“ญี่ปุ่น” ทริปแรกของปี 2024 เราจะพาไปเที่ยวกันที่ ภูมิภาคโฮคุริคุ(Hokuriku) กับเส้นทางท่องเที่ยว จังหวัด Fukui, Ishikawa และ Toyama ซึ่งภูมิภาคนี้ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมาก บรรยากาศดี เหมาะแก่การมาพักผ่อน มีอาหารอร่อย เมนูท้องถิ่นให้ได้ลองชิม เดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ถ้าใครได้มาเที่ยวภูมิภาคนี้ ต้องติดใจเหมือนเรา อย่างแน่นอน!
ทริปนี้ เราเริ่มต้นออกเดินทางโดยลงเครื่องบินที่ สนามบินนานาชาติคันไซ(Kansai International Airport) แล้วนั่งรถไฟขบวน Hello Kitty Haruka เพื่อเข้าเมืองโอซาก้า(Osaka) จากนั้น ก็เปลี่ยนไปนั่งขบวน Thunderbird ต่อไปยัง จังหวัด Fukui และวนเที่ยวในพื้นที่ของ 3 จังหวัด ในภูมิภาคนี้ ทั้ง Fukui, Ishikawa และ Toyama เป็นทริปช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เที่ยวได้อย่างครบรสชาติ ตามมาเที่ยวด้วยกันได้เลย!
พาสที่ใช้ในการเดินทาง
● Kansai-Hokuriku Area Pass (7 Days) : พาสสำหรับโดยสารรถไฟที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างภูมิภาค Kansai และ Hokuriku เดินทางจาก Kansai Airport สู่ Osaka, Fukui, Ishikawa และ Toyama ได้อย่างสะดวกสบาย เที่ยวได้อย่างสุดคุ้ม สามารถมาแลกพาสที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือที่เคาน์เตอร์ Midori no Madoguchi ที่สถานีรถไฟได้
● Have Fun in FUKUI (1 Week Free Pass) : พาสสำหรับท่องเที่ยวในฟุคุอิ ใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ 3 แห่ง ใช้โดยสารรถไฟสายเอจิเซ็น และมีคูปองสำหรับใช้ใน ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ร่วมรายการ
ภูมิภาคโฮคุริคุ(Hokuriku)
เริ่มออกเดินทางเที่ยว ภูมิภาคโฮคุริคุ(Hokuriku) เรามาลงเครื่องบินสนามบินนานาชาติคันไซ(Kansai International Airport) จากสนามบินสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง Osaka ได้อย่างสะดวกสบายด้วยตั๋วเที่ยวเดียวของ Limited Express Haruka
สำหรับคนที่จองออนไลน์มา วิธีรับตั๋วก็ง่ายดาย เมื่อเดินทางมาถึง Kansai Airport แล้ว สามารถมาเปลี่ยนเป็นตั๋วตัวจริงได้ที่เครื่องสำหรับแลกตั๋วโดยเฉพาะ ของ Haruka ได้เลย
รถไฟ Haruka เที่ยวนี้ จะมีความพิเศษหน่อย เพราะเป็นขบวน Hello Kitty Haruka รถไฟลายน่ารักในธีม Hello Kitty ที่ ภายนอก และภายในตู้โดยสาร จะมีที่นั่งเป็นลายคิตตี้ รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็จะมีลวดลายคิตตี้ตกแต่งไว้อยู่ มีที่สำหรับวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวที่ตกแต่งเป็นคิตตี้น่ารักๆ ที่นั่งนั่งสบาย นั่งชมวิวได้อย่างเพลินๆ เลย เดินทางได้อย่างสะดวกสบายมาก
เมื่อมาถึง สถานีรถไฟ Osaka Station ก็เปลี่ยนไปนั่งขบวน Thunderbird เพื่อไปยังจังหวัด Fukui เป็นจุดหมายแรก โดยใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (7 Days) สามารถแลกพาสได้ผ่านตู้บริการอัตโนมัติที่สถานีรถไฟได้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา Hokuriku Shinkansen ได้ขยายเส้นทางไปจนถึงสถานี Tsuruga ทำให้จากสถานี Osaka สามารถนั่ง Thunderbird ไปได้ถึง Tsuruga จากนั้น จากสถานี Tsuruga นั่ง Hokuriku Shinkansen ไปลงที่ Fukui ได้เลย
FUKUI
การเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ของเมือง ฟุคุอิ(Fukui) เราใช้ Have Fun in FUKUI (1 Week Free Pass) พาสสำหรับท่องเที่ยวในฟุคุอิ ใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ 3 แห่งจากสถานที่ที่เข้าร่วมรายการ ใช้โดยสารรถไฟสายเอจิเซ็น และมีคูปองสำหรับใช้ใน ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ร่วมรายการ
จังหวัดฟุคุอิ(Fukui) มีชื่อเสียงเกี่ยวกับไดโนเสาร์ เพราะที่นี่มีการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์มากที่สุดในญี่ปุ่น มาเที่ยว “ฟุคุอิ” ทั้งที ก็ต้องมาย้อนเวลากลับไปสู่โลกดึกดำบรรพ์ที่ “พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์” กันสักหน่อย
“พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุคุอิ” Fukui Prefectural Dinosaur Museum (FPDM) ตั้งอยู่ที่เมืองคัตสึยามะ(Katsuyama) ถือเป็น 1 ใน 3 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีห้องจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ทั้งโครงกระดูกไดโนเสาร์ ฟอสซิล และภาพยนตร์วิดีทัศน์ให้ได้ชม ภายในอาคารทรงโดมมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งตอนแรกเราก็เคยได้ยินชื่อเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าพอมาเห็นของจริง จะใหญ่โต และมีการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ได้มากมายขนาดนี้ รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากเลย
สำหรับ “พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุคุอิ” ภายใน จะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ โลกไดโนเสาร์ โลกวิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์แห่งชีวิต ซึ่งจะมีการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์แบบทั้งตัว มาแบบเต็มตัว ในส่วนของ Dinosaur Hall จำนวน 50 ตัว ส่วนจัดแสดงฟอสซิล มีส่วนของนิทรรศการวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ การจัดแสดงหินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เดินเล่นชมในส่วนต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินมาก
นอกจากนี้ ยังมี Museum Shop ร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับ “ไดโนเสาร์” น่ารักๆ ไว้เลือกช้อปกลับไปเป็นของฝากจาก “ฟุคุอิ” อีกด้วยนะ!
● ค่าเข้าชม : 1,000 เยน (สามารถใช้ Have Fun in FUKUI Pass* เข้าชมได้)
การเดินทาง : จากสถานี Katsuyama Station (สายรถไฟเอจิเซ็น) เดินทางต่อด้วยรถบัสอีก ประมาณ 15 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Fukui Prefectural Dinosaur Museum (FPDM)
● ที่อยู่ : 51-11 Murokocho Terao, Katsuyama, Fukui 911-8601 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 17.00 น.
● โทร : +81 779-88-0001
● เว็บไซต์ : https://www.dinosaur.pref.fukui.jp/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/asmz9mmg3hoYmWqz6
ปราสาทมารุโอกะ(Maruoka Castle) ปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ทางตอนเหนือของเมืองฟุคุอิ ถือเป็นหนึ่งในหอคอยปราสาทที่เก่าแก่ที่สุด ที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น และเป็นแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของภูมิภาค Hokuriku ลักษณะของตัวปราสาทเป็นโครงสร้างไม้ขนาดเล็ก มีทั้งหมด 3 ชั้น สามารถเข้าไปชมภายในตัวปราสาทได้
เมื่อเดินเข้าไปในตัวปราสาท จะต้องมีการเปลี่ยนรองเท้าตรงทางเข้า จากนั้น ก็เดินชมบรรยากาศภายใน และสามารถขึ้นไปชั้นบนได้ ผ่านบันไดไม้ที่มีความชันมาก ตรงจุดนี้ก็ต้องระมัดระวังกันนิดหน่อยนะ โดยจะมีเชือกไว้ให้เราจับประคองตัวขึ้นไป และเมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ก็จะมองเห็นวิวบรรยากาศของเมืองได้โดยรอบ ดูสงบเงียบดีนะ
และ ในส่วนบริเวณรอบตัวปราสาท จะมีต้นซากุระปลูกไว้โดยรอบกว่า 400 ต้น ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามของเมืองนี้(ตั้งแต่ต้น – กลางเดือนเมษายน) และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมดอกซากุระอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยจะมีงานเทศกาลชมซากุระจัดขึ้นทุกปี
● ค่าเข้าชม : 450 เยน (สามารถใช้ Have Fun in FUKUI Pass* เข้าชมได้)
การเดินทาง : จาก สถานี Fukui Station ต่อรถบัสอีก 50 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Maruoka Castle
● ที่อยู่ : ญี่ปุ่น 〒910-0231 Fukui, Sakai, Maruokacho Kasumicho, 1 Chome−59
● เวลาเปิด : 08.30 น. – 17.00 น.(เข้าก่อน 16.30 น.)
● โทร : +81 776-66-0303
● เว็บไซต์ : https://maruoka-castle.jp/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1TBH2Zew1pxRSBGn7
นอกจากนี้ Have Fun in FUKUI Pass ยังมีคูปองสำหรับใช้ใน ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ร่วมรายการ ซึ่งเรามีโอกาสได้มาใช้เป็นส่วนลด(1,000 เยน) ที่ HAPPIRING MALL ハピリン ในสถานีรถไฟ Fukui Station โดยมาทานอาหารที่ร้าน Fukubuku Chaya กับเซ็ต Thick Deep fried Tofu Set Meal ราคา 1,848 เยน(รวมภาษีแล้ว) และบุฟเฟ่ต์ ราคา 1,480 เยน(รวมภาษีแล้ว) (ส่วนต่างที่จากการใช้คูปอง สามารถจ่ายเพิ่มเป็นเงินสดได้)
ร้านมีทั้งโซนทานอาหาร และร้านขายของฝากต่างๆ ของจังหวัดฟุคุอิอีกด้วย (ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.happiring.com/sp/)
สำหรับที่พักในฟุคุอิ เราได้มาเข้าพักที่ AWARA ONSEN เมืองออนเซ็น แหล่งน้ำพุร้อนของจังหวัดฟุคุอิ เป็นที่พักที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนมาก
AWARA ONSEN เมืองบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฟุคุอิ เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีภูเขาและนาข้าว บรรยากาศสงบ น่ามาพักผ่อน โดยจะมีที่พักออนเซ็นเปิดบริการอยู่หลายแห่ง ซึ่งในทริปนี้ เราจะมาเข้าพักที่ AWARA ONSEN SEIFUSO ที่พักออนเซ็นขึ้นชื่อของที่นี่
AWARA ONSEN SEIFUSO เป็นที่พักขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงาม มีบริการห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และสไตล์ตะวันตก ซึ่งภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง สะอาด และสวยงาม พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ซึ่งเราได้เข้าพักในห้องแบบสไตล์ญี่ปุ่น เป็นห้องที่กว้างมาก มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ แบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว มีระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอก ห้องนอนมีฟูกญี่ปุ่นพร้อมเครื่องนอน ได้พักผ่อนนอนหลับสบายดีมาก
เมนูอาหารของที่พัก มีบริการเป็นคอร์สที่สามารถเลือกได้ตามต้องการ ซึ่งอาหารมื้อค่ำ เราได้ทานเช็ตปูไคเซคิ(ราคาเริ่มต้น 38,500 เยน) เป็นปูที่ขึ้นชื่อของฟุคุอิ เนื้อปูแน่น อร่อยมาก โดยเฉพาะส่วนของมันปูอร่อยติดใจจริงๆ เป็นเซ็ตที่อร่อยทุกอย่างเลย
สำหรับใครอยากแช่ออนเซ็น ก็มีบริการบ่อน้ำร้อนที่อยู่ภายในอาคาร และบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง ที่สามารถแช่น้ำร้อนพร้อมชมบรรยากาศภายนอกได้
และ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปหาอะไรทานเล่นข้างนอก ใกล้ๆ กับที่พักก็จะมี YUKEMURI YOKOCHO แหล่งกินดื่มที่มีร้านอาหารเล็กๆ อยู่ร่วม 10 ร้าน แต่ละร้านจะมีที่นั่งเพียงประมาณ 9 ที่นั่งเท่านั้น มีบริการเมนูอาหาร อย่างเช่น โอโคโนะมิยากิ ยากิโทริ ปีกไก่ เกี๊ยวซ่า ราเมน เป็นต้น https://yukemuriyokocho.com/
ข้อมูลเพิ่มเติม AWARA ONSEN SEIFUSO
● ที่อยู่ : 3 Chome-803 Hot Spring, Awara, Fukui 910-4104 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 776-77-2500
● เว็บไซต์ : https://www.seifuso.com/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7f2LCZ6Yvw5SxaZV8
ISHIKAWA
มาต่อที่ จังหวัด Ishikawa กับสถานที่แรก “Kenrokuen” สวนสวยแห่งเมือง Kanazawa ดอกบ๊วยเริ่มบาน ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
Kenrokuen สวนที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 สวนสาธารณะ ที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อยู่ในบริเวณใกล้กับ Kanazawa Castle ซึ่งภายใน Kenrokuen จะมีการจัดสวน มีสระน้ำขนาดใหญ่ เนินเขา โคมหิน และพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่ถูกจัดได้อย่างลงตัว มีพืชพันธุ์ที่สามารถชมความสวยงามได้ในฤดูกาลต่างๆ โดยสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
และ ในช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ(เดือนมีนาคม) แบบนี้ “สวนบ๊วย” (Plum-Grove Garden) ที่อยู่ภายใน Kenrokuen ก็กำลังผลิดอก โดยสามารถเดินชมความสวยงามของต้นบ๊วยจำนวน 200 ต้น 20 สายพันธุ์ ได้บรรยากาศสวยงามมากเลย
นอกจากนี้ ภายในบริเวณ Kenrokuen ก็ยังมีร้านอาหารให้บริการอีกด้วย ซึ่งเรามีโอกาสมาทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kenrokutei เป็นเมนูอาหารเซ็ต Jibuni Gozen ราคา 3,300 เยน(รวมภาษี) ได้ทานอาหารพร้อมชมวิวบรรยากาศอันร่มรื่นของสวน ก็ชิลดีเหมือนกัน(ข้อมูลร้านอาหารเพิ่มเติม : https://kenrokutei.com/)
การเดินทาง : ในเมือง Kanazawa สามารถโดยสารรถบัส Kanazawa Loop Bus เที่ยวละ 200 เยน หรือ ถ้าใช้เดินทางเยอะหลายเที่ยว จะซื้อแบบ 1 Day Pass = 600 เยน ก็จะช่วยประหยัดไปอีกนะ สามารถขึ้นรถบัสได้ที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟ Kanazawa Station โดยรถบัสจะวนไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง รวมถึง Kenrokuen แห่งนี้ด้วย
หรือ ถ้าเดินจากหน้าสถานีรถไฟ Kanazawa Station ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Kenrokuen
● ที่อยู่ : 1 Kenrokumachi, Kanazawa, Ishikawa 920-0936 ญี่ปุ่น
● ค่าเข้าชม : 320 เยน
● เวลาเปิด : 07.00 น. – 18.00 น.
● โทร : +81 76-234-3800
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wwur7awNGkrZ8QGm8
พิพิธภัณฑ์ศิลปะศตวรรษที่ 21 (21st Century Museum of Contemporary Art, Kanazawa) พิพิธภัณฑ์ที่มีการออกแบบอาคารเป็นลักษณะวงกลม โดยมีกำแพงด้านนอกทั้งหมดทำจากกระจก ภายใน มีการจัดแสดง ผลงานศิลปะ จากศิลปินต่างๆ อย่าง งานศิลปะร่วมสมัยแนวทดลอง ให้ได้ชมกัน ทั้งแบบประจำ และหมุนเวียน โดยการจัดแสดงในบางส่วนสามารถเข้าชมได้ฟรี
หมายเหตุ : พิพิธภัณฑ์ฯ ในส่วนที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม ขณะนี้อยู่ในระหว่างการซ่อมแซม เนื่องจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา และมีกำหนดเปิดอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
สำหรับผลงานศิลปะ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ก็คือ ผลงาน Swimming Pool โดยศิลปินชื่อ Leandro Erlich เป็นผลงานศิลปะสระว่ายน้ำที่ หากยืนดูข้างนอก แล้วมองลงไปในสระ จะมองเห็นว่ามีคนยืนอยู่ในสระว่ายน้ำ และคนที่อยู่ในสระว่ายน้ำ มองขึ้นไป จะเห็นว่ามีคนยืนอยู่ที่ขอบสระ เป็นการลวงตาที่ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมด้วย(เสียดายที่มาครั้งนี้ เราไม่ได้เข้าชมในส่วนนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดซ่อมแซมเช่นกัน)
นอกจากนี้ ก็ยังมีผลงานศิลปะอื่นๆ ให้ได้ชมอีกมากมาย อย่างเช่น Wrapping (LAR Fernando ROMERO), The Man Who Measures the Clouds (Jan FABRE), Colour activity house (Olafur ELIASSON) เป็นต้น รวมไปถึงยังมี ร้านค้าและร้านจำหน่ายของที่ระลึกดีไซน์เก๋ๆ ให้ซื้อกลับไปเป็นของฝากอีกด้วยนะ!
ข้อมูลเพิ่มเติม 21st Century Museum of Contemporary Art
● ที่อยู่ : 1 Chome-2-1 Hirosaka, Kanazawa, Ishikawa 920-8509 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 10.00 น. – 18.00 น.(วันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี) และ 10.00 น. – 20.00 น.(วันศุกร์ – วันเสาร์)
● โทร : +81 76-220-2800
● เว็บไซต์ : https://www.kanazawa21.jp/en/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/aMkQcSSfKT8eMBB77
Higashi Chaya District ย่านเมืองเก่า ที่อยู่ในเมือง Kanazawa ภายในย่านเมืองเก่านี้ จะเต็มไปด้วยร้านน้ำชาที่เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาจากไม้ มี 2 ชั้น ซึ่งในสมัยเอโดะนั้น การสร้างอาคาร 2 ชั้น เป็นสิ่งที่ถูกห้าม แต่ยกเว้นเฉพาะ ร้านน้ำชา เท่านั้น
ตลอดสองข้างทาง จึงเห็นอาคารไม้ 2 ชั้น เรียงรายตลอดทั้งแนว เต็มไปด้วยร้านน้ำชา ที่ได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเข้ามาเดินเล่นย่านนี้ ได้บรรยากาศเหมือนกับย้อนอดีต มีมุมให้ถ่ายภาพ และก็มีบริการเช่าชุดกิโมโน สำหรับคนที่สนใจไว้ใส่ถ่ายรูปสวยๆ อีกด้วย
สำหรับ ร้านเช่าชุดกิโมโน ที่เราได้มาใช้บริการในครั้งนี้ เป็นของร้าน Kanazawa Kirara ที่สาขา Higashi Chaya Main Store อยู่ภายในบริเวณย่านเมืองเก่า มีบริการให้เช่าชุด ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ค่าเช่าชุดกิโมโน เริ่มต้น 4,500 เยน และ ค่าทำผม 1,500 เยน (ไม่รวมภาษี)
ภายในร้าน มีชุดกิโมโนให้เลือกหลากหลายลวดลาย สามารถเลือกตามที่ชอบได้เลย โดยจะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด คอยช่วยดูแลอย่างดี มีเครื่องประดับและพร็อพสำหรับถ่ายรูปให้เลือกเพียบ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็แต่งชุดเสร็จเรียบร้อย พร้อมออกไปถ่ายรูปเล่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม Kanazawa Kirara
● ที่อยู่ : 1 Chome-3-18 Higashiyama, Kanazawa, Ishikawa 920-0831 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 18.00 น.
● โทร : +81 76-252-4931
● เว็บไซต์ : https://kanazawa-kirara.com/english/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/HFB751x6zEqicVNv5
Ohmicho Market (ตลาดโอมิโจ) ตลาดอาหารสดที่ใหญ่ที่สุดของ เมือง Kanazawa จังหวัด Ishikawa เป็นตลาดเก่าแก่ ตั้งแต่ยุคเอโดะ ภายในมีร้านค้ามากกว่า 170 ร้าน ทั้งร้านอาหารทะเล ร้านผัก-ผลไม้ และอาหารแปรรูป บรรยากาศจะคึกคักไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน
เนื่องจาก จังหวัด Ishikawa เป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับทะเล จึงขึ้นชื่อเรื่องของอาหารอาหารทะเล ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ต่างๆ ที่ชาวประมงในท้องถิ่นจับได้ ก็ถูกส่งมาที่นี่ รับรองว่าได้ชิมอาหารทะเลแบบสดๆ อย่างแน่นอน
สำหรับเมนูแนะนำ ของ ตลาดโอมิโจ(Ohmicho Market) ก็จะเป็นพวก “ข้าวหน้าทะเลสด” ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย อาหารทะเลสดทุกอย่าง เข้ากันได้อย่างดี ไม่มีกลิ่นคาว และก็ราคาไม่แพงด้วย แม้ในบางร้านอาจจะต้องต่อคิวสักหน่อย แต่.. ก็คุ้มค่าการรอคอยนะ
และ ถ้าใครอยากลองชิมอาหารทะเลแบบสดๆ บางร้านก็สามารถซื้ออาหารทะเลสดๆ และยืนกินที่หน้าร้านได้เลย มีให้เลือกทั้ง หอยนางรม, อูนิ(ไข่หอยเม่น), กุ้ง ฯลฯ มีบริการ ซอสโชยุและวาซาบิ ให้พร้อม ซึ่งเมนูที่โดนใจเราที่สุด ก็ต้องยกให้ “หอยนางรม” ตัวโต กินแบบสดๆ อร่อยมากเลย
ใครมีโอกาสมาเที่ยวที่ Kanazawa ก็อย่าลืม มาเดินเล่น หาของอร่อย อาหารทะเลสดๆ ที่นี่กินกันนะ!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Kanazawa Station เดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร หรือ ขึ้นรถบัส Kanazawa Loop Bus(ค่าโดยสาร 200 เยน)
ข้อมูลเพิ่มเติม Ohmicho Market
● ที่อยู่ : 50 Kamiomicho, Kanazawa, Ishikawa 920-0905 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 17.00 น.(แล้วแต่ร้าน)
● โทร : +81 76-231-1462
● เว็บไซต์ : https://ohmicho-ichiba.com/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Xm8Dirf3BPTw5mGZ8
Hakuichi (Main Store Hakukokan) Workshop ทำชิ้นงานด้วยทองคำเปลว เมือง Kanazawa จังหวัด Ishikawa ถือเป็นแหล่งผลิตทองคำเปลวที่ขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น มีงานฝีมือที่ตกแต่งด้วยทองคำเปลวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาชนะต่างๆ รวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของอาหาร อย่างที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ ก็อย่างเช่น ซอฟท์ครีมทองคำเปลว เป็นต้น
มาถึงเมือง Kanazawa เราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม Workshop Hakuichi การทำชิ้นงานด้วยทองคำเปลวที่ Main Store Hakukokan ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตทองคำเปลวแล้ว ก็ยัง มีการเปิด Workshop งานฝีมือเกี่ยวกับทองคำเปลวอีกด้วย
เมื่อเข้ามาที่ Main Store Hakukokan เจ้าหน้าที่ก็จะบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของทองคำเปลว ตั้งแต่อดีต มีการสาธิตขั้นตอนการผลิต ซึ่งแผ่นทองคำเปลวของที่นี่ จะมีวิธีการบีบทองให้เป็นแผ่นขนาดที่บางมาก จนได้ทองคำเปลวที่พร้อมนำไปใช้ในงานฝีมือต่างๆ
สำหรับกิจกรรม Workshop เราเลือกการทำชิ้นงานทองคำเปลวลงบนจาน สามารถเลือกลวดลายเองได้ และเมื่อทำเสร็จเรียบร้อยก็สามารถนำกลับบ้านได้อีกด้วย ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 1,200 เยน ใช้เวลาเพียง 20 นาที เท่านั้น เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากนัก โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตลอดการทำกิจกรรม ได้ลองลงมือทำงานฝีมือแบบนี้ ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม Hakuichi (Main Store Hakukokan)
● ที่อยู่ : 2 Chome-1-1 Morito, Kanazawa, Ishikawa 921-8061 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.00 น. – 18.00 น.
● โทร : +81 76-240-8911
● เว็บไซต์ : https://kanazawa.hakuichi.co.jp/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LNwPgKdEuzCbGcR77
TOYAMA
เดินทางมาถึงที่ จังหวัดโทยามะ(Toyama) เราได้มาพักผ่อนที่เมือง Unazuki Onsen เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งน้ำพุร้อน และเส้นทางรถไฟท่องเที่ยว KUROBE GORGE RAILWAY ชมธรรมชาติของหุบเขาคุโรเบะ เป็นอีกเมืองที่เราชอบมากของการมาเที่ยวในทริปนี้เลย!
Unazuki Onsen เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แวดล้อมด้วยทิวเขา บรรยากาศสงบเงียบเหมาะแก่การมาพักผ่อน มีที่พักออนเซ็นไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว และที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟท่องเที่ยว KUROBE GORGE RAILWAY อีกด้วย
หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม มีแม่น้ำคุโรเบะ(Kurobe River)ไหลผ่าน เป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีบริการเส้นทางรถไฟท่องเที่ยว โดยจุดเริ่มต้นของการเดินทางเที่ยวชม หุบเขาคุโรเบะ จะเริ่มตั้งแต่ Unazuki Station ไปยัง Keyakidaira รวมระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร
มาครั้งนี้ เราค่อนข้างจะเสียดาย เนื่องจากเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวอยู่ในช่วงปรับปรุงประจำปี ซึ่งจะมีกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงปลายเดือนเมษายน หรือ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://www.kurotetu.co.jp/thai/
สำหรับที่พักในเมือง Unazuki Onsen เรามาเข้าพักที่ Grandvrio Hotel Unazuki Onsen เป็นที่พักที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน มีบริการห้องพักที่กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน จากภายในห้องพักสามารถมองเห็นวิวทิวเขาที่อยู่ภายนอก บรรยากาศดีมากๆ เลย
เนื่องจากเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งน้ำพุร้อน ภายในที่พักก็จะมีบ่อน้ำร้อนแบบรวมไว้ได้แช่เพื่อความผ่อนคลายอีกด้วย พร้อมมีบริการของว่างและเครื่องดื่ม หลังจากแช่น้ำร้อนแล้ว ก็ขึ้นมาจิบเครื่องดื่มได้ พร้อมบริการห้องอาหารที่มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย
เราได้มาเข้าพัก Grandvrio Hotel Unazuki Onsen แล้วรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนชาจ์นพลังมากๆ เลย ทั้งการบริการและบรรยากาศของเมืองนี้ มันดีจริงๆ ใครมีโอกาสอยากให้ลองมาพักที่เมือง Unazuki Onsen แห่งนี้กันนะ!
ข้อมูลเพิ่มเติม Grandvrio Hotel Unazuki Onsen
● ที่อยู่ : 7-26 Unazukionsen, Kurobe, Toyama 938-0282 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 50-5211-5770
● เว็บไซต์ : https://www.grandvrio-hotelresort.com/unazuki/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Wi24k4jE3xh18cKy9
ชายฝั่งอามาฮาราชิ(Amaharashi Coast.) จุดชมวิวยอดนิยมของ จังหวัด Toyama ที่สามารถมองเห็นขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปตามเส้นทางเลียบชายหาด โดยมีท้องทะเล และเทือกเขา Tateyama เป็นฉากหลัง วิวสวยงามคุ้มค่าการรอคอย ที่ใครมาเที่ยว “โทยามะ” ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันที่นี่!
ระหว่างที่รอถ่ายรูปรถไฟ บริเวณชายหาดสามารถลงไปเดินเล่นได้ บรรยากาศริมทะเลแบบนี้ ชิลมากเลย วิวสวย ซึ่งในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ก็จะสามารถมองเห็นเทือกเขา Tateyama ได้อย่างชัดเจน และบริเวณนี้ ก็มองเห็นหินที่คล้ายกับเกาะเล็กๆ ที่มีชื่อว่า “หินอนนาอิวะ” (Onnaiwa) ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเล โดยมีต้นสนอยู่ปลายยอด ถือเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดแห่งนี้
และ ไม่ไกลจากชายหาด ข้ามไปอีกฝั่งของถนน จะมี อาคารจุดพักรถ(Roadside Rest Area Amabarashi) ที่มีดาดฟ้าสำหรับชมวิวได้ โดยเราสามารถหามุมถ่ายรูป ที่ระดับความสูงตามต้องการได้(Observation Deck ชั้น 2, ชั้น 3) นอกจากนี้ ก็ยังมี ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และห้องน้ำ สำหรับบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Amaharashi Station เดินต่อประมาณ 5 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Amaharashi Coast.
● ที่อยู่ : Ota, Takaoka, Toyama 933-0133 ญี่ปุ่น
● เว็บไซต์ :https://www.city.takaoka.toyama.jp/kanko/rejya/amaharashi.html
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/c1grnbYpuP5uZmBPA
แวะดื่มกาแฟที่ร้าน Starbucks ซึ่งที่นี่จะมีความพิเศษกว่าที่อื่น เพราะเป็นสาขาที่ได้ชื่อว่า.. “สวยที่สุดในโลก” อยู่ใน สวนสาธารณะคันซุย(Kansui Park) ใจกลางเมืองโทยามะ
สวนสาธารณะคันซุย(Kansui Park) เป็นสวนสาธารณะในเมืองโทยามะ(Toyama) แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มีจุดเด่นที่ “สะพานเท็นมง” (Tenmon Bridge) ขนาดใหญ่พาดข้ามคลอง โดยปลายสะพานทั้งสองฝั่งมีหอคอยชมวิวที่ทำจากอิฐ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้
ภายในสวน บรรยากาศปลอดโปร่ง อากาศดีมาก แวดล้อมด้วยวิวสวยๆ ซึ่งในวันที่สภาพอากาศดีจะสามารถมองเห็นแนวเทือกเขา Tateyama ได้ ในฤดูกาลต่างๆ ก็จะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น ฤดูใบไม้ผลิก็จะได้ชมซากุระ หรือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้ชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี
Starbucks Coffee – Toyama Kansui Park จะตั้งอยู่ริมบึงน้ำภายในสวน มีการออกแบบร้านที่เรียบง่ายแต่สวยงาม(เคยได้รับรางวัล Store Design Award ในปี 2008) โดยมีการออกแบบให้ผนังเป็นกระจกแบบพาโนรามา เพื่อให้มองเห็นวิวบรรยากาศของสวนภายนอกได้ มีโต๊ะที่นั่งไว้สำหรับนั่งจิบกาแฟ ทั้งส่วนในร้านและระเบียงภายนอกแบบเปิดโล่ง ถ้าได้มาช่วงเช้าๆ หน่อย อากาศดีๆ มานั่งจิบกาแฟชมบรรยากาศของสวนยามเช้า คงชิลไม่น้อยเลย
สำหรับเมนูเครื่องดื่มตามฤดูกาล ในช่วงนี้ก็ต้องเป็น “Hanami Dango Frappuccino” และ “Hanami Sakura Cream” เข้ากับบรรยากาศฤดูกาลของซากุระญี่ปุ่น ซึ่งมาถึงที่นี่ทั้งที เราก็ต้องไม่พลาดขอลองชิมเมนูนี้สักแก้วนะ
นอกจากนี้ ก็ยังมี Starbucks Japan’s Exclusive Cherry Blossom Collection คอลเลคชั่นซากุระของ Starbucks มีทั้ง แก้วกาแฟ แก้วน้ำ สมุดบันทึก บัตรของขวัญ และของที่ระลึกอื่นๆ ลวดลายซากุระสดใสน่ารัก น่าสะสมมาก โดยเฉพาะ แก้วกาแฟ สวยๆ แบบนี้ ก็เสร็จเราสิ พากลับไทยเรียบร้อย!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Toyama Station เดินต่อประมาณ 10 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม Starbucks Coffee – Toyama Kansui Park
● ที่อยู่ : ญี่ปุ่น 〒930-0805 Toyama, Minatoirifunecho, 5, 富山富岩運河環水公園
● เวลาเปิด : 08.00 น. – 22.30 น.
● โทร : +81 76-439-2630
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/icvLu2KmyapXDyoJ8
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกระจกโทยามะ(Toyama Glass Art Museum) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโทยามะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะเครื่องแก้วจากทั่วโลก อยู่ภายในอาคาร “Toyama Kirari” ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังระดับโลก ผสมผสานระหว่างหินแกรนิต แก้ว และอลูมิเนียม มีห้องโถงที่เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่
ภายใน พิพิธภัณฑ์ จะมีทั้งนิทรรศการถาวรและชั่วคราว โดยนิทรรศการถาวรจะอยู่ที่ชั้น 4 และ 6 ซึ่งเป็นชั้นที่จะสามารถถ่ายภาพได้ เราจึงเก็บภาพการจัดแสดงมาฝากได้แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่อยากบอกว่าการจัดแสดงทุกส่วนสวยงามมากจริงๆ นะ แนะนำถ้ามีเวลาค่อยๆ เดินชมทีละส่วน เพลินมากเลย
สำหรับ นิทรรศการถาวรบนชั้น 4 จะจัดแสดงผลงานศิลปะกระจกร่วมสมัยโดยศิลปินนานาชาติ และที่ชั้น 6 จัดแสดงนิทรรศการ “Glass Art Garden” ผลงานของ Dave Chihuly ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะเครื่องแก้ว
นอกจากนี้ ยังมี ห้องสมุด ห้องแสดงภาพศิลปะ ร้านกาแฟ ให้ได้มาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจของเมืองโทยามะ
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Toyama Station นั่งรถรางมาลงที่ สถานี Nishicho Station
ข้อมูลเพิ่มเติม Toyama Glass Art Museum
● ที่อยู่ : 5-1 Nishicho, Toyama, 930-0062 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 09.30 น. – 18.00 น.(วันศุกร์ – เสาร์ ปิด 20.00 น.)
● โทร : +81 76-461-3100
● เว็บไซต์ : https://toyama-glass-art-museum.jp/en/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PYBW682ZhyfHobCB8
NOUSAKU CORPORATION Factory Tour & Workshop(Takaoka copperware) เครื่องทองแดงทาคาโอกะ(Takaoka copperware) เครื่องทองแดงประเภทหนึ่งที่ผลิตในเมืองทาคาโอกะ(Takaoka) ในจังหวัดโทยามะ(Toyama) มีสินค้าหลากหลาย อย่างเช่น เครื่องประดับ แจกัน ภาชนะ และเครื่องใช้ทางศาสนา เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องทองแดงที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
เราได้มาเรียนรู้เรื่องราวของ Takaoka copperware ที่ NOUSAKU CORPORATION ซึ่งมีบริการ Factory Tour & Workshop สำหรับผู้ที่สนใจอีกด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายและพาเข้าเดินชมในส่วนของโรงงาน ชมวิธีการหล่อ ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่มีการเทโลหะหลอมเหลวลงในแม่พิมพ์เพื่อให้ได้รูปทรงที่ต้องการ
ผลิตภัณฑ์ NOUSAKU จะเริ่มต้นด้วยการสร้างแม่พิมพ์ทราย เป็นวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทรายที่ใช้ในการหล่อสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และวัสดุยังสามารถนำกลับมาหลอมเหลวได้อีก
ในส่วนของกิจกรรม Workshop เราได้ลองทำที่วางตะเกียบดีบุก ใช้เวลาทำประมาณ 30 นาที (ค่าใช้จ่าย 1,100 เยน) ซึ่งดีบุกบริสุทธิ์นั้น จะมีคุณสมบัติไม่สะสมเชื้อแบคทีเรีย จึงเป็นวัสดุที่เหมาะสมสำหรับเป็นเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร
หลังจากทำกิจกรรม Workshop เสร็จเรียบร้อย ก็มาทานอาหารมื้อกลางวันในร้านที่อยู่ภายใน NOUSAKU ชื่อร้าน IMONO KITCHEN กับเซ็ต Lu Rou Fan ราคา 1,980เยน (รวมภาษีแล้ว) และเซ็ตเครื่องดื่ม+พุดดิ้ง ราคา 550 เยน (รวมภาษีแล้ว) ซึ่งภาชนะที่ใส่อาหารก็เป็นผลิตภัณฑ์ของที่นี่อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม NOUSAKU Factory
● ที่อยู่ : 8-1 Office Park, Takaoka, Toyama 939-1119 ญี่ปุ่น
● เวลาเปิด : 10.00 น. – 18.00 น.
● โทร : +81 766-63-0001
● เว็บไซต์ : https://www.nousaku.co.jp/en/
● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/p4LJWQwDSkucXrnj8
สำหรับที่พักในเมืองโทยามะ เรามาเข้าพักที่ Hotel Vischio Toyama เป็นที่พักที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Toyama Station เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เป็นอีกหนึ่งที่พักที่เราได้เข้าพักในระหว่างการเดินทางของทริปนี้
ห้องพัก ของ Hotel Vischio Toyama กว้าง สะอาด น่าพักผ่อนมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ห้องน้ำกว้าง มีทั้งส่วนของห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า พร้อมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำครบ พักสบาย ชอบช่วงเวลาที่ได้มาพักที่นี่มากเลย
และ ใกล้กับที่พัก Hotel Vischio Toyama ภายในอาคารของสถานีรถไฟ Toyama Station ก็ยังมี Kitokito Market TOYAMARCHE แหล่งรวมร้านอาหารและร้านของฝากขึ้นชื่อของเมืองโทยามะ ที่ขึ้นชื่อก็อย่างเช่น Shiro Ebi ที่เราลองชิมแล้วอร่อยและกินเพลินมากๆ รวมถึงของฝากอื่นๆ ก็มีให้เลือกเพียบเช่นกัน
ก่อนที่จะจบทริปนี้ ที่ “โทยามะ” เราก็จัดการหาซื้อของฝากจากที่นี่เลย แนะนำใครมาเที่ยวเมืองนี้ มาหาซื้อของฝากที่ Kitokito Market TOYAMARCHE กันได้นะ https://www.toyamashi-kankoukyoukai.jp/?tid=100287
ข้อมูลเพิ่มเติม Hotel Vischio Toyama
● ที่อยู่ : 1-231 Meirincho, Toyama, 930-0001 ญี่ปุ่น
● โทร : +81 76-464-6639
● เว็บไซต์ : https://www.hotelvischio-toyama.jp/