เตรียมตัวไปเที่ยว.. “ฮ่องกง”
ถ้าพูดถึงประเทศที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง.. “ฮ่องกง” คงต้องเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของหลายคนอย่างแน่นอน เพราะด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ประเทศนี้ เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ อาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ให้ได้ลอง รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้งสินค้าชั้นนำ ที่ทำให้อยากจัดเตรียมกระเป๋าไปเที่ยวกันให้ได้
ฮ่องกง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า.. เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเขตปกครองตนเองริมฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ในทางภูมิศาสตร์มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง และทะเลจีนใต้โอบรอบ ถือว่าเป็นเขตที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก
ฮ่องกง จะมีพื้นที่โซนท่องเที่ยวหลักๆ อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 โซน คือ เกาะฮ่องกง(Hong Kong Island), เกาลูน(Kowloon), นิวทอริทอรี่(New Territories) และ เกาะลันเตา(Lantau) ในแต่ละพื้นที่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจกระจายตัวกันไป แต่ก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย เพราะมีระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุมไปในทุกพื้นที่นั่นเอง..
ข้อมูลเบื้องต้นก่อนไป ฮ่องกง
วีซ่า พาสปอร์ตไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าฮ่องกง และสามารถอยู่ได้นาน 30 วัน (ควรตรวจเช็คพาสสปอร์ต ว่าต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน ด้วยนะ)
สกุลเงิน ที่ใช้คือฮ่องกงดอลลาร์ (HK$ หรือ HKD) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยน 1 HKD กับเงินบาท อยู่ที่ประมาณ 4 – 4.5 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเดือนกันยายน 2560) โดยสามารถแลกได้ที่ธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป และที่สนามบินตามเคาน์เตอร์แลกเงิน แบ่งเป็นเหรียญ 10 เซนต์, 20 เซนต์, 50 เซนต์, 1 HK$, 2 HK$, และ 5 HK$ ส่วนธนบัตรมี 10 HK$, 20 HK$, 50 HK$, 100 HK$, 500 HK$ และ 1,000 HK$
ระบบไฟฟ้า ของฮ่องกงเป็นระบบ 220 โวลต์(คล้ายของประเทศไทย) ตัวปลั๊กเป็นแบบ 3 ตา ทั้งนี้ ควรเตรียม Adapter ไปด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
เวลา ฮ่องกงเวลาเร็วกว่าประเทศไทย1 ชั่วโมง (เวลาราชการ 09.00 – 17.00 น.)
สภาพอากาศ ฮ่องกงอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 26 – 30 องศา อากาศสบายๆ (แต่ถ้าให้ดีควรพกร่มไปด้วย เพราะมีฝนตกอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน)
ไปเที่ยวช่วงไหนดี?
ฮ่องกง เป็นประเทศที่อยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล แต่ละฤดูกาลก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป และด้วยสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปนั้น จึงต้องมีการเตรียมตัวร่างกาย และเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศด้วย โดยฤดูกาลต่างๆ แบ่งได้ ดังนี้
- ฤดูร้อน (ตั้งแต่ ปลายพฤษภาคม – กลาง เดือนกันยายน) อากาศร้อนชื้น อาจจะมีฝนบ้าง ควรสวมเสื้อผ้าแบบสบายๆ และระบายอากาศได้ดี
- ฤดูใบไม้ร่วง (ตั้งแต่ ปลายกันยายน- ต้น เดือนธันวาคม) ช่วงนี้อุณหภูมิ และความชื้นลดลง อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส
- ฤดูหนาว (ตั้งแต่ ปลายธันวาคม – เดือน กุมภาพันธ์) ช่วงนี้อากาศจะหนาวเย็น และความชื้นต่ำ ควรสวมเสื้อกันหนาว หนาๆ
- ฤดูใบไม้ผลิ (ตั้งแต่ เดือนมีนาคม – กลาง เดือนพฤษภาคม) อุณหภูมิ และความชื้นสูง อากาศสบายๆ
ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปฮ่องกงจึงเป็น.. ช่วงที่อากาศหนาว(ช่วงฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว) ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมีนาคม เพราะอากาศเย็นสบาย และไม่ค่อยมีฝนตก ส่วนเดือนที่ฝนตกมากที่สุด คือ เดือนสิงหาคม ถ้าเดินทางช่วงนั้นก็คงต้องเตรียมพกร่มติดตัวกันไว้ด้วย
การเดินทาง สู่ ฮ่องกง
จาก ประเทศไทย มีสายการบินบินตรงสู่ ประเทศฮ่องกง อยู่หลายสายการบิน ให้เลือกใช้บริการตามความต้องการ ทั้งแบบสายการบิน Full Service และ สายการบินต้นทุนต่ำ ทำการบินตรงทุกวัน และมีหลายเที่ยวบินต่อวัน ใช้เวลาการเดินทางจาก กรุงเทพฯ สู่ ฮ่องกง ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
จากสนามบินเข้าเมืองยังไง?
เมื่อเดินทางถึง สนามบินนานาชาติฮ่องกง(Hong Kong Airport) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งสนามบินนั้นจะตั้งอยู่บน เกาะลันเตา(Lantau Island) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร มีวิธีการเข้าเมืองหลายวิธี แต่ที่ดูเหมือนเป็นที่นิยมที่สุด เพราะ ง่าย สะดวก และรวดเร็ว นั่นก็คือ การใช้บริการรถไฟ Airport Express(AE) โดยจะวิ่งตรงจากสนามบิน ไปจนสุดที่สถานีรถไฟของเกาะฮ่องกง ใช้เวลาการเดินทางไม่เกิน 30 นาที ก็เข้าถึงตัวเมือง
สำหรับราคาค่าโดยสาร จาก สนามบิน ไปลงสถานีไป Kowloon ราคาผู้ใหญ่ 90 เหรียญ/เที่ยวเดียว และไปลงที่สถานี Hong Kong ราคาผู้ใหญ่ 100 เหรียญ/เที่ยวเดียว อาจจะดูราคาสูงไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่า..เป็นวิธีที่รวดเร็ว และสะดวกสบาย
และ นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟ Airport Express(AE) แล้วก็ยังมีวิธีเข้าเมืองอื่นๆ อย่างเช่น รถบัสราคาประหยัด หรือว่าเดินทางมากันหลายคนการใช้บริการ แท๊กซี่ ก็ดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะเมื่อเฉลี่ยค่าโดยสารแท๊กซี่แล้ว ก็อาจจะดูคุ้มค่ากว่าการนั่งรถไฟ Airport Express(AE) เข้าเมืองเสียอีก ทั้งนี้ จะเดินทางด้วยวิธีไหนก็คงต้องพิจารณาตามระยะเวลาที่มี
ใน ฮ่องกง พักที่ไหนดี?
การเลือกที่พักค่อนข้างที่จะสำคัญ ในการท่องเที่ยวในฮ่องกงที่จะทำให้ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เพราะว่ามีปัจจัยหลายๆ มาประกอบด้วย เช่น ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เดินทางได้สะดวก หรือ ใกล้ย่านช้อปปิ้ง ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนว่าจะพักที่ไหน ซึ่งแหล่งที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ดูเป็นที่นิยมพักกันนั้น จะอยู่ที่พื้นที่เกาะฮ่องกง และฝั่งเกาลูน โดยเน้นพักใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อการเดินทางไปท่องเที่ยวรอบเมืองได้สะดวกมากขึ้น อย่างเช่น ที่พักรอบสถานี Tsim Sha Tsui ย่านที่พักยอดฮิตของคนไทย เป็นต้น
สำหรับที่พัก ฮ่องกง ก็มีหลายรูปแบบ หลายระดับ และราคา ให้ได้เลือกพักตามความพึงพอใจ ทั้งนี้ สามารถเข้าไปจองที่พักฮ่องกง ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/hong-kong/region/hong-kong-10011651
แนะนำ ที่พักราคาประหยัด จะเป็นที่พักแบบง่ายๆ ส่วนใหญ่เป็นแบบนอนรวม(Dorm) เตียง 2 ชั้น มีห้องน้ำรวมใช้ร่วมกับคนอื่น หรือ ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลือกห้องพักแบบส่วนตัวได้ แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาด้วย ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวก และความต้องการ
นอกจากจะสามารถเปรียบเทียบราคาที่พักต่างๆ ในฮ่องกงแล้ว ยังสามารถที่จะดูได้ว่าที่พัก ที่ต้องการจองนั้น อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอะไรบ้าง? ทำให้วางแผนเที่ยวได้อย่างสบาย..
บัตร Octopus บัตรเดียวคุ้ม!
มาเที่ยวฮ่องกงก็ต้องมีบัตรนี้ไว้ติดตัว! บัตร Octopus เป็นบัตรเติมเงิน ที่ใช้สำหรับจ่ายค่าเดินทางต่างๆ ในฮ่องกง ทั้ง รถไฟฟ้า, รถเมล์, รถราง และ บริการอื่นๆ อย่าง ร้านอาหาร และยังสามารถใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย สำหรับวิธีการใช้งานก็ง่ายมากๆ คล้ายกับการใช้บัตรรถไฟฟ้า BTS บ้านเรา เพียงแค่ใช้บัตรแตะก็เรียบร้อยแล้ว และ สามารถเติมเงินเข้าบัตรได้ทุกสถานี
บัตร Octopus จะมีอยู่ 2 แบบ คือ
1. แบบเช่าบัตร (On-Loan Octopus Card) ราคาขั้นต่ำ 150 เหรียญ โดยมีเงินในบัตรที่ 100 เหรียญ ค่ามัดจำบัตร 50 เหรียญ และ ตอนคืนบัตรจะถูกหักค่าบัตร 9 เหรียญ สามารถซื้อบัตร และคืนบัตรได้ที่เค้าเตอร์สถานีรถไฟทุกสถานี
2. แบบซื้อบัตร (Sold Tourist Octopus Card) ค่าบัตร 39 เหรียญ เป็นบัตรขายขาด จะคืนบัตรไม่ได้ และในบัตรจะไม่มีเงิน ซึ่งต้องนำไปเติมเงินก่อนจึงจะใช้ได้
สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ดูเหมือนว่า.. บัตร Octopus แบบเช่าบัตร จะดูคุ้มค่ากว่า (อ่านรายละเอียดบัตร Octopus เพิ่มเติม ได้ที่ https://www.octopus.com.hk )
การเดินทางท่องเที่ยวภายใน ฮ่องกง
วิธีการเดินทางท่องเที่ยวภายในฮ่องกงที่ดูสะดวก และรวดเร็วที่สุด คงหนีไม่พ้น การใช้บริการรถไฟใต้ดิน MTR ที่ครอบคลุมไปทุกที่ทั่วฮ่องกง โดยจะมีแผนที่ของรถไฟใต้ดินในทุกๆ สถานี ว่า.. สามารถเดินทางไปที่ไหนได้บ้าง? สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ต้องลงที่สถานีไหน? เป็นต้น ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง ควรจะศึกษาแผนที่รถไฟใต้ดิน MTR เสียก่อน เพราะจะทำให้วางแผนท่องเที่ยวได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ในบางเส้นทางก็สามารถใช้บริการรถเมล์ ที่มีอยู่หลายสาย วิ่งให้บริการรอบเมือง
หรือ อาจจะได้ใช้บริการ แท๊กซี่ หากเที่ยวเพลินในยามค่ำคืน
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจใน ฮ่องกง
ฮ่องกง มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้ไปเที่ยวชมอยู่หลายสถานที่ มีทั้งสถานที่ทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรมสวยๆ สถานที่สำคัญทางศาสนา และวัฒนธรรม ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ที่เรียกได้ว่ามาฮ่องกงครั้งเดียวได้เที่ยวกันครบทุกรสชาติกันเลย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ห้ามพลาดเมื่อได้ไปเยือนก็อย่างเช่น เดอะพีค (The peak) จุดชมวิวเมืองฮ่องกง, สวนสนุกโอเชี่ยนพาร์ค (Ocean Park), ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hongkong Disneyland), อเวนิว ออฟ สตาร์ (Avenue of Stars), ขึ้นกระเช้า Ngong Ping 360 ไปไหว้พระใหญ่ (The Big Buddha), ช้อปปิ้งที่ เทมเปิล สตรีท (Temple Street Night Market) เป็นต้น
อาหารการกินใน ฮ่องกง
มาฮ่องกงทั้งที ก็ต้องหาของอร่อยๆ กินบ้าง โดยเฉพาะอาหารแบบฉบับกวางตุ้ง ที่เขาว่ากันว่า.. ต้องมาหาทานในฮ่องกง กันนี่แหละ ร้านอาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ใช้วัตถุดิบสดใหม่ รสชาติอร่อยถูกปาก โดยทั่วทั้งฮ่องกงก็มีร้านน่าลองอยู่เยอะแยะมากมาย เมนูที่มาฮ่องกงแล้วต้องลอง ก็อย่างเช่น ทาร์ตไข่ ห่านย่าง บะหมี่ หมูแดง ซาลาเปา ติ่มซำ เป็นต้น
เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม
- คนฮ่องกง จะพูดภาษาจีนกวางตุ้ง หลายคนจึงไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
- เมื่อโดยสารรถบัส ต้องเตรียมเงินให้พอดี เพราะไม่มีการทอนเงิน หรือ อยากสะดวกก็ใช้บัตร Octopus จ่ายเลย
- การซื้อของในร้านสะดวกซื้อต่างๆ จะไม่มีถุงใส่ของให้ ถ้าต้องการถุงก็ต้องเสียค่าถุงเพิ่ม
- ฮ่องกง เป็นประเทศหนึ่งที่เที่ยวง่าย มีความปลอดภัยสูง วางแผนเที่ยวเองได้ง่าย แค่ศึกษาข้อมูลให้ดี ก็พร้อมลุยได้เลย!