Iizaka Onsen นอนเรียวกัง แช่ออนเซ็น กินผลไม้สดๆ จากสวน!
…ณ ขณะนี้ ผมอยู่ที่ Fukushima Station
…กำลังจะเดินทางต่อไปยัง Iizaka Onsen Station
วันแรกนี้.. ผมใช้เวลาหมดไปกับการเดินทางในช่วงเช้า และ ช่วงบ่ายนี้ ผมก็มีโปรแกรมที่จะไปเดินเที่ยวเล่นที่เมืองเล็กๆ อย่าง Iizaka Onsen ที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเมือง Fukushima มากนัก และจะพักค้างที่นั่นสักหนึ่งคืน ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการเที่ยวไม่มาก เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด หลักๆ ก็เพียงแค่เดินเล่นชมเมือง แวะไปกินผลไม้สดๆ จากสวน และ นอนเรียวกัง พักผ่อนแช่ออนเซ็น แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว.. สำหรับการได้มาเยือนที่นี่!
ผมเดินออก ทางออกทิศตะวันออก(East Exit) ของ สถานีรถไฟ Fukushima ไปตามทางเชื่อม เพื่อไปต่อรถไฟ สาย Kotsu Iizaka Line รถไฟสายสั้นๆ ที่มีปลายทางอยู่ที่ สถานี Iizaka Onsen
เดินงงหาสถานีอยู่สักพัก เพราะเหมือนว่าจะเป็นตรอกเล็กๆ เห็นไม่ค่อยชัด ก็เลยเดินหลงนิดหน่อย.. เมื่อเข้าไปถึงยังตัวสถานีก็จัดการซื้อตั๋ว แต่มีปัญหาตรงหน้าจอของเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ มีแต่ภาษาญี่ปุ่น ต้องวานให้เจ้าหน้าที่สถานีมาช่วยกดให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดีเลยครับ
ซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปในชานชาลาครับ จะมีขบวนรถไฟมาจอดรออยู่แล้ว เพราะเป็นสถานีต้นทาง ซึ่งเท่าที่ผมสังเกตุจะเห็นว่า.. รถไฟที่วิ่งสายนี้ ตัวขบวนรถจะถูกตกแต่งอย่างมีสีสัน ดูน่ารัก แตกต่างกันไป เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมานั่งรถไฟเล่นๆ ชมบรรยากาศในระยะทางใกล้ๆ อย่างยิ่งเลย
ปลายทางของผมอยู่ที่ Iizaka Onsen Station ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของเส้นทางรถไฟสายนี้พอดี
จาก Fukushima Station ไป Iizaka Onsen Station จะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 23 นาทีเท่านั้น โดยมีค่าโดยสารอยู่ที่ 370 เยน
เดินเข้ามาในขบวนรถไฟ ยังไม่ทันได้หาที่นั่ง รถไฟก็เตรียมออกตัวแล้ว เป็นขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารค่อนข้างบางตา นั่งสบาย ชมวิวนอกหน้าต่าง ตลอดเส้นทาง ได้อย่างเพลิดเพลินทีเดียวครับ..
เมืองน่ารัก.. Iizaka Onsen !!
นั่งชมวิวเพลินๆ แป้บเดียว! ..ก็มาถึง สถานีปลายทาง Iizaka Onsen แล้วครับ ความรู้สึกแรกที่ออกจากขบวนรถไฟมา คือ อากาศที่หนาวเย็น มีลมเย็นๆ โชยมาเบาๆ ปะทะกับร่างกายอยู่ตลอดเวลา
ผมเดินออกจากชานชาลา พร้อมคืนตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ จากนั้นก็เดินออกมาจากตัวสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นสถานีเล็กๆ อยู่ติดกับแม่น้ำ ได้บรรยากาศที่ดีมากๆ
เมือง Iizaka Onsen แห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งในอดีตมีนักกวีชื่อดัง นามว่า มัตสึโอะ บะโช เคยมาเยือนที่นี่ด้วย
ใกล้กับสถานีรถไฟ จะมีสะพานข้าม แม่น้ำ Surikami ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน เมือง Iizaka Onsen
เนื่องจากผมต้องพักค้างที่นี่หนึ่งคืน ก็เลยต้องการที่จะไปเช็คอิน และเก็บสัมภาระที่หนักแผ่นหลังอยู่ตอนนี้เสียก่อน โดยผมได้ทำการจองที่พักแบบเรียวกัง ที่มีชื่อว่า Horieya Ryokan เป็นเรียวกังเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองนี้ ซึ่งสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟไปไม่ไกล เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ระหว่างทางก็เดินชมบ้านเมืองเขาเล่นๆ ไปครับ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ สภาพบ้านเรือนก็ดูสะอาดตา มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ มีสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ และที่สำคัญมี โรงอาบน้ำสาธารณะ ให้บริการสำหรับคนที่สนใจมาแช่ออนเซ็น เพื่อความผ่อนคลายอีกด้วย..
Horieya Ryokan เรียวกังน่าพักใน Iizaka Onsen
เดินมาถึงที่พักในคืนนี้แล้ว.. Horieya Ryokan หาง่ายๆ มากๆ ครับ สภาพที่พักโดยทั่วๆ ไป จะเป็นอาคารไม้ 3 ชั้น ดูมีอายุ ค่อนข้างเก่าแก่ แต่ก็สะอาดนะครับ บริเวณใกล้เคียงจะมี ศาลเจ้า และโรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ ที่มีชื่อของ Iizaka Onsen แห่งนี้ด้วย
ผู้ดูแลซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ได้ออกมาต้อนรับ หลังจากที่ผมยืนรออยู่ตรงหน้าประตูได้สักพัก คำถามแรกจากผู้ดูแล ก็คือ คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้มั้ย? ซึ่งแน่นอนว่าผมพูดไม่ได้ ขอเป็นสื่อสารภาษาอังกฤษแค่พอเข้าใจล่ะกัน ซึ่งผู้ดูแลก็สามารถสื่อสารได้ดี พยายามอธิบายสิ่งที่ควรปฎิบัติต่างๆ จากที่สังเกตุเขาดูเหมือนจะค่อนข้างยุ่งๆ อยู่เหมือนกัน ทั้งงานในครัว งานต้อนรับลูกค้าท่านอื่นๆ แต่ก็แบ่งเวลามาใส่ใจผมดีครับ แม้จะดูยุ่งๆ สักนิด แต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่ใจบริการดี แถมช่วยแบกกระเป๋าหนักๆ ของผมเข้ามาในห้องอีกด้วย
เมื่อเข้ามาในห้อง ก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นดีนะครับ ที่จะได้มานอนที่นี่.. ภายในห้องดูสะอาด กว้างขวาง ผมนอนคนเดียวก็เหมือนได้ยึดห้องนี้เลย ผู้ดูแลได้เรียกให้ผมลงไปนั่งที่โต๊ะตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่อยู่กลางห้อง บนโต๊ะมีขนมห่อเล็กๆ วางอยู่ และได้เชื้อเชิญให้ผมกินขนม พร้อมกับชงชาเขียวร้อนๆ มาให้จิบดื่มด้วย ซึ่งในระหว่างนี้ก็ได้สนทนา เกี่ยวกับการเข้าพักเรียวกังที่นี่..
ผมออกตัวกับผู้ดูแลไปว่า.. “ผมไม่เคยพักที่พักแบบเรียวกังมาก่อน ที่นี่..เป็นที่แรกเลย” เหมือนว่าเขาจะพอเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อสาร หลังจากที่ได้นั่งพักพอหายเหนื่อยแล้ว เขาก็พาเดินไปชมรอบที่พัก เริ่มจากทางเข้า.. ที่ต้องเปลี่ยนรองเท้า ก่อนเข้ามาภายในที่พัก การวางรองเท้าที่ต้องหันปลายรองเท้าชี้ไปข้างนอกห้อง การใช้ห้องอาบน้ำ ขั้นตอนการแช่ออนเซ็น วิธีการสวมใส่ชุดยูกาตะ และ เรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งผู้ดูแลก็ช่วยสอน และอธิบายเรื่องต่างๆ ได้ดี แม้จะสื่อสารกันเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่..ท่าทาง และ ภาษากาย ก็ช่วยได้เยอะเลย.. 55+
เดินเที่ยวรอบเมือง Iizaka Onsen
หลังจากเก็บกระเป๋าไว้ที่เรียวกังเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินเที่ยวรอบเมืองนี้กันบ้าง.. โดยเริ่มต้นจากหน้าที่พักเลย เดินไม่กี่ก้าวก็จะพบกับ ศาลเจ้า Sabako ที่อยู่คู่กับเมืองนี้มาช้านาน ก็เลยต้องขอไหว้เพื่อเป็นศิริมงคลสักหน่อยครับ
ใกล้กันนั้น.. จะพบกับอาคารไม้รูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่ คือ โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ Sabakoyu ที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ที่นี่จึงมีชื่อเสียงมาก และปัจจุบันก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ ถ้าสนใจก็สามารถลองมาแช่น้ำร้อนฟินๆ กันได้ครับ เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 200 เยน และ เด็ก 100 เยน เท่านั้นเอง!
ด้านหลังของโรงอาบน้ำสาธารณะ จะเห็นถังน้ำขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านเป็นจุดเด่นของที่นี่ด้วย
สถานที่เที่ยวในเมือง Iizaka Onsen จะอยู่ไม่ไกลกันมากครับ ถ้าที่เที่ยวภายในตัวเมืองก็พอที่จะเดินเท้าไปได้ ผมเดินจาก โรงอาบน้ำสาธารณะ Sabakoyu มาสัก 100 เมตร ก็มาถึงสถานที่เที่ยวสำคัญอีกหนึ่งที่ ก็คือ Kyu Horikiri-tei บ้านคหบดีเก่า ที่จะให้ความรู้สึกย้อนอดีตไปยังสมัยเอโดะ ด้วยสภาพอาคารเก่าที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี และ การจัดพื้นที่แสดงภายในบริเวณบ้าน เป็นอะไรที่ดูน่าสนใจดีเหมือนกันครับ มาทั้งทีก็ลองมาศึกษาประวัติศาสตร์ของเขากันสักหน่อยเนอะ!
Kyu Horikiri-tei บ้านคหบดีเก่า จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้าชมได้ฟรีเลย..
ภายในบริเวณบ้าน จะแบ่งออกเป็นหลายอาคารสามารถเดินชมได้ทั่วรอบบริเวณ เมื่อเดินเข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่ออกมาต้อนรับ คอยให้คำแนะนำต่างๆ แต่อาจจะสื่อสารภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยจะถนัดนัก ผมก็เลยได้รับแจกโบรชัวร์แนะนำสถานที่มาแทน ซึ่งพอจะทำให้เข้าใจสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาบ้าง
ถอดรองเท้า แล้วเดินเข้ามาในอาคาร จะพบกับห้องต่างๆ ที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี สะอาดมากๆ เลยครับ
บริเวณจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีต
บรรยากาศภายในบริเวณบ้าน มีซุ้มสำหรับนั่งเล่น และ หากเดินเข้าไปข้างใน ก็จะมีที่สำหรับ แช่ออนเซ็นเท้า ฟรีอีกด้วย
ใครมาเที่ยวที่นี่.. ก็ต้องไม่พลาดมาใช้บริการแช่ออนเซ็นเท้าฟรี ด้วยนะครับ!
จาก บ้านคหบดีเก่า เดินเล่นต่อไป.. โดยเดินเท้าไปตามถนนที่เลียบไปกับ แม่น้ำ Surikami จะพบกับ บ่อแช่ออนเซ็นเท้าอีกที่ ที่มีชื่อว่า Hako-Yu ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเลย สามารถมาแช่ออนเซ็นเท้าได้ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ..
แช่ออนเซ็นเท้าไป ชมบรรยากาศริมแม่น้ำไป ก็ดูจะชิลดีนะครับเนี่ย..
ใกล้กันจะมี โรงอาบน้ำสาธารณะ Iizaka Onsen Hakoyu ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเช่นกัน เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะอีกแห่งที่มีชื่อของเมืองนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน
ซึ่งที่จริง.. เห็นโรงอาบน้ำสาธารณะแบบนี้ ก็อยากลองลงแช่ออนเซ็นดูบ้างนะครับ แต่เพราะว่าเรียวกังที่ผมพักนั้น ก็มีบริการแช่ออนเซ็นอยู่แล้ว ก็เลยเก็บเอาไว้กลับไปแช่ก่อนนอนที่เรียวกังจะดีกว่าเนอะ.. ประหยัดด้วย.. ว่ามั้ย? 55+
ไปเก็บ แอปเปิ้ล กินสดๆ จากต้นกัน!
มาเที่ยวแถบนี้.. นอกจากจะตั้งใจมาแช่ออนเซ็นแล้ว ผมมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง นั่น.. ก็คือ จะลองมาเก็บผลไม้กินจากต้นแบบสดๆ เลย ซึ่งก็มีสวนผลไม้หลายๆ สวน ที่อยู่ริมเส้นทางถนนที่เรียกว่า Fruit Line เปิดบริการ ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้าไปเก็บผลไม้จากต้น มากินกันสดๆ ได้เลย แบบไม่อั้นตามเวลาที่กำหนด โดยแต่ละฤดูกาลก็จะมีชนิดของผลไม้ให้เก็บที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผมก็ลองสอบถามข้อมูลคร่าวๆ กับผู้ดูแลที่พัก ..ว่าจะไปสวนไหนดี? ที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ดูแลก็หยิบแผนที่ให้ผม พร้อมบอกว่าเลือกไปเที่ยวชมได้เองเลย มีหลายสวนมากๆ ถ้าอยากเดินทางสะดวกก็สามารถเช่าจักรยานที่สถานีรถไฟปั่นไปได้ แต่.. สำหรับผมยังไม่ค่อยชินกับถนนหนทางสักเท่าไหร่ และยังไม่อยากออกกำลังตอนนี้ ก็ขอนั่งรถไฟไปสถานีที่ใกล้ที่สุด และเดินต่อเอาดีกว่าครับ..
จาก สถานี Iizaka Onsen ผมจะนั่งย้อนกลับไปทาง สถานี Fukushima เพียงแค่ 2 สถานีเท่านั้น ซึ่งจะไปลงที่ สถานี Ioji-Mae ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 140 เยน
ขบวนรถไฟสีสันหวานแหวว กับ บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆ
นั่งรถไฟมาเพียง 5 นาที ก็ถึง สถานี Ioji-Mae
เมื่อลงรถไฟมาแล้ว จาก สถานี Ioji-Mae มองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม จะพบกับซอยเล็กๆ ซึ่งเป็นซอยที่จะพาลัดเดินไปยังสวนผลไม้ต่างๆ ซึ่งจุดนี้จะสามารถหาแท็กซี่ต่อไปก็ได้นะครับ แต่ผมขอเดินเล่นๆ ไปดีกว่า เปิดแผนที่ดูก็พอจะเดินได้อยู่ไม่ไกลมาก
สวนผลไม้ จะมีอยู่หลายสวนมาก ซึ่งอยู่ในระยะที่พอเดินได้ จาก สถานีรถไฟ Ioji-Mae ประมาณ 1-2 กิโลเมตร
เดินลัดตามซอยเพื่อไปยังสวนผลไม้ครับ บรรยากาศบ้านเมืองเขามันช่างสงบเงียบดีจริงๆ ผมก็เดินเล่นๆ ไปเรื่อยๆ ครับ และก็ต้องเร่งทำเวลานิดนึง เพราะใกล้เวลาที่สวนต่างๆ จะปิดแล้ว..
ตอนแรกผมตั้งใจเดินไปตามแผนที่ โดยมีจุดหมายอยู่ที่สวนผลไม้ Marusei Orchard แต่เมื่อเดินไปตามเส้นทางก็เห็นสวนเล็กๆ อีกหลายสวน ประกอบกับ เกรงว่าจะเดินไปถึงไม่ทันเวลาปิดสวน เมื่อเจอสวนไหนก่อน ก็ขอแวะไว้ก่อนละครับ.. ซึ่งก็มาเจอสวนผลไม้นี้ ที่อยู่ก่อนไปถึง Marusei Orchard ครับ
ในแต่ฤดูกาลก็จะมีผลไม้ให้เก็บแตกต่างกันไป ดังนี้
- มกราคม ถึง พฤษภาคม – สตรอเบอร์รี่
- มิถุนายน ถึง กรกฎาคม – เชอร์รี่
- กรกฎาคม ถึง กันยายน – ลูกพีช
- สิงหาคม ถึง ตุลาคม – ลูกแพร์, องุ่น
- ตุลาคม ถึง ธันวาคม – แอปเปิ้ล
ซึ่งช่วงเวลาที่ผมเดินทางไปนั้น อยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน เป็นช่วงที่ แอปเปิ้ล กำลังออกผลพอดีครับ
ผมเดินเข้ามาในสวน ได้พบกับคุณลุงเจ้าของสวน โดยจะมาขอสอบถามเกี่ยวกับการเก็บผลไม้ของที่นี่สักหน่อย แต่เพราะปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร ก็เลยดูจะเข้าใจกันยากสักนิด ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า.. ที่นี่จะสามารถเปิดให้เขาไปชมภายในสวนได้หรือเปล่า? คุณลุงเจ้าของสวนก็ดูเหมือนอยากบอกว่า.. ใกล้จะปิดสวนแล้ว อาจจะเก็บไม่คุ้มมั้ง? แต่คุณก็สามารถเข้ามาชมสวนได้นะ อะไรทำนองนี้..
เมื่อคุณลุงเชิญเข้ามาชมภายในสวนแล้ว ก็ไม่รอช้าครับ รีบเข้าไปข้างในโดยทันที พอเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ ต้องตะลึงกับ ต้นแอปเปิ้ลต้นเล็กๆ ที่มีลูกดกละลานตามากๆ จากสภาพที่เห็นภายในสวนนี้ ต้นแอปเปิ้ลคงได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากคุณลุงเจ้าของสวน ซึ่งคุณลุงแกก็พยายามที่จะอธิบายสิ่งต่างๆ ออกมาทางภาษากาย อย่างเช่น เวลาคุณลุงแกพลิกกลับด้านของลูกแอปเปิ้ล คุณลุงก็อธิบายว่า.. หมุนพลิกเพื่อให้โดนแดดสม่ำเสมอกันทั้งลูก เพื่อที่จะได้แอปเปิ้ลลูกสีแดงสด มีคุณภาพ
คุณลุงสาธิตวิธีการเก็บแอปเปิ้ลจากต้นให้ดูด้วย ต้องค่อยๆ เด็ด เพื่อไม่ให้กิ่งของต้นแอปเปิ้ลฉีกขาด หรือ เสียหาย ซึ่งหลังจากเด็ดออกมาแล้ว คุณลุงก็ยื่นให้ผม พร้อมกับบอกให้ผมลองชิมเลย..
คุณลุงเชื้อเชิญให้ผมเก็บแอปเปิ้ลกินได้ตามสบาย ซึ่งในสวนของคุณลุงนั้น มีแอปเปิ้ลอยู่ 2 พันธุ์ ซึ่งผมจะขอเรียกง่ายๆ ว่า.. พันธุ์สีแดง กับ พันธุ์สีเหลือง ละกันนะครับ เพราะจำชื่อภาษาญี่ปุ่นที่คุณลุงแกบอกมาไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งแอปเปิ้ลทุกต้นในสวนนี้ลูกดกดีจริงๆ ครับ
แอปเปิ้ลหลายๆ ลูกก็ร่วงหล่นอยู่ที่พื้น..
ผมนั่งกินแอปเปิ้ลที่เพิ่งเก็บมาสดๆ จากต้น พร้อมกับดูคุณลุงแกตกแต่งกิ่งแอปเปิ้ลไปพลางๆ (ถึงแม้จะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่คุณลุงก็ดูเป็นคนคุยสนุกเฮฮาดี.. 55)
แอปเปิ้ลสดๆ จากต้น รสชาติหวาน กรอบ จริงๆ ครับ กัดทีนึง ได้ยินเสียงถึงความกรอบ เลยทีเดียว กินไปแค่ 2 ลูก ก็อิ่มแล้วครับ..
ผมอยู่มีเวลาอยู่ในสวนได้เพียง 15 นาที คุณลุงก็ขอปิดสวน และปิดหน้าร้านแล้ว อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆ คุณลุงก็เลยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเข้าชมสวนครับ และ คุณลุงก็ใจดีให้แอปเปิ้ลผมกลับมาอีก 2 ลูก ผมก็กล่าวขอบคุณ และ ขอตัวลากลับครับ ใครอยากลองกินแอปเปิ้ลสดๆ ผ่านไปทางนั้น ก็แวะอุดหนุนแอปเปิ้ล และผลไม้อื่นๆ ตามฤดูกาล จากสวนของคุณลุงได้นะครับ.
จาก สวนผลไม้ ผมก็เดินกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อมารอรถไฟที่ สถานี Ioji-Mae กลับไปยัง สถานี Iizaka Onsen
เมื่อมาถึง สถานี Iizaka Onsen ก็แวะชมบรรยากาศยามเย็นของ แม่น้ำ Surikami ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟก่อนสักนิด
ราวหกโมงเย็น ผมกลับมาถึง Horieya Ryokan ที่พักในค่ำคืนนี้ นั่งพอให้หายเหนื่อยอยู่สักพัก อาหารเย็นก็เข้ามาเสิร์ฟถึงในห้อง (ซึ่งการมาเข้าพักที่นี่ ผมได้จองแบบ รวมอาหารเย็น และเช้าเอาไว้ ไม่ต้องลำบากออกไปหากินข้างนอก)
สำหรับอาหารเย็นมื้อนี้.. เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่น แต่ละอย่างมาแบบอย่างละนิด อย่างละหน่อย แต่..ดูน่ากินมากๆ มีข้าวญี่ปุ่นตักได้ไม่อั้นด้วย อาหารจานหลัก น่าจะเป็น ชาบูหม้อเล็กๆ ซึ่งผู้ดูแล แอบถามขณะเอื้อมมือไปจุดไฟในเตาว่า.. “รู้จักชาบูมั้ย?” ผมก็ตอบไปว่า.. “รู้จัก..ครับ ชาบูๆๆ 55+” พร้อมทำท่าคีบหมูลงไปจุ่มๆ ในน้ำร้อน ผู้ดูแลก็พยักหน้า และ ก็แนะนำเมนูต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งก็เป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นที่จำค่อนข้างยาก ถ้าอธิบายง่ายๆ หน่อย ก็จะเป็นพวก ปลาดิบ ปลาย่างซีอิ๊ว ผักดองต่างๆ อะไรทำนองนี้ครับ (อาหารที่เห็นแค่บางส่วนนะครับ เพราะมีเสิร์ฟมาเรื่อยๆ ทีละนิด)
ชาบู หมูจุ่ม ดูน่าจะถูกปากที่สุดแล้วครับ สำหรับมื้อนี้
เซตปลาดิบ ก็ใช้ได้อยู่ ซึ่งโดยรวมก็อร่อยทุกอย่างครับ กินจนเกลี้ยงเลย..
หลังจากอิ่มแล้ว.. ผู้ดูแลก็ยกเมนูชา มาให้เลือกว่าอยากทานชาแบบไหน เป็นบริการฟรี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทานชาแบบไหนดี ชาแบบไหนจะรสชาติอร่อย หรือ เป็นชายอดนิยมที่ต้องลองชิม ก็เลย.. ให้ผู้ดูแล จัดมาเลยครับ อะไรก็ได้ 55+
ในตู้จะมีถาด ชุดยูกาตะ วางไว้อยู่ สามารถเอามาสวมใส่ได้ ซึ่งตอนที่ผมจะสวมชุดยูกาตะ ผู้ดูแลก็มาช่วยสาธิตในการใส่ที่ถูกวิธีด้วย
ห้องอาบน้ำ จะมีทั้งหมด 2 ห้อง ผู้ดูแลบอกว่า.. ให้สังเกตที่กระจกเหนือประตู ถ้าห้องไหนเปิดไฟอยู่แสดงว่ามีคนเข้าใช้บริการอยู่ ถ้าห้องไหนปิดไฟอยู่ ก็สามารถเข้าไปใช้ได้เลย และอย่าลืมนำผ้าขนหนู และอุปกรณ์ต่างๆ มาด้วย ซึ่งเมื่อเข้าห้องอาบน้ำไปก็จะมีที่สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บของ
จากนั้น จึงเปิดประตูอีกชั้นเข้าไป ก็จะพบกับไอน้ำร้อนมาปะทะกับใบหน้าและร่างกาย เนื่องจากเป็นห้องอาบน้ำแบบส่วนตัว จึงไม่มีคนอื่นๆ เข้ามาใช้ด้วย ซึ่ง วิธีแช่ออนเซ็นที่ถูกวิธี ก็คือ ต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสียก่อน ก่อนที่จะลงไปแช่ แรกๆ อาจมีความรู้สึกร้อนมากเหมือนกัน แต่ผ่านไปสักพัก.. ร่างกายปรับตัวได้ ก็จะเริ่มเข้าสู่โหมด… ฟิน!
หลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผู้ดูแลก็เข้ามาจัดการปูที่นอนให้
ที่นอนนุ่มน่านอน ผ้าห่มหนา พร้อมเปิดฮีตเตอร์เอาไว้ใกล้ๆ เพราะคืนนี้ดูท่าทางจะหนาวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ ได้เวลาเตรียมตัวนอน..
DAY 2 : 04.11.17
เช้าวันใหม่.. อากาศสดใส ใน Iizaka Onsen
นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน.. ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน เวลานัดหมายอาหารเช้า คือ 07.30 น. เมื่อถึงเวลาอาหารก็เข้ามาเสิร์ฟ เช้านี้เมนูเบาๆ แต่ก็อร่อย และ อิ่มเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ จัดการอาหารเช้าพร้อมเปิดทีวีดูรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ฟังไม่เข้าใจหรอกครับ แต่..กินไป ดูไป มันก็เพลินดี..55
หน้าตาของ อาหารเช้า โดยข้าวสามารถขอตักเพิ่มได้เรื่อยๆ และ นอกจากนี้ก็มีพวกชาร้อน กาแฟร้อน อีกด้วย
ผมมีเวลาช่วงเช้าค่อนข้างจำกัด เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ต้องรีบเก็บของ และเช็คเอาท์ เพื่อที่จะเดินทางกลับไปยัง สถานี Fukushima ให้ทันเวลาตามแผนการเดินทางที่วางเอาไว้ครับ..
จากนั้น ผมกล่าวลา.. ผู้ดูแล ที่คอยให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาที่พักที่ Horieya Ryokan แห่งนี้ ซึ่งเป็นเรียวกังที่ประทับใจดีครับ แม้ภายนอกจะดูเก่าแก่ไปสักหน่อย แต่ก็สะอาด ผู้ดูแลเอาใจใส่ดีมากๆ คอยแนะนำและอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ดี ช่วยให้เข้าใจ ข้อควรปฎิบัติในการเข้าพักเรียวกัง ครั้งแรกของผมได้อย่างดีเลย..
ผมแบกเป้รีบเดินไป สถานี Iizaka Onsen แล้วนั่งรถไฟกลับไปยัง สถานี Fukushima (ค่าโดยสาร 370 เยน)
อาจจะต้องรีบหน่อย.. เพราะต้องไปให้ทันกับรถบัสที่จะออกจากจุดจอดของ สถานี Fukushima ในเวลา 10.00 น. โดยมีจุดหมายในการเดินทางต่อไป ก็คือ ไปชมวิวทิวทัศน์ ของ Mt. Azuma และ แวะแช่ออนเซ็นฟินๆ ที่ Takayu Onsen ซึ่งเส้นทางนี้.. จะสนุกตื่นเต้น และ ฟินแค่ไหน? ..ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ!
7 Days in Fukushima! | บันทึกการเดินทางเที่ยวฟุคุชิมะ 7 วัน
- 1/11 : Say Hi! Fukushima การเดินทางไปด้วย Shinkansen
- 2/11 : Iizaka Onsen นอนเรียวกัง แช่ออนเซ็น กินผลไม้สดๆ จากสวน!
- 3/11 : เดินไต่ Mt. Azuma แวะแช่ออนเซ็นที่ Takayu Onsen
- 4/11 : ตามหาความเหลืองที่ Azuma Sport Park พัก APA Hotel
- 5/11 : Goshikinuma Ponds ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี!
- 6/11 : Tagoto Ryokan เรียวกังนอนสบายใน Aizu Wakamatsu
- 7/11 : เที่ยวตามเส้นทาง Tono Hetsuri – Ouchi Juku นอน Niko Ryokan
- 8/11 : เที่ยววนไปใน.. Aizu Wakamatsu ด้วย Loop Bus 1 วัน
- 9/11 : Mishima Town เมืองเล็กน่ารัก และ รถไฟสายโรแมนติก!
- 10/11 : ปั่นจักรยานเที่ยวในเมือง Tadami แวะส่งท้ายทริปที่วัด Enzo-ji
- 11/11 : วิธีการนั่ง Night Bus จาก Fukushima กลับ Tokyo
- Ryokan : 5 เรียวกังน่าพัก ใน.. FUKUSHIMA, JAPAN
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com