[Review] การเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิ ที่ Kawaguchiko Lake (แบบประหยัด) ด้วยรถบัส นอนโรงแรมแคปซูล 2 วัน 1 คืน
ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น ก็มีจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ เยอะแยะมากมาย และ หนึ่งในนั้น ก็คือ ทะเลสาปคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake) ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในช่วงเวลาอย่างนี้ เพราะ เราจะได้ชมภูเขาไฟฟูจิ ในบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไปนัก..
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ที่ ทะเลสาปคาวากูจิโกะ ในช่วงวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดยเน้นเดินทางแบบประหยัด ด้วยรถ Highway Bus กินอยู่แบบง่ายๆ มีเวลาเดินเล่นๆ อยู่รอบทะเลสาป 2 วัน และ พักค้างที่โรงแรมแคปซูลบริเวณทะเลสาป 1 คืน ซึ่งบรรยากาศรอบ ทะเลสาปคาวากูจิโกะ จะสวยงามขนาดไหน? ตามมาเที่ยวกันครับ!
จาก Shinjuku Station. ถึง Kawaguchiko Station.
เริ่มต้นเดินทาง! จากใจกลางเมือง ที่ Shinjuku Station. ให้เดินออก ทางออกทิศใต้(South Gate)
จะพบกับอาคาร ฝั่งตรงข้าม ถ้ามองขึ้นไปบนชั้นที่ 4 จะเห็นตัวหนังสือเขียนชัดเจนว่า Shinjuku Expressway Bus Terminal ก็หาทางเดินขึ้นไปด้านบนได้เลย
ขึ้นมาถึงชั้น 4 ก็จะพบกับทางเข้า Shinjuku Expressway Bus Terminal
ที่นี่เป็นศูนย์รวมการเดินทางด้วยรถบัสไปจุดหมายปล่ยทางในหลายๆ ที่ สำหรับผม จุดหมายในวันนี้ คือ Kawaguchiko Station ก็สามารถมาตรวจสอบเวลา ที่นั่งว่าง และ จุดจอดรถก่อนได้
จากนั้น จึงมาซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งอยากบอกว่า.. ถ้ามาซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถในวันนั้นๆ อาจจะไม่ได้เที่ยวรถในเวลาที่ต้องการ หรือ ต้องรอนานมากๅ เพราะ คนใช้บริการค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในวันหยุด แนะนำ.. ให้จองไปล่วงหน้าก่อนดีกว่า ซึ่งผมก็จองมาล่วงหน้าผ่าน https://www.highwaybus.com จองพร้อมจ่ายเงิน (ค่าตั๋วเที่ยวละ 1750 JPY) ได้ตั๋วมาเรียบร้อย สบายใจดีครับ!
เคาเตอร์จำหน่ายตั๋ว ในช่วงเช้าๆ ยังเปิดขายอยู่ไม่กี่ช่องเท่านั้น
ผมจองตั๋ว และได้ Print ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว มาถึงก็แค่มาดูที่ป้ายแจ้งเที่ยวรถ ..ว่าต้องไปขึ้นที่จุดจอดรถ(Platform)ไหน? ป้ายแจ้งว่า ผมต้องไปขึ้นที่ B5 ก็มานั่งก่อนเวลารถออกสักเล็กน้อย
ก่อนเวลารถออกสัก 10 นาที ก็มีรถบัสเข้ามาจอด พร้อมพนักงานต้อนรับ ที่คอยมาจัดระเบียบ ตรวจตั๋ว และช่วยเก็บสัมภาระ ใต้ท้องรถ เป้ของผมประเดิมเก็บเป็นรายแรกเลย..
ก่อนขึ้นรถ จะมีการตรวจตั๋ว ผมก็ยื่นใบที่ Print มา พนักงานรับไปดูแล้วก็ประทับตราให้ เป็นอันเรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปหาที่นั่งของตัวเองที่ระบุบนตั๋ว
ตอนจองตั๋วผ่านเวปไซต์นั้น ผมได้ ระบุไปว่า.. ต้องการนั่งริมหน้าต่าง เพราะอยากนั่งชมวิวไประหว่างทางด้วย แต่นั่งไปสักพักเคลิ้มหลับไปซะงั้น 55+ พอตื่นขึ้นมา เห็นภาพนี้.. แล้วตาสว่างเลย สวัสดียามเช้า ฟูจิซัง.. ^^
รถบัสเข้ามาจอดเทียบท่าที่จุดหมายปลายทาง บริเวณหน้า Kawaguchiko Station ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง กับ 45 นาที ตรงตามเวลาที่ระบุไว้
บรรยากาศบริเวณหน้าสถานีรถไฟ Kawaguchiko Station วันนี้ ท้องฟ้าสดใส อากาศดีมากๆ ครับ
รถไฟ กับ ภูเขาไฟฟูจิ
จาก สถานีรถไฟ Kawaguchiko Station ไป ทะเลสาปคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake) ระยะทางประมาณ 800 เมตร
ร้านเช่าจักรยาน และ รับฝากกระเป๋า บริเวณหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งตอนแรก ผมมีความคิดว่า.. จะ เช่าจักรยาน ปั่นรอบทะเลสาป แต่พอมาเจอกับสภาพแดด และ สภาพจราจร รอบทะเลสาป ก็ขอเอาไว้ก่อน 55+ (ค่าเช่าจักรยานประมาณ 1000 JPY/วัน)
เที่ยวรอบ ทะเลสาปคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake)
ปั่นจักรยานไม่ไหว ขอใช้บริการ Sightseeing Bus แทนละกันครับ เป็นตั๋วขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัด ทั้งสายสีแดง และสายสีเขียว ภายในระยะเวลา 2 วัน สามารถซื้อได้ที่ สถานีรถไฟ Kawaguchiko Station ได้เลย ราคาตั๋ว 1300 JPY (สามารถเข้าไปดูเส้นทางการเดินรถ รอบทะเลสาป ได้ที่นี่ครับ >> http://bus-en.fujikyu.co.jp/pdf/heritagetour/routemap_retro_omni.pdf )
รถ Sightseeing Bus จะมีเวลาออก เป็นรอบๆ ในระหว่างนั้นรู้สึกขี้เกียจรอ อยากลองเดินสำรวจดูแถวๆ นี้สักหน่อย ก็เลยลองเดินเล่นๆ มุ่งหน้าไปทางทะเสสาปดู บรรยากาศช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มันก็มีสีสันจริงๆ
เดินมาประมาณ 800 เมตร ก็มาเจอ ทะเลสาปคาวากูจิโกะ แล้ว (บริเวณป้ายที่ 10)
เดินเล่นริมทะเลสาปมาเรื่อยๆ ย้อนกลับมาตรงบริเวณ ป้ายที่ 7 Oike Park (ตรงข้ามกับ สวน Oike จะเป็นที่พักของผมในคืนนี้ด้วยครับ)
จากนั้น ก็ขึ้นรถบัส นั่งยาว ไปสุดสาย ป้ายที่ 22 Kawaguchiko Natural Living Center เลยครับ ซึ่งใกล้ๆ ก็มี Oishi Park ให้เดินถ่ายรูปเล่นได้
มีทางเดินโดยรอบทะเสสาป สามารถหามุมถ่ายภาย ได้ตามใจชอบเลยครับ ตรงบริเวณนี้ สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบเต็มๆ เลย..
มาเที่ยวที่นี่ ขาดไม่ได้ ก็ต้องเป็น Soft Cream ครับ ราคา 280-350 JPY พบเห็นได้ทั่วไปตามร้านค้ารอบทะเลสาป จัดไป 1 โคน กินแป้บๆ ก็หมดแล้ว ถือว่าอร่อยดี.. แต่เมื่อคิดราคาเป็นเงินไทย ตก 90 บาท ก็ถือว่าโหดเหมือนกัน 55+
ลองเดินเล่นๆ หามุมถ่ายรูป ย้อนกลับมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้า โรงแรม Sunnide (ป้ายที่ 20) ซึ่งบริเวณหน้าโรงแรมก็มีใบไม้แดง อยู่พอสมควรครับ
ใบไม้สีแดง และ ภูเขาไฟฟูจิ (บริเวณหน้า โรงแรม Sunnide – ป้ายที่ 20)
ลายฝาท่อระบายน้ำ กันเป็นเอกลักษณ์ ในแต่ละเมือง
เดินย้อนกลับมาถึง ป้ายที่ 19 บริเวณนี้ มีใบไม้แดงให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลยครับ..
ป้ายที่ 19 มีจุดชมใบไม้แดงที่สำคัญ ก็คือ อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Maple Corridor) ซึ่งในช่วงเวลานี้ ก็จะมีร้านค้ามาออกร้าน ขายของกิน และของที่ระลึก
นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจมาเที่ยว อุโมงค์เมเปิ้ล (Maple Corridor) กันอย่างมากมาย เป็นจุดที่พบนักท่องเที่ยวเยอะสุดแล้วครับ
ใบไม้แดง มีให้เห็นทั้งสองฝั่งถนน
มุมชมวิวภูเขาไฟฟูจิอีกหนึ่งมุม ไม่ไกลจาก อุโมงค์เมเปิ้ล (Maple Corridor)
จะพบเห็นร้านค้ามาออกร้านเยอะเลยครับ ของกินเพียบเลย แต่.. เท่าที่เดินดู ราคาก็ค่อนข้างจะสูงพอสมควรเลย ใครต้องการจะลองหาอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ กิน ก็ลองดูได้นะครับ
แต่..สำหรับ ผม.. แท๊น แท๊นนน.. พึ่ง 7 อย่างเดียวเลยครับ 55+ ช่วยประหยัดตังค์ไปได้อีกเยอะทีเดียว ซึ่งใน 7 ก็มีของน่ากินอยู่เยอะแยะเหมือนกันนะครับ มีที่ให้สำหรับนั่งกิน หรือ อยากเข้าห้องน้ำ ก็มีให้บริการ หลักๆ แล้ว.. ผมชอบที่จะนั่งรถบัส มากินที่ 7 ตรงหน้า สถานีรถไฟ Kawaguchiko ครับ (ซื้อตั๋วขึ้นรถบัสแบบไม่จำกัด 2 วัน แล้ว จะนั่งไปไหนกี่เที่ยวก็ได้ครับ)
พักแบบประหยัด นอนแคปซูล ที่ Capsule inn Fujisan
สำหรับที่พัก.. ก็เน้นประหยัด อย่างเคยครับ เลยเลือกนอนแบบ แคปซูล ที่ Capsule inn Fujisan ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวทะเลสาป (จากบริเวณหน้าโรงแรม จะมองเห็น ภูเขาไฟฟูจิอยู่ด้านหลังด้วย) ถ้านั่งรถบัสรอบทะเลสาป ที่พักนี้จะอยู่ ป้ายที่ 7 พอดีเป๊ะเลยครับ หากมาพักที่นี่.. ต้องมาเช็คอิน ตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป นะครับ มาก่อนก็ไม่ได้ และไม่รับฝากกระเป๋าด้วย(ประตูปิด) ซึ่งสามารถไปฝากได้ที่ โรงแรมข้างๆ ใน ราคา 200 JPY ฝากกระเป๋าไว้.. แล้วไปเที่ยวก่อน ค่อยกลับมาเช็คอิน ช่วงเย็นๆ ก็ได้ครับ
ตะลอนเที่ยวกลับมาเย็นๆ โรงแรมก็เปิดประตูด้านหน้า ให้เข้าไปเช็คอินได้ครับ บริเวณภายในก็เหมือนกับโรงแรมทั่วๆ ไป ของญี่ปุ่นครับ มีล็อกเกอร์ฝากกระเป๋า ตู้กดน้ำ พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน..
ในครั้งนี้ ผมจองที่นอนแบบแคปซูลมาใน ราคา 590 บาท เมื่อเช็คอินก็จะได้บัตรหมายเลข ช่องแคปซูล ของตัวเองมา ก็เดินหาช่องของตัวเองครับ พอเข้ามาโซนนี้.. เริ่มมีความรู้สึกเกรงใจขึ้นมาแบบแปลกๆ จะทำอะไรก็ต้องระวังเรื่องเสียงรบกวนคนอื่นแบบสุดๆ 55+
ตอนแรกเข้าใจว่า.. น่าจะอึดอัดตอนนอนแน่ๆ แต่ไม่เลยนะครับ ขนาดแคปซูลกำลังพอดี ภายในสะอาดดีรู้สึกว่า.. เวลานอนอุ่นดีด้วยครับ
ข้างในจะพบกับแผงควบคุม มีมากมายหลายปุ่ม แต่..ใช้ได้อยู่สองอย่าง 55+ คือ เปิด-ปิดไฟ กับ ปลั๊กไว้ชาจ์ตแบตฯ เท่านั้นเอง
ที่นี่.. มีห้องสุขา และ ห้องอาบน้ำ แต่.. ไม่มีของใช้ภายในห้องน้ำ ถ้าใครไม่ได้ติดมา ก็มาซื้อเพิ่มได้..
บรรยากาศรอบทะเลสาปคาวากูจิโกะ ตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป จะเงียบมากๆ ซึ่งปกติก็มืดค่ำเร็วอยู่แล้ว.. ด้วยครับ สัก 4-5 โมงเย็น ก็เริ่มจะมืดแล้ว ช่วงเวลาเย็นๆ ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ.. จะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็หนาวมาก ร้านรวงต่างๆ ก็ปิดเร็ว ไม่รู้จะทำอะไร.. นอกจากการนอน เป็นการเข้านอนที่ไวมาก เพราะ หกโมงเย็น หลังจากหาอะไรกินอิ่มๆ มาจาก 7 แล้ว ก็อาบน้ำเข้านอนเลย มาตื่นอีกที เกือบ 8 โมงเช้าของอีกวัน 14 ชั่วโมง นอนสบายๆ จริง 55+
พิเศษ!! แจก Code ส่วนลด Booking.com 550 บาท(เมื่อจองที่พักขั้นต่ำ 1,100 บาท ขึ้นไป) สามารถจองผ่านลิ้งค์นี้ เพื่อรับเครดิตเงินคืนได้เลย! >> https://www.booking.com/s/44_6/kowit999
หลังจากตื่นเช้า อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เก็บตก นั่งรถบัส วนเที่ยวเล่นๆ รอเวลากลับครับ ต้องเอาให้คุ้มค่าตั๋วสักหน่อย 2 วันต้องใช้ให้คุ้ม ซึ่งเมื่อได้เวลาพอสมควรก็กลับมาที่ สถานีรถไฟ Kawaguchiko Station เพื่อมารอรถกลับเข้าเมืองครับ ซึ่ง ขากลับ เข้าเมืองก็จองผ่านเวปไซต์เหมือนกับตอนขามา แค่โชว์ตั๋วที่ Print มาให้เขาดู ก็ขึ้นรถได้เลย รถบัสก็จะกลับไปส่งที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal ตามเดิมครับ
ในระยะเวลา 2 วัน 1 คืน มาเที่ยว ทะเลสาปคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake) ได้อย่างสบายๆ ครับ มาแบบประหยัดๆ กินอยู่อย่างง่ายๆ ก็สนุกดีเหมือนกันครับ
รวมค่าใช้จ่าย (Kawaguchiko Lake 2 วัน 1 คืน)
- ค่ารถ Highway Bus (ไป-กลับ) Shinjuku – Kawaguchiko = 1750 x 2 = 3500 JPY
- ค่ารถ Sightseeing Bus (2 วัน) = 1300 JPY
- ค่าโรงแรม Capsule inn Fujisan = 590 THB
- ค่าอาหารการกิน (7 คือ คำตอบ.. เพื่อความประหยัด!! 55)
การเดินทางมาในครั้งนี้.. ถือว่าโชคดีมากๆ ครับ เพราะ สภาพอากาศดี ท้องฟ้าสดใส ทั้งสองวันเลย (ซึ่งก่อนหน้านี้.. มีข่าวว่าฝนตก และมีเมฆมาก จนมองไม่เห็นฟูจิ..เลย) อีกทั้ง.. ได้มาเที่ยวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้เห็นบรรยากาศรอบทะเลสาปมีสีสันสวยงาม ซึ่งจุดมุ่งหมายของการมาที่นี่ ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายครับ.. แค่ได้มาเดินเล่น หามุมสงบๆ นั่งเล่น ชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ..
ซึ่ง.. ถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีกแน่นอน.. ฟูจิซัง!
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9