รัก แลก พบ : “เพชรบุรี” สร้างสุข บำรุงใจ เส้นทางท่องเที่ยวอารยสถาปัตย์!

SHARE!

รัก แลก พบ : “เพชรบุรี” สร้างสุข บำรุงใจ เส้นทางท่องเที่ยวอารยสถาปัตย์!

ไปเที่ยว.. “เพชรบุรี” ..ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้เอง!

“เพชรบุรี” เป็นจังหวัดหนึ่ง ที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เหมาะที่จะพาครอบครัวไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ อย่างมากเลยครับ!

ทริปนี้ ก็เลยขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว “เพชรบุรี” ตามเส้นทางท่องเที่ยว อารยสถาปัตย์ ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความสะดวก และเอื้อต่อคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ และ ผู้ด้อยโอกาสต่างๆ ที่มีข้อจำกัดในการใช้ หรือเข้าถึงสิ่งแวดล้อม สถานที่ และสิ่งของเครื่องใช้ทั่วไปในสังคม หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั่นเอง ทำให้สามารถยกครอบครัวไปเที่ยวได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะนั่ง วีลแชร์ หรือ เดินไม่สะดวก ก็สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ครับ

 

DAY #1 | “เพชรบุรี” เส้นทางท่องเที่ยวอารยสถาปัตย์!

ช่วงเช้า ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ จังหวัดเพชรบุรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็มาถึงจุดหมายแรก ที่ วัดเขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งวัดแห่งนี้ จุดเด่น ก็คือ โบสถ์ ที่สร้างมาจากไม้สักทองทั้งหลัง เป็นศิลปะแบบไทยโดยช่างของเพชรบุรี โดยมีการสร้างทางลาดพร้อมราวเหล็กขึ้นสู่โบสถ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และ วีลแชร์ ด้วย

  • ติดต่อ พระมหานิธิกาญจน์ นิธิวังโส : โทร 0 3256 2744, 09 0571 1157

เริ่มต้นทริปนี้ ด้วยการไหว้พระ และร่วมกันถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคล

เดินชมงานศิลปะ แกะสลักไม้สักทองเป็นเรื่องราวต่างๆ รอบโบสถ์ ซึ่งมีความสวยงามอย่างมากเลยครับ

บริเวณด้านข้างโบสถ์ จะมีงานปูนปั้นมากมายที่มีการเล่าเรื่องราวต่างๆ เช่นกัน แต่มีความพิเศษตรงที่จะมีป้าย อักษรเบรลล์ สำหรับผู้พิการทางสายตาติดไว้ เพื่อเป็นการสื่อสารให้ผู้พิการทางสายตาได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นด้วย

สามารถพบกับฝูง ลิง เจ้าถิ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณวัดอย่างมากมาย

จากนั้น ไปเที่ยวชมอีกส่วนหนึ่งของวัด ที่เรียกว่า.. “ถ้ำเขาย้อย” เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยขนาดเล็ก แต่มีความสวยงาม ซึ่งบริเวณทางเข้าถ้ำ จะมี ลิฟท์ สำหรับบริการผู้สูงอายุ ผู้พิการ และวีลแชร์ รวมถึงทุกจุดก็มีทางลาด ราวจับ และห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ คนท้อง ผู้พิการ และวีลแชร์ สร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้

ภายใน ถ้ำเขาย้อย ประดิษฐานพระพุทธรูปน้อยใหญ่มากมาย โดยมี พระพุทธไสยาสน์(พระนอน) เป็นพระประธาน

บริเวณด้านหลังของ พระพุทธไสยาสน์ จะมี รอยพระพุทธบาท ให้ได้สักการะ

นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้น พระเจ้าอู่ทอง เจ้าแม่กวนอิม อยู่ภายในถ้ำ ซึ่ง ตลอดทั้งวัน ก็จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชม และไหว้พระกันอย่างไม่ขาดสายกันเลยครับ

ได้เวลา อาหารมื้อเที่ยง แวะมาพักทานอาหารที่ ร้านอาหารบ้านทะเลซีฟู้ด แหลมผักเบี้ย มีเมนูอาหารทะเล และเมนูเพื่อสุขภาพ เช่น ปลากะพงสามรส, โป๊ะแตก, เนื้อปูผัดต้นหอม, ไข่เจียวหมูสับ, หอยตลับผัดพริกเผา, น้ำพริกไข่ปู, กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เป็นต้น ซึ่งร้านนี้ ก็มี ทางลาด ราวจับ และห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ, คนท้อง, ผู้พิการ และวีลแชร์ เช่นกัน

  • ติดต่อ : หลุยส์ 085 – 4052856, เจ้น้อง 081 – 5869996

ช่วงบ่าย เดินทางไปกันต่อที่ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นสถานที่ที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในพื้นที่หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ อาชีพ รายได้ความเจริญ ความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ ฯลฯ ที่เป็นรากฐานของการพัฒนาพื้นที่ จนเกิดมาเป็นความน่าสนใจ ความมีเอกลกัษณ์ และ อัตลักษณ์ในพื้นที่จนมาสู่การท่องเที่ยวในปัจจุบัน

  • ติดต่อ : โทร 0 2579 2116 , 0 3244 1265 และ 09 2273 0546
  • E-mail : lerd.in.th@gmail.com

เมื่อเดินทางมาถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เจ้าหน้าที่ก็พาขึ้นอาคารเพื่อชมวีดิทัศน์เกี่ยวกับ เรื่องราว ความเป็นมา ของโครงการฯ ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งอาคารนี้ ก็ได้มีทั้งทางลาด ราวจับ และห้องน้ำ อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ คนท้อง ผู้พิการ และวีลแชร์

รับชมวีดิทัศน์เกี่ยวกับเรื่องราว และความเป็นมาของ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประมาณ 20 นาที

จากนั้น ก็นั่ง รถราง เที่ยวชมบรรยากาศ และส่วนต่างๆ ของทางโครงการ ซึ่งบน รถราง ก็จะมีที่นั่งเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ คนท้อง ผู้พิการ และวีลแชร์ 1 ที่นั่ง

รถราง จะพาไปเที่ยวชมรอบบริเวณของโครงการ ที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ซึ่งมีจุดสำคัญ ก็อย่างเช่น การกำจัดน้ำเสียในรูปแบบต่างๆ โดยใช้ธรรมชาติ ชมแปลงข้าวทดลองที่ใช้น้ำเสีย ชมเทคโนโลยีการกำจัดขยะด้วยกล่องคอนกรีต เป็นต้น และที่สำคัญที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ ก็คือ ที่นี่เป็น แหล่งดูนกหายากของประเทศไทย อีกด้วยนะครับ

นั่งรถรางมาจนถึงจุดที่ถือว่าเป็น ไฮไลท์ ของที่นี่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าโกงกาง ระยะทาง 800 เมตร โดยสามารถเดินไปตามสะพานไม้เที่ยวชมธรรมชาติของป่าโกงกาง อันเป็นบ้านของสัตว์น้ำนานาชนิด

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมป่าโกงกาง จะเป็นสะพานที่ทำด้วยไม้ตลอดทาง ซึ่ง ผู้สูงอายุและคนท้อง สามารถเดินได้ โดยมีจุดแวะนั่งพักเป็นศาลาไม้ และ สำหรับผู้พิการนั่งวีลแชร์ ก็สามารถเข้าชมได้ แต่อาจจะลำบากสักหน่อยครับ..

เมื่อเดินไปจนสุดทางสะพานไม้ ก็จะพบกับวิวทะเล ได้รับลมทะเลแบบเต็มๆ ซึ่งธรรมชาติในบริเวณนี้ก็สมบูรณ์เป็นอย่างมาก

ปิดท้ายการเดินทางวันแรก มาต่อกันที่ วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง หรือ สปาเกลือกังหันทอง ที่เกิดจากการรวมตัวกันของคนในชุมชนจนกลายเป็นวิสาหกิจ เพื่อต้องการพัฒนาและต่อยอด “เกลือ” ซึ่งเป็นผลผลิตสำคัญในพื้นที่ อ. บ้านแหลม ให้มีคุณภาพและภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อเป็นการสร้างรายได้ที่มากขึ้น รวมถึงพัฒนาสถานที่และกิจกรรมให้น่าสนใจ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว

  • ติดต่อ : คุณมัทนา 09 1705 0926 และ คุณสมพงษ์ 08 6544 4473, 0 3240 5100

กิจกรรม ของ วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง จะเน้นให้บริการด้านความงามที่ได้จากผลิตภัณฑ์จากเกลือ เช่น การทำสปาเกลือ แช่เท้าด้วยดอกเกลือ ขัดผิวด้วยดอกเกลือ ขัดหน้าด้วยดอกเกลือ นวดตัว เป็นต้น

นอกจากนี้ ถ้าใครสนใจ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากเกลือ ก็สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันได้ตามความชอบ อีกด้วย

ยามเย็น แดดร่มลมตกแบบนี้ แนะนำให้ลองไปเดินเล่นชมบรรยากาศของ นาเกลือ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง รับรองว่า.. จะได้มุมถ่ายรูปสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอย่างแน่นอน

เมื่อดวงตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ก็เดินทางมาทาน อาหารมื้อเย็น ที่ ร้านครัวเม็ดทราย ริมชายหาดชะอำ บรรยากาศดี ทานอาหารพร้อมกับรับลมทะเล มีเมนูอาหารทะเลและอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น แกงส้มกุ้งผักรวม, กุ้งผัดพริกไทดำ, ผัดผักรวมมิตร, เนื้อปูผัดผงกะหรี่, ปลากะพงทอดน้ำปลา, ต้มจืดเต้าหู้หมูสับใส่สาหร่าย เป็นต้น อร่อยทุกเมนูจริงๆ ครับ

  • ติดต่อ : โทร. 089 – 8002299, 032 – 472861

ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าที่พัก โดยมาพักที่ โรงแรมลองบีช ชะอำ ที่มีตัวอาคารและห้องพักรองรับ (มีทางลาด ราวจับ และห้องน้ำ) สำหรับผู้สูงอายุ, คนท้อง, ผู้พิการ และวีลแชร์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พักผ่อนนอนหลับได้อย่างสบายครับ

  • ติดต่อ : 0 3247 2000 , 08 7529 6444 และ 08 1402 6644

 

DAY #2 | พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

เช้าวันที่ 2 ออกเดินทางไป พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ถือเป็นพระราชวังฤดูร้อนของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งให้กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการก่อสร้างพระราชนิเวศน์ใหญ่ใน พ.ศ.2466 โดยที่มี เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้อำนวยการก่อสร้างและพระองค์ได้ทรงร่างแผนผังการก่อสร้างพระราชนิเวศน์ด้วยพระองค์เอง

  • ติดต่อ : สำนักงานมูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ โทร 0 3250 8443-5, 08 1941 2185 และ 09 0954 5000
  • Email : mrigadayavanpalace@gmail.com

ในพื้นที่ของ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มากันที่จุดแรก คือ บ้านเจ้าพระยารามราฆพ อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิค ซึ่งจะเป็นพื้นที่ขายชาและเบเกอรี่ เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อน จิบชา ชมบรรยากาศ ริมทะเล..

 

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มีพระที่นั่งที่สำคัญ ประกอบไปด้วย

  • พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอาคารหลังใหญ่สุด ทรงใช้เป็นห้องบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องทรงพระอักษร และห้องสรง ส่วนห้องเสวยเป็นศาลารูปสีเหลี่ยม มีลูกกรงรอบไม่กั้นฝา
  • พระที่นั่งพิศาลสาคร เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา และที่พำนักของ พระสุจริตสุดา พระสนมเอก
  • พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ เป็นอาคารสองชั้น มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเปิดโล่ง ทั้งชั้นล่างและชั้นบนทรงใช้เป็นโรงละครและที่ชุมนุมในโอกาสต่างๆ สิ่งที่น่ายกย่องของสถานที่แห่งนี้คือ ความตั้งใจและความพยายาม ที่จะสร้างที่ประทับให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ อีกทั้งยังสร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นริมชายหาดอันขาวสะอาด

ทั้งนี้ ภายใน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน มีรถวีลแชร์คอยบริการ และ ทางลาดสามารถเชื่อมถึงกันได้หมด อำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้สูงอายุ, คนท้อง, ผู้พิการ และวีลแชร์

เข้าสู่ อาหารมื้อเที่ยง มาแวะทานอาหารที่ ร้านสังเวียน ชะอำ ร้านอาหารเมนูซีฟู้ดและเมนูเพื่อสุขภาพ มีเมนูแนะนำอย่างเช่น กุ้งอบเกลือ, ปลากะพงทอดน้ำปลา, ส้มตำทะเล, ต้มยำโป๊ะแตก, เนื้อปลาเก๋าผัดฉ่า, หอยแมลงภู่อบ, หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง, ข้าวผัดปู เป็นต้น

  • ติดต่อ : 032 – 472280 , 086 – 0964799

ช่วงบ่าย ก่อนเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ก็ต้องแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันสักหน่อย โดยมาที่ ร้านบ้านขนมนันทวัน ศูนย์รวมขนมหวานนานาชนิดให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากกันได้ตามใจชอบ มีของฝากขึ้นชื่อ อย่างเช่น ขนมหม้อแกง สารพัดรส ให้ได้ลองซื้อไปชิม และที่สำคัญ ร้านนี้ก็มีทางลาด ราวจับ และห้องน้ำ สำหรับผู้สูงอายุ, คนท้อง, ผู้พิการ และวีลแชร์ อีกด้วย

  • ติดต่อ : 032 419 910

จากนั้น ก็เดินทางกลับ กรุงเทพฯ กันครับ เป็นอันจบทริป “เพชรบุรี” สร้างสุข บำรุงใจ เส้นทางท่องเที่ยวอารยสถาปัตย์ ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาที่เที่ยวสำหรับครอบครัว ก็ขอแนะนำเส้นทางนี้เลยครับ สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ, คนท้อง, ผู้พิการ หรือผู้นั่งวีลแชร์ ก็สามารถเดินทางได้ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับ และรับรองว่า.. จะเป็นทริป “สร้างสุข บำรุงใจ” ให้กับคนที่เรารักอย่างแน่นอนครับ!

 

#อพท #เที่ยวชุมชน #เพชรบุรี
#dasta #dastathailand #travel


การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com