารภาพตามตรงเลยนะครับ ว่า
ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ ไม่ได้มีข้อมูลสำหรับ
“จังหวัดสกลนคร” นี้เลย ตั้งแต่แรกเริ่มจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งการเดินทางในเส้นทางสู่จังหวัดสกลนครนั้น เป็นเส้นทางใหม่ของสายการบินแอร์เอเชีย ก็เลยอยากลองไปเที่ยวในเส้นทางนี้ดูบ้าง ประมาณว่า จองตั๋วไปก่อน จะไปยังไงค่อยว่ากันอีกที ซึ่งก็เกิดเป็นทริป
“สกลนคร” นี้ขึ้นมาครับ เนื่องจากมีเวลาไม่มากนัก ประกอบกับไม่แน่ใจว่าสกลนครจะมีอะไรให้เที่ยวบ้าง จึงจองตั๋วเครื่องบินแบบ
ไปเช้ากลับเย็น ครับ
(ตอนแรกกลัวว่าไปแล้ว จะไม่มีอะไรเที่ยว แล้วไม่มีที่ไป ต้องนั่งรอเครื่องกลับตอนเย็น อะไรประมาณนั้นครับ 55+) ทริปนี้ จึงเป็นทริปสั้นๆ วันเดียว พาไปเที่ยวเมืองสกลนครกัน ซึ่งมีเวลาในการเที่ยวทั้งหมดประมาณ 12 ชั่วโมง และ งบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะใช้ไป ประมาณ 500 บาท ซึ่งสำหรับผมถือว่าคุ้มค่ามากที่จะลองไปเยือนจังหวัดนี้ดูสักครั้งครับ ก่อนเดินทาง 1 วัน ผมก็เลยค้นหาข้อมูลใน Google ดู ก็เก็บข้อมูลคร่าวๆ และอาศัยจำข้อมูลที่จำเป็นเอาครับ ไปถึงสกลนครยังไง เดี๋ยวค่อยคลำๆ หาทางไปอีกทีนึง 55+ ซึ่งโปรแกรมโดยคร่าวๆ เที่ยววันเดียวก็วางไว้ประมาณนี้ครับ
เช้า – เดินทางไปเที่ยวที่ ท่าแร่
เที่ยง – กลับมาตระเวณหาของอร่อยกินในตัวเมือง
บ่าย – เที่ยววัด ในบริเวณตัวเมือง
เย็น – เดินเล่นริมหนองหาน ก่อนเดินทางกลับ กทม.
เป็นการเที่ยว “สกลนคร” ใน 1 วัน (12 ชั่วโมง) กับ งบประมาณ 500 บาท ที่ถือว่าเป็นการแลกกับประสบการณ์ที่คุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา.. ไม่ต้องรอให้ใคร #พาไปสกลที เดี๋ยว ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะพาเพื่อนๆ ไปสกลเองครับ 55+ ออกไปเที่ยวเมืองสกลนครกัน ว่าแล้ว.. ก็ แบกเป้ ตามมาได้เลยครับ…. !!!!
จาก Hashtag ยอดฮิตในโลกโซเชียล สู่การเดินทางไปจริง #พาไปสกลที พาเที่ยว สกลนคร
เที่ยง – กลับมาตระเวณหาของอร่อยกินในตัวเมือง
บ่าย – เที่ยววัด ในบริเวณตัวเมือง
เย็น – เดินเล่นริมหนองหาน ก่อนเดินทางกลับ กทม.
มาถึงตรงนี้..หักงบในการซื้อตั๋วเครื่องบินไป 150 บาท ทำให้ผมเหลือตังค์ในกระเป๋าในการไปใช้จ่ายที่สกลนคร 500-150 = 350 บาท
รีบมาเช็คอินตั้งแต่เช้าตรู่..คนยังน้อยอยู่ครับ
B = อุทยานบัวหนองหานเฉลิมพระเกียรติ
C = ท่าแร่
D = ตัวเมืองสกลนครเมื่อมาถึง
บางจุดก็มีบัวขึ้นอยู่หนาแน่น บางจุดบัวก็โผล่พ้นน้ำมาอย่างโดดเดี่ยว
รถสองแถวสายนี้ รอไม่นานอย่างที่เคยบอกไปครับ .. นั่งอีกประมาณ 3 กม. ก็ถึงท่าแร่ รถจอด สุดสายพอดี! (1)
1 = ท่าแร่(สุดสายรถสองแถว)
2 = อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
3 = บริเวณย่านตึกเก่า
พอรถสุดสาย ก็ข้ามถนนมาอีกฝั่งครับ แล้วเดินย้อนกลับไปประมาณ 100 เมตร ก็จะเห็นซอยซอยหนึ่ง แล้วเดินเข้าซอยไปอีกประมาณ 100 เมตรครับ ก็จะพบกับ “อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล”(2) เป็นโบสถ์ที่ถือว่ามีความสวยงามมาก จะเห็นเด่นมาแต่ไกลเลยครับ
แลดูสง่างาม
ลูกค้า แวะเวียนมาที่ร้านอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะครับ ในช่วงเที่ยงๆ แบบนี้
ตึกแรก “คฤหาสถ์อุดมเดชวัฒน์” ซึ่งเป็นเรือนโบราณของ องเด หรือ นายคำสิงห์ อุดมเดช สร้างเมื่อปี 2476 เป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ด ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของ ชั้นบนเป็นที่พักอาศัย ภายในมีพระแท่นบูชาที่สามารถประกอบพิธีทางศาสนา ปัจจุบันพื้นล่างชำรุด ไม่อาจสันนิษฐานว่าใช้ปูนซีเมนต์เทราดพื้นหรือไม่ โครงสร้างมีการเข้าลิ่มไม้ ที่เป็นเทคนิคแบบโบราณ ทำให้ตึกมีความมั่นคง
ด้านหลังอาคาร
เดิมสร้างเป็นที่อยู่อาศัย พอถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการสั่งปิดโบสถ์ ไม่ให้ทำพิธีกรรมทางศาสนา
ชาวคริสต์ที่นั่นจึงต้องหาสถานที่ไว้ประกอบพิธีทางศาสนา ประกอบกับ บุตรหลานของเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นพระสงฆ์ในศาสนาคริสต์ จึงอนุญาตให้บ้านหลังนี้ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ต่อมาเกิดไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม ปล่อยให้รกร้าง มีต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
แม่ค้าทำให้แบบสดๆ ร้อนๆ
ปกติช่วงเที่ยง คนค่อนข้างจะเยอะมากๆ เลยครับ ผมไปถึงช่วงบ่ายหน่อยๆ แล้วก็ยังเยอะอยู่ครับ แต่ก็พอมีที่นั่ง
2) ปากหม้อไข่พับ 35 บาท
3) ปากหม้อธรรมดา 35 บาท
4) ปากหม้อไข่ม้วน 35 บาท
(น้ำเปล่าฟรี)ค่าเสียหายทั้งหมด (135 + น้ำอัดลม 15 = 150) /2 ตกคนละ 75 บาท อิ่มมากกกก!! (ที่จริงแค่ปากหม้อจานเดียวสำหรับหนึ่งคนก็อิ่ม พอดีๆ แล้วนะครับ)
1 = วัดป่าสุทธาวาท
2 = บรรดาคิวรถสองแถวคิวรถสองแถววิ่งรอบเมืองมีอยู่หลายสายครับ ถ้าจะขึ้นลองสอบถามคนแถวนั้นก่อนก้ได้ครับจะได้ขึ้นไม่ผิดสาย นี่เป็นคิวรถ สกล-ท่าแร่ ที่ขึ้นกันเมื่อเช้าครับ เดี๋ยวได้ใช้บริการอีกรอบตอนขากลับไปสนามบิน
เดินเข้ามาประมาณ 300 เมตร ก็ถึงประตูทางเข้าวัดครับ
“วัดป่าสุทธาวาส” นั้นเป็นวัดป่ากลางเมืองที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ของชาวเมืองสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไป เพราะเป็นวัดที่จำพรรษา และ มรณภาพ ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ หรือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เดินเข้ามาชมความสวยงามของอุโบสถ
พระอุโบสถที่สวยงาม เด่นเป็นสง่า ภายในมีพระพุทธรูปประจำวัด เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและสวยงามมาก มักถูกใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ อีกด้วย
ภายในบริเวณวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีจุดบริการนักท่องเที่ยว และ บริการดอกไม้ธูปเทียนไว้ไปไหว้พระ (บริการมีน้ำดื่มฟรีด้วยนะ)
บริเวณภายในวัดยังมีจุดแสดงนิทรรศการ ประวัติต่างๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และ พระอาจารย์ท่านอื่นๆ ด้วยครับ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือน เท่าตัวจริง ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้
ภายในยังมี ตู้บรรจุอังคารธาตุ เครื่องอัฐบริขาร พร้อมทั้งส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมา ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตั้งแต่เกิด จนมรณภาพ
และบริเวณใกล้เคียงยังมี “เจดีย์บรรจุอัฐิหลวงปู่หลุย” ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะอีกด้วย .. ซึ่งเสร็จจากไหว้พระ ก็จะเข้าเมืองต่อครับ..ด้วยความที่มันก้ำกึ่ง ระหว่างจะเดิน หรือ นั่งรถดี ขากลับเข้าเมืองระยะประมาณ 1 กิโลเมตร หน่อยๆ ก็ลองเดินดูบ้างครับ (เพราะถ้าขึ้นรถปุ๊บ ก็ลงทันที55+) เดินเอาก็ไม่ค่อยไกลเท่าไร ครับ พอได้อยู่ .. จุดหมายต่อไป ก็คือ “วิลลี่แหนมเนือง” ครับ
แผนที่เมืองสกลนคร
1 = ข้าวเกรียบปากหม้อปารีส
2 = วิลลี่แหนมเนือง
3 = วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
4 = ร้านสเต๊กโพนยางคำ
5 = สระพังทอง
เดินกลับเข้ามาสักพัก ก็เจอร้าน “วิลลี่แหนมเนือง” (2) ป้ายร้านสีส้มสะดุดตา เด่นมองเห็นแต่ไกลเลย
“ร้านวิลลี่แหนมเนือง” เป็นร้านอาหารเวียดนามชื่อดังของจังหวัดสกลนคร มีอาหารเวียดนามรสชาติดั้งเดิม ต้นตำหรับชาวเวียดนามแท้ๆ ที่ใครมาเยือนก็ต้องมาลองล่ะครับ ถือว่าป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีผักเครื่องเคียงหลากหลาย และ ในร้านก็มีของฝากไว้ให้เลือกซื้อกลับบ้านด้วยครับ ได้เวลา..กินต่อ (ที่จริงของเก่าที่กินไปยังไม่ค่อยย่อยเท่าไรนะ55+) สั่งแหนมเนืองแบบชุดเล็กมาลองชิมสัก 1 ชุด ได้มา 3 ไม้ ในราคา 100 บาท (ได้ผักมาเยอะมาก มีอีกตะกร้านะครับ..พอดีไม่ได้ถ่าย 55+)
น่ากินเป็นอย่างมาก
“จะกินแหนมเนืองให้อร่อย ต้องใช้มือโกย..เอ้ย มือหยิบกิน”
– สมาชิกผู้ร่วมเดินทางท่านหนึ่งกล่าว
เป็นวัดที่มี ซุ้มประตู สวยมาก
ไม่ต้องกลัวหลงนะครับ ในตัวเมืองมีป้ายบอกทางไปวัดพระธาตุเชิงชุมเยอะมาก
ซุ้มประตูทางเข้า
“พระธาตุเชิงชุม” เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม มีความสูงประมาณ 24 เมตร ไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ มีซุ้มประตู 4 ด้าน นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ใครมาเยือนเมืองสกลนคร ต้องแวะมาไหว้พระธาตุสักครั้ง
ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุม
บรรยากาศหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม
และ ยังเป็นที่ออกกำลังกายในช่วงเย็นๆ แบบนี้อีกด้วยครับ มีคนมาวิ่ง มาออกกำลังกายกันเยอะเลย อากาศดีมากครับ..
ขอนั่งเล่น..ชมบรรยากาศ ที่ “สระพังทอง” แห่งนี้สักพักครับ..^^
เดินมาจาก “สระพังทอง” ข้ามฝากมาฝั่ง “ประตูเมือง” นี้เลย ก็ต้องขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อยครับ.. ^^
ว่า..ครั้งหนึ่ง เคยมาเยือนแล้วนะ “สกลนคร”
นั่งเล่น..ชิลล์ๆ สูดอากาศยามเย็น เก็บบรรยากาศดีๆ ก่อนเดินทางกลับครับ ^^
ค่าอาหาร = 75+75+30 =180 บาท
ค่ารถสองแถวทั้งวัน+กลับสนามบิน = 105 บาท
ค่าขนม+ค่าน้ำดื่ม 7-11 = 50 บาท
สุดท้ายนี้..ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่แวะเข้ามาชม กันนะครับ หวังว่า รีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ และให้ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับ เพื่อนๆ ที่สนใจไปเที่ยวบ้างนะครับ ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใด ผิดพลาด ข้อมูลตกหล่นไป ยังไง.. ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ..ถ้าชอบ หรือถูกใจ ก็กด “แชร์” รีวิวนี้ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันได้นะครับ.. มีโอกาสไว้เจอกันทริปหน้าเด้อ… บ๊ายยย บาย.. สวัสดีครับ (-/\-)