EP10/11 : ปั่นจักรยานเที่ยวในเมือง Tadami แวะส่งท้ายทริปที่วัด Enzo-ji
ไหนๆ ก็เดินทางมาตามเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก จนมาถึง Mishima Town แล้ว ผมก็ขอเดินทางต่อไปอีกสักหน่อย เพื่อไปยัง เมือง Tadami ในช่วงหัวค่ำนี้
ผมแบกเป้กลับมายังสถานีรถไฟ Aizu Miyashita ในบรรยากาศที่ดูเงียบสงบมากๆ และท้องฟ้าก็เริ่มมีละอองฝนโปรยปราย เพิ่มความเหน็บหนาวขึ้นมาทันที..
สถานีรถไฟ Aizu Miyashita เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ที่อยู่ใน Mishima Town ซึ่งตอนนี้.. ผมได้กลายเป็นผู้โดยสารคนเดียวของสถานีนี้ ที่กำลังรอรถไฟ เพื่อไปยัง สถานีรถไฟ Tadami
มาถึงสถานีรถไฟก่อนที่รถไฟจะมาถึงนานอยู่พอสมควรครับ เนื่องจากว่า.. อากาศข้างนอกค่อนข้างจะหนาวเลยรีบมานั่งรอข้างในอุ่นๆ จะดีกว่า พอรถไฟใกล้จะมา เจ้าหน้าที่ในสถานีก็ถามผมว่า.. ได้ซื้อตั๋วหรือยัง? และก็แนะนำให้ผมไปซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋วตอนนี้ได้เลย จาก สถานีรถไฟ Aizu Miyashita ไป สถานีรถไฟ Tadami ราคาตั๋ว 840 เยน
การเดินทาง จาก สถานีรถไฟ Aizu Miyashita ไป สถานีรถไฟ Tadami จะไปตามเส้นทาง รถไฟสาย Tadami Line ซึ่งผมต้องไปแวะลงที่ สถานีรถไฟ Aizu-Kawaguchi ก่อน หลังจากนั้นจึงต่อรถบัสไปลงที่ สถานีรถไฟ Tadami จุดหมายในวันนี้ครับ (เนื่องจากเส้นทางรถไฟช่วงระหว่าง สถานีรถไฟ Aizu-Kawaguchi Station ถึง สถานีรถไฟ Tadami ยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม จากเหตุน้ำท่วม ในระยะนี้รถไฟสาย Tadami Line จะไปสิ้นสุดที่สถานี Aizu-Kawaguchi Station เท่านั้น แต่ก็มีรถบัสบริการนั่งต่อไปจนถึงสถานีรถไฟ Tadami Station ตามเวลาปกติครับ)
การนั่งรถไฟในช่วงมืดๆ และข้างนอกมีสายฝนโปรยปราย เป็นอะไรที่ดูเงียบเหงามาก มองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ ก็มองไม่เห็นอะไรเลย ข้างนอกมืดไปเสียหมด จะพอได้เจอแสงไฟตามบ้านเรือนบ้าง.. ก็ตอนที่ผ่านเขตชุมชน สักพักใหญ่ๆ รถไฟก็เดินทางมาถึง สถานีรถไฟ Aizu-Kawaguchi ซึ่งจะสิ้นสุดการเดินทางด้วยรถไฟแค่สถานีนี้ เพราะเส้นทางรถไฟต่อจากนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ซ่อมแซมอยู่ แต่..ก็มีรถบัสไว้บริการเชื่อมต่อในจุดดั่งกล่าวด้วยครับ ลงจากรถไฟ ก็เดินมาขึ้นรถบัสต่อได้เลย แค่โชว์ตั๋วรถไฟให้กับพนักงานขับรถดูครับ
Tadamiso Guest House นอนสบายใน.. Tadami!
รถบัสวิ่งฝ่าสายฝน และความมืดมิดรอบด้าน จนมาถึงจุดหมายปลายทางที่ สถานีรถไฟ Tadami
ผมรีบลงจากรถ และวิ่งเข้าไปหลบฝนในสถานีรถไฟ ซึ่งระหว่างที่ยืนงงๆ ดูแผนที่ เพื่อที่จะเดินไปยังที่พักที่จองไว้สำหรับคืนนี้อยู่นั้น ก็มีชายชาวญี่ปุ่นเดินเข้ามาทัก และเรียกชื่อผม ว่า “ใช่คุณ….มั้ย?” ผมก็ตอบว่า “ใช่” จึงเข้าใจว่าเขามายืนรอรับผมที่สถานี พร้อมกับยื่นร่มให้อีกคัน เนื่องจากตอนนี้ฝนตกหนักมาก กลัวว่าผมจะเปียก เป็นอะไรที่ดูน่ารักดี ใส่ใจดีมากๆ ครับ ซึ่งชายคนดังกล่าวเป็นผู้ดูแล Tadamiso Guest House ที่พักแบบเรียวกัง ที่ผมจะเข้าพักคืนนี้
เมื่อเข้าที่พัก ผู้ดูแลก็พาเดินแนะนำห้องต่างๆ อย่างรวดเร็ว ..ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างๆ จะอาบน้ำต้องไปตรงไหน จะทานข้าวต้องไปตรงไหน..? พร้อมแนะนำข้อควรปฎิบัติต่างๆ
บริเวณเปลี่ยนรองเท้า มีตู้กดน้ำไว้บริการด้วย เผื่อดึกๆ หิวน้ำก็ลงมากดได้เลย
ห้องพัก จะอยู่ที่ชั้นสอง ตรงไปจะเป็น ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และ บริเวณล้างหน้าแปรงฟัน
ภายในห้องพัก จะดูกว้างขวาง สะอาด และเป็นระเบียบมากๆ เสื่อตาตามิ นี่ดูใหม่มาก ทุกอย่างในห้องได้รับการดูแลอย่างดี
เซตชงชา ที่มีมาให้ ก็ขอ.. จิบชา นั่งพักเหนื่อยกันสักหน่อย
ชุดยูกาตะ อุปกรณ์อาบน้ำ และ ที่นอน ที่เตรียมไว้ให้ สามารถยกไปปูนอนได้ตามสบาย
ที่นี่.. ผมจองเอาไว้แบบ รวมอาหารเย็น และ อาหารเช้า พอเก็บกระเป๋าเข้าห้องได้ไม่นาน ผู้ดูแลก็เรียกให้ลงไปทานอาหารเย็น ซึ่งเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาถึงแล้ว อาหารเย็น สไตล์ญี่ปุ่นก็ยังดูน่าทานทุกอย่างเหมือนเดิม ตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ลองชิมอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้ ผู้ดูแลก็จุดไฟที่เตาเล็กๆ และ ตักข้าว ตักน้ำซุปร้อนๆ มาให้
และ ยังมี โซบะเย็น มาเสิร์ฟเพิ่มอีก เป็น Handmade Soba ที่ทำเอง เป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้ ซึ่ง ณ จุดนี้ คุณน้าผู้หญิงที่เป็นผู้ดูแล ก็มาทำท่าสาธิต การทำโซบะ ว่าต้องนวดแป้ง ต้องหั่นเส้น อะไรยังไง? เป็นการสื่อสารโดยท่าทาง ที่พอเข้าใจได้ว่า เป็นโซบะที่ทำเอง ซึ่งเส้นก็อร่อย เหนียวนุ่ม จริงๆ นะครับ
หลังจากนั้น ก็ไป อาบน้ำ อาบท่า แช่ออนเซ็น เช่นเคยครับ ภายในก็มีที่สำหรับชำระร่างกาย มีสบู่ แชมพู และอ่างออนเซ็นขนาดเล็ก ให้ได้ลงไปแช่น้ำร้อน เพื่อผ่อนคลายครับ
ตู้ไมโครเวฟ ไว้ใช้ร่วมกัน พร้อมถังขยะ ที่ต้องขอความร่วมมือในการแยกขยะก่อนทิ้งด้วย
สภาพห้องก่อนเข้านอน ภายในห้องจะมีโต๊ะตัวเล็กๆ ทีวี กาน้ำร้อน ตู้เสื้อผ้า ที่นอน ซึ่งเมื่อได้เวลาพอสมควรก็เข้านอนครับ อากาศค่อนข้างหนาวพอสมควร ผู้ดูแลก็เข้ามาปรับฮีตเตอร์ให้ครับ ก็ได้อากาศอุ่นๆ นอนหลับสบายทั้งคืนเลย
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย มานั่งดูทีวี จิบชาร้อน ให้รู้สึกผ่อนคลายสักหน่อย ก่อนที่จะเตรียมตัวเข้านอน เป็นคืนสุดท้าย สำหรับ จังหวัดฟุคุชิมะ ในครั้งนี้.. Good Night จ้าาาา!
DAY 7 : 09.11.17
เช้าวันใหม่ ใน.. Tadami!
ตื่นมาตอนเช้า อากาศโคตรหนาวววว.. ไม่ทันที่จะได้อาบน้ำอาบท่า เพียงแต่ล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปให้ทันกินอาหารเช้าตามที่ได้นัดหมายกับผู้ดูแลเอาไว้ อาหารเช้า ก็ดูจะเป็นอาหารง่ายๆ ไม่อลังการเท่า อาหารเย็น แบบเมื่อวาน แต่.. ผมชอบอาหารของที่นี่นะ.. อร่อยดี ดูพิถีพิถัน และ ใส่ใจดีมากๆ ผู้ดูแลก็คอยนั่งดูแลอยู่ตลอดเวลาแบบไม่คลาดสายตาเลย
บรรยากาศหน้า Tadamiso Guest House วันนี้.. อากาศหนาว และ ลมแรงมากๆ
ปั่นจักรยานเล่นรอบเมือง Tadami!
ในช่วงเช้านี้.. จะไปเช่าจักรยานเพื่อไปปั่นเล่นชมเมือง Tadami ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แม่น้ำ และป่าเขา บรรยากาศสงบเงียบมาก อากาศดี เหมาะที่จะมาพักผ่อน และ ก็เหมาะที่จะมาลองปั่นจักรยานสูดอากาศดีๆ ในยามเช้าแบบนี้ด้วย แต่ก่อนอื่น.. ก็ต้องไปเช่าจักรยานกันก่อน โดยไปที่ สถานีรถไฟ Tadami ซึ่งอยู่ห่างจาก Tadamiso Guest House ที่ผมพักแค่ 100 เมตรเท่านั้น
ใน สถานีรถไฟ Tadami จะมี ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ด้วย สามารถมาหาข้อมูลสำหรับการเที่ยวเมืองนี้ ในฤดูกาลต่างๆ ได้นะครับ
มีสินค้า และ ของที่ระลึกจากเมือง Tadami วางจำหน่าย สำหรับซื้อไปเป็นของฝากได้ครับ
ติดต่อเช่าจักรยาน ที่เจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟได้เลยเจ้าหน้าที่ทุกคนบริการดีมากๆ ครับ รถจักรยานก็มีทั้งแบบไฟฟ้า และ แบบใช้เท้าปั่นธรรมดาๆ ผมก็เลือกแบบหลังเพราะประหยัดดี ได้ออกกำลังกายด้วย ราคา 200 เยน เท่านั้นเอง แถมแผนที่มาให้ด้วย
ระยะในการปั่นก็ไม่ไกลครับ เจ้าหน้าที่เขาแนะนำให้ปั่นวนรอบเล็กๆ เริ่มจาก สถานีรถไฟ ไปตาม แม่น้ำ Tadami จนไปสิ้นสุดที่ Tadami Dam ซึ่งเป็นเขื่อนที่สำคัญของเมืองนี้ แล้วปั่นวกกลับมาอีกทางเพื่อกลับมายังจุดเดิม ระยะทางโดยรวมก็ประมาณ 4-5 กิโลเมตร ครับ ใช้เวลาในการปั่นรวมแวะพักถ่ายรูป ก็ไม่น่าจะเกิน 2 ชั่วโมง
ผมต้นเริ่มปั่นจักรยาน โดยวางแผนที่จะวนขวาก่อน ซึ่งการปั่นจักรยานก็ง่ายกว่าที่คิดมาก รถไม่เยอะ และ มีเลนสำหลับจักรยานโดยเฉพาะ ปั่นได้สบายๆ อากาศดีมากจริงๆ ครับ มันรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลย..
ออกจากเขตชุมชนมาหน่อย ก็เริ่มจะดูสงบเงียบมากขึ้นครับ มันเงียบดีจริงๆ ได้ยินแต่เสียงลม ที่พัดมาอยู่ตลอดเวลา
ระหว่างทางก็ชมบรรยากาศของเมืองนี้ ใน ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี ครับ
แล้วก็มาถึงจุดหมายที่ Tadami Dam เขื่อนสำคัญของเมือง ซึ่งตรงนี้จะเป็นเหมือนจุดพักผ่อน และ ชมวิวเขื่อนได้
Tadami Dam เป็นเขื่อนที่กั้น แม่น้ำ Tadami เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
และ ก็ยังเป็นจุดพักผ่อนที่น่าสนใจจุดหนึ่งด้วยครับ เพราะมองเห็นผืนน้ำและ ทิวเขาด้านหลังได้สวยงามดี
ใกล้ๆ กัน ผมเห็นอาคารเล็กๆ ที่มีป้าย J-Power ติดไว้ข้างหน้า ก็เลยลองปั่นจักรยานเข้าไปโฉบๆ ดู ก็เห็นว่า.. สามารถเข้าไปชมข้างในได้ เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่เกี่ยวกับเขื่อนแห่งนี้ ดูน่าสนใจดี ก็ขอจอดรถจักรยานเข้าไปดูสักนิดครับ เผื่อจะได้ความรู้กลับไปบ้าง 55+
ตอนแรก เข้าใจว่าเขาปิด เนื่องจากมันดูเงียบมากๆ พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวที่คอยดูแลอยู่ด้านหน้า ผมถามเรื่องการซื้อตั๋วเข้าไปชม แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า “ชมฟรีได้เลย!” พร้อมผายมือให้เดินเข้าไปชมด้านในได้ตามสบาย
อาคารขนาดเล็กๆ แบบนี้ ใช้เวลาเดินชมไม่นานครับ ภายในมี 3 ชั้น สามารถเดินขึ้นลงชมตามชั้นต่างๆ ได้ ผมก็ขอเดินดูอย่างละเอียดนิดนึง ดูเป็นความรู้ดี ให้ความรู้สึกว่าไปเดินในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อะไรประมาณนั้น..
ภายใน ก็จะจัดแสดง ประวัติความเป็นมาของเขื่อนแห่งนี้ ตั้งแต่การเริ่มต้นโครงการสร้าง ภาพการก่อสร้าง โมเดลจำลอง และ การผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ
เดินดูอะไรเล่นใน J-Power ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เสร็จเรียบร้อยครับ เดินออกมาไม่ห่างกันมากจะมีเห็นอาคารไม้เก่าๆ อีกอาคาร ตรงนี้เป็นร้านค้า และมีร้านอาหารอยู่บนชั้น 2 ครับ ตอนแรกกะว่า.. จะขึ้นไปหากาแฟจิบนั่งชมวิวเขื่อนสักหน่อย.. แต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดครับ(น่าจะเปิดช่วงเที่ยงๆ) ตอนนี้.. เปิดเฉพาะร้านค้าที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
แวะหลบลมหนาวเข้ามาเดินดูอะไรเล่นๆ ข้างในก่อนครับ มีของขายเพียบเลย..
พอเข้าช่วงสายๆ ฟ้าเริ่มเปิด แดดเริ่มมาแล้วครับ บรรยากาศก็ดูสดใสขึ้นมา ปั่นจักรยานชมวิวเล่นได้เพลินๆ เลย
ซาโยนาระ.. Tadami!
ปั่นจักรยานเล่นชมเมืองพอให้ได้ยืดเส้นยืดสายหน่อย..
เมื่อได้เวลาอันพอสมควร ผมก็นำจักรยานกลับมาคืนที่สถานีรถไฟครับ และก็รีบกลับไปอาบน้ำ เก็บของ เช็คเอาท์ และ กลับมารอรถที่สถานีรถไฟ
ในตอนขากลับ ก็เหมือนตอนขามา ครับ ต้องนั่งรถบัสย้อนกลับไปที่ สถานีรถไฟ Aizu-Kawaguchi ก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟที่นั่น เพื่อเดินทางกลับต่อไปครับ
รถบัส ก็จะออกตามเวลาของรถไฟเป๊ะ(ตามเวลาของรถไฟ) เลยครับ ระหว่างทางก็จะแวะจอดตามสถานีรถไฟต่างๆ เพื่อรับส่งผู้โดยสาร
จะมองเห็น รางรถไฟ ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมด้วยครับ คงอีกไม่นานที่จะกลับมาสู่ภาวะปกติ เพราะ ทางรถไฟในหลายมุมของเมืองนี้ เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามมากครับ
แลัว.. รถบัส ก็มาส่งถึง สถานีรถไฟ Aizu-Kawaguchi ซึ่งเมื่อคืนเดินทางตอนมืดๆ มองไม่เห็นอะไรเลย พอมาเห็นในตอนกลางวัน สว่างๆ แบบนี้ อยากบอกว่า.. ตลอดเส้นทางของรถไฟสายนี้ วิวสองข้างทางมันสวยมากๆ จริงๆ ครับ นั่งรถชมวิวได้เพลินมาก
เปลี่ยนมาขึ้น รถไฟ เพื่อเดินทางไปต่อครับ สถานีนี้อยู่ติดกับ แม่น้ำ Tadami เลย ชอบมาก วิวดีสุดๆ
รถไฟขบวนนี้คนน้อยมาก เหมือนยึดทั้งขบวนเป็นของตัวเองเลย 55+ ได้นั่งชมวิวระหว่างทาง เป็นอะไรที่เพลินดีครับ
แวะเที่ยววัด Enzo-ji ก่อนกลับ!
วันนี้.. ผมวางแผนที่จะนั่งรถไฟยาวๆ เพื่อเดินทางกลับเข้าเมือง Fukushima แต่.. เนื่องจากคำนวณเวลาแล้ว ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็เลยขอลงรถไฟแวะเที่ยวกลางทางก่อนที่ สถานีรถไฟ Aizu Yanaizu
ผมแวะลงที่ สถานีรถไฟ Aizu Yanaizu แห่งนี้ ก็เพราะจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ วัด Enzo-ji ซึ่งเดินจากสถานีรถไฟไม่ไกล
ออกจากสถานีเดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ประมาณ 700 เมตร ก็ถึงตัววัดแล้วครับ
เดินมาถึงทางเข้าวัดแล้ว รู้สึกว่า.. ช่วงที่ผมมาจะเป็นช่วงท้ายๆ ของใบไม้เปลี่ยนสีเสียแล้ว เพราะบางต้นใบไม้ก็ได้ร่วงไปเกือบหมดแล้ว แต่.. ก็ยังมีบางต้นที่ยังพอมีให้เห็นอยู่ครับ
วัดเอนโซจิ (Enzo-ji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ตัววัดตั้งอยู่บนหน้าผาขนาดใหญ่ ที่มีวิวสวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเช่นนี้
บริเวณวัดจะมีระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถชมวิวของแม่น้ำไหลผ่านเมืองนี้ได้
ที่นี่ยังเป็น บ้านเกิดของวัวแดง อะคาเบโบะ (Akabeko) มาสคอตสุดน่ารัก ของเมือง Aizu Wakamatsu อีกด้วยนะ
บรรยากาศภายในบริเวณวัด ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสี
หลังจากเดินชมภายใน วัดเอนโซจิ (Enzo-ji Temple) เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาที่ผมต้องเดินย้อนกลับไปยัง สถานีรถไฟ Aizu Yanaizu ซึ่งระหว่างทางก็พบเห็น ร้านขนมหวาน อยู่หลายร้านมากๆ
เนื่องจากเห็นบางร้านมีคนต่อคิวซื้อกันยาวมาก ก็คิดว่าต้องมีอะไรเด็ดบางแหละ ก็เลยขอต่อแถวรอซื้อกับเขาบ้าง มีขนมให้เลือกซื้อเยอะเลย
ซื้อเสร็จก็เข้ามานั่งกินในร้านก่อนก็ได้ มีชาร้อนๆ ให้บริการฟรีอีกด้วย
หน้าตาของ ขนมหวาน ที่คนต่อแถวซื้อกัน ก็จะเป็นประมาณนี้ครับ.. ข้างนอกเป็นแป้งเหนียวนุ่ม ส่วนไส้ข้างในเป็นถั่วแดง เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ข้างในยังร้อนอยู่เลย รสชาติก็อร่อยดีครับ กินเข้ากับชาร้อนได้ดีมากๆ
ก่อนที่รถไฟขบวนถัดไปจะมาถึง ผมมีเวลาอยู่อีกนิดหน่อย ก็เลยเลือกมานั่งเล่นอยู่ที่ริมแม่น้ำ ที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟ ซึ่งจุดนี้สามารถมองเห็นวิวของสะพานสีแดงๆ ของเมืองนี้ได้อีกด้วย และ ยิ่งในช่วงยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้ บรรยากาศดีมากเลยครับ สำหรับผม ถือว่า.. วิวนี้ เป็น สวยๆ ส่งท้ายของการเดินทางมาเยือน จังหวัด ฟุคุชิมะ ในทริปนี้เลย..
วันนี้.. ก็เป็นวันสุดท้าย ของการมาลุยเดี่ยวเที่ยว จังหวัดฟุคุชิมะ(Fukushima) 7 วัน ซึ่งเป็นการเดินทางที่สนุก และ ได้ประสบการณ์มากมาย ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ได้ลองชิมอาหารอร่อยๆ ที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน รวมไปถึง การได้เห็นน้ำใจของคนญี่ปุ่นที่ยินดีให้ความช่วยเหลือในตลอดระยะเวลาการเดินทางอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งทริปการเดินทางที่รู้สึกประทับใจ ไม่มีวันลืมแน่นอนครับ!
สำหรับการเดินทางของผม ยังไม่จบ..ดีนะครับ มีแถมอีกหนึ่งตอนสั้นๆ เป็นตอนสุดท้าย ซึ่งเกี่ยวกับการนั่งรถ Night Bus ระหว่าง Fukushima กลับไปยัง Tokyo ครับ ใครสนใจที่จะนั่งรถ Night Bus เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถติดตามได้ตอนหน้านะครับ!
7 Days in Fukushima! | บันทึกการเดินทางเที่ยวฟุคุชิมะ 7 วัน
- 1/11 : Say Hi! Fukushima การเดินทางไปด้วย Shinkansen
- 2/11 : Iizaka Onsen นอนเรียวกัง แช่ออนเซ็น กินผลไม้สดๆ จากสวน!
- 3/11 : เดินไต่ Mt. Azuma แวะแช่ออนเซ็นที่ Takayu Onsen
- 4/11 : ตามหาความเหลืองที่ Azuma Sport Park พัก APA Hotel
- 5/11 : Goshikinuma Ponds ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี!
- 6/11 : Tagoto Ryokan เรียวกังนอนสบายใน Aizu Wakamatsu
- 7/11 : เที่ยวตามเส้นทาง Tono Hetsuri – Ouchi Juku นอน Niko Ryokan
- 8/11 : เที่ยววนไปใน.. Aizu Wakamatsu ด้วย Loop Bus 1 วัน
- 9/11 : Mishima Town เมืองเล็กน่ารัก และ รถไฟสายโรแมนติก!
- 10/11 : ปั่นจักรยานเที่ยวในเมือง Tadami แวะส่งท้ายทริปที่วัด Enzo-ji
- 11/11 : วิธีการนั่ง Night Bus จาก Fukushima กลับ Tokyo
- Ryokan : 5 เรียวกังน่าพัก ใน.. FUKUSHIMA, JAPAN
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com