#น่านน่ะสิ :: เที่ยว “น่าน” 6 ชั่วโมง กับ งบ 600 บาท (เมื่อไปน่าน.. แบบไม่เนิบ!)
ทริปนี้.. ผมจึงเลือกไปเที่ยวเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ตอนแรกคิดว่าไปเช้า-เย็นกลับ ก็ดูน่าจะเพียงพอ แต่พอลองเข้าไปส่องในเวปเพื่อจอง ปรากฎว่า.. ไฟล์ทบินขาไป มีช่วงเกือบเที่ยง และ ขากลับตอนช่วงเย็น เท่านั้น … ดูเหมือนจะมีเวลาค่อนข้างจำกัดลงไปอีก (มีเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง) แต่ด้วยความที่อยากไป.. ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจจอง ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยว น่านเล่นๆ สักวัน ครับ!
โปรแกรมที่คิดไว้ในเบื้องต้น ก็ คือหาเที่ยวตามที่ต่างๆ ในบริเวณตัวเมือง เที่ยววัด ไหว้พระ และ หาของอร่อยๆ ทานประมาณนั้น เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา แบกเป้ไปเที่ยวน่าน (แบบไม่เนิบ..) ด้วยกันสักแป้บ ..นะครับ!!
หมายเหตุ
- 6 ชั่วโมง คือ ระยะเวลาที่ผมใช้อยู่ที่ตัวเมืองน่าน ด้วยข้อจำกัดของไฟล์ทบิน ที่มี 2 เที่ยวต่อวัน ทำให้มีเวลาอยู่ที่น่านประมาณ 6 ชั่วโมง
- 600 บาท คือ งบประมาณที่ใช้ไปกับการเดินทางทริปนี้ ใช้จ่ายแบบสบายๆ ซึ่งก็ไม่ได้จำกัดไว้ว่าต้องใช้เงินแค่นี้ เพียงแต่มาคำนวณคิดค่าใช้จ่ายหลังจากจบทริปไปแล้วว่าใช้เงินหมดไปประมาณคนละ 600 บาท
ปล. ช่วงเวลาที่ผมเดินทางในรีวิวนี้ คือช่วงเดือน กันยายนของปีที่แล้ว (2558-ดองนานเลย 55+) ซึ่งมีไฟล์บินขาไป 10.25 น. และขากลับ 18.20 น. ทำให้มีเวลาเที่ยวในเมืองน่านประมาณ 6 ชั่วโมง ครับ
ไม่นานนัก สายฝนก็เทกระหน่ำลงมา เริ่มมีอารมณ์หวั่นๆ ในใจ กลัว.. ว่าปลายทางฝนจะตกแบบนี้
ได้เวลาเตรียมออกเดินทาง สายฝนยังคงโปรยปรายมาอย่างต่อเนื่อง
3Sixty THAILAND MAGAZINE ฉบับเดือนนี้(เดือนที่ผมเดินทาง).. หน้าปก เป็นเรื่องราวของจังหวัดน่าน พอดี
วันนี้พก บัตรเบ่ง มาด้วย.. ได้เลือกเครื่องดื่มฟรีหนึ่งอย่าง ก็เลยขอกาแฟร้อนๆ ล่ะกันครับ!
ที่น่าสนใจ..ก็คงต้องใช้บริการรถสองแถวนี่ล่ะครับ น่าจะประหยัดดีนะ
ถ้าเดินออกจากตัวอาคารสนามบินเพื่อที่จะหา รถสองแถวราคาประหยัดๆ เข้าเมือง พยายามเดินตามกลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางมาพร้อมกัน ต้องมีสักกลุ่มนี่แหละ ที่ต้องนั่งรถโดยสารเข้าเมืองบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มี .. ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร เพราะ มีบริการรถสองแถวเข้าเมืองอยู่ ครับ
ระยะทางระหว่างสนามบินน่านนครเข้าเมืองประมาณ 2-3 กิโลเมตร
นั่งรถมาประมาณไม่เกิน 10 นาที รถสองแถวมาส่งลงที่ ร้านโอเวอร์ซี เป็นร้านจำหน่าย และ เช่า มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน ครับ
จัดการทำเรื่องเช่ารถมอเตอร์ไซค์
ราคาเช่ามอเตอร์ไซค์ ก็วันละ 250 บาท พร้อมหมวกกันน๊อค (เติมน้ำมัน +50 บาท)
1 = ร้านเช่ารถโอเวอร์ซี
2 = วัดภูมินทร์
3 = ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
4 = พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
5 = วัดพระธาตุช้างค้ำ
6 = วัดศรีพันต้น
7 = วัดพระยาวัด
8 = วัดพระธาตุเขาน้อย
ฮัก น่าน นาน นาน นะ!
สั่ง ข้าวซอยไก่ ไปครับ ราคา 40 บาท รสจัดจ้านใช้ได้เลยครับ
เฮือนฮอม ..มีอาหารอีกหลายอย่างให้เลือกหลากหลายเลยนะครับ เมนูเด่นๆ ของที่นี่ ก็น่าจะเป็นพวกข้าวซอยต่างๆ และ ขนมจีนน้ำเงี้ยว หรือ น้ำยาอื่นๆ ก็มีให้เลือกเหมือนกัน อย่างน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ก็น่าลองเหมือนกันครับ จะเสริฟมาพร้อมผักเครื่องเคียงต่างๆ
ตรงข้ามร้านเฮือมฮอม ก็จะตรงข้ามกับร้าน 7-11 ที่ดูไม่เหมือนร้าน 7-11 ทั่วไปเลยครับ
ข้างๆ กับ 7-11 ก็จะเป็นร้านข้าวซอยอีกร้านนึงครับ ชื่อ “ข้าวซอยต้นน้ำ” ครับ ตอนแรกกะว่าจะแวะชิมร้านละชาม แต่วันนี้ร้านปิดพอดีครับ .. อด!
7-11 อยู่ตรงข้าม ร้านเฮือนฮอม
เพิ่มพลังด้วยข้าวซอย แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ โดยไปกันที่ วัดพระธาตุเขาน้อย(8) ก่อนเลย ซึ่งต้องเดินทางออกมานอกเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างทาง ที่จะขึ้นไป วัดพระธาตุเขาน้อย ใกล้ๆ กันจะมี วัดพญาวัด(7) ซึ่งจะกลับมาแวะ ตอนขากลับลงมาครับ แว๊นซ์กันต่อไป ลุย..!
ทางขึ้น วัดพระธาตุเขาน้อย มีทางขึ้นอยู่ 2 ทางครับ สามารถนำรถขึ้นไปถึงด้านบนได้เลย ซึ่งต้องอ้อมไปด้านหลังครับ และถ้าอยากเดินขึ้นไปก็ย่อมได้ครับ กับ บันไดนาค 303 ขั้น
ซึ่งผมขอเลือกเดินขึ้นล่ะกันครับ แค่นี้เอง จิ๊บๆ 55+
ระหว่างขึ้นบันไดไปจะค่อนข้างร่มเย็นมากครับ เพราะต้นไม้เยอะ อากาศดี ค่อยๆ เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ ระยะก้าวขาค่อยๆ เริ่มก้าวยากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับความรู้สึกเมื่อยของร่างกาย
อันที่จริงแล้วค่อยๆ เดินขึ้นบันไดมา ก็ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงข้างบนแล้ว
เข้ามาไหว้พระในวิหารกันก่อนครับ
บริเวณลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐาน พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
หลายคนก็คงคุ้นตากับมุมข้างบนนี้กันเป็นอย่างดีนะครับ เพราะน่าจะเคยเห็นและผ่านตา จากรีวิวต่างๆ เมื่อได้ขึ้นมาข้างบนจริงๆ ก็รู้สึกดีมากเลยนะครับ
ข้างบนนี้อากาศดีมาก สดชื่นดี อาจจะเพราะเดินทางมาวันธรรมดาทำให้ข้างบนดูค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีคนเลยครับ นอกจากผมที่ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ มาเลยครับ
ในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระเจ้าฝนแสนห่า” ซึ่งชาวเมืองน่านเคยนำมาแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล
เดินเข้าไปไหว้พระข้างในกันครับ
เข้ามาภายในอุโบสถ
ด้านในจะมีธรรมาสน์แกะสลักฝีมือช่างพื้นเมืองน่านที่เก่ามาก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยเจ้าอัตถวรปัญโญ ราวครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ 24
ด้านหน้าพระอุโบสถจิตรกรรมปูนปั้นพญานาค
ด้านหลังพระอุโบสถจิตรกรรมปูนปั้นตัวมกร หรือ ตัวมอม
1 = วัดภูมินทร์
2 = ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
3 = พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
4 = วัดพระธาตุช้างค้ำ
5 = ร้านเฮือนฮอม
6 = ร้านข้าวซอยต้นน้ำ
7 = วัดศรีพันต้น
8 = ร้านของหวานป้านิ่ม
ร้านนี้จะเปิด 11.00 น. – 22.30 น. หยุดทุกวันพุธ (ช่วงเทศกาลไม่หยุด)
เมนูแนะนำ ที่พลาดไม่ได้ก็คือ “บัวลอยไข่หวาน” แต่ผมต้องอดชิมไป เพราะเริ่มขายตอน 6 โมงเย็น เมนูแนะนำอื่นๆ ก็อย่าง ไอติมข้าวเหนียวถั่วดำ ไอติมสาคู ไอติมเต้าส่วน เป็นต้น อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบว่าอยากจะ Mix กับเครื่องอะไร .. ก็ว่ากันไป ครับ!
ร้อนๆ แบบนี้จัดไปครับ สั่ง ไอศกรีมสลิ่ม(45 บาท) กับ รวมมิตรน้ำแข็งไส(30 บาท)
เข้าไปไหว้พระด้านในอุโบสถกันครับ ภายในก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลย
บริเวณด้านหน้า ทีจิตรกรรมปูนปั้น พญานาคเจ็ดเศียร ขนาดใหญ่ ที่มีสวยงาม เฝ้าบันได หน้าวิหารวัด สีทองเหลืองอร่ามเช่นกันครับ (ขนาดใหญ่แค่ไหนเทียบกับตัวผมที่สูง 184 เซนติเมตรดูครับ ขนาดใหญ่โตมาก!)
1 = วัดภูมินทร์
2 = วัดพระธาตุแช่แห้ง
“พระธาตุแช่แห้ง” เป็นพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีเถาะ ที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปกราบนมัสการพระธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ครับ
ในส่วนของตัวพระธาตุนั้น ตั้งอยู่บนเชิงเนินปูด้วยอิฐ ลาดขึ้นไปยังยอดเนิน มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบล้านนา ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง มองสะท้อนกับแสงแดดดูสวยงามมากครับ
บรรยากาศภายในบริเวณวัดพระธาตุแช่แห้ง
เป็นอีกหนึ่งวัดที่มาเที่ยวเมืองน่านต้องแวะมาไหว้พระทำบุญเลยครับ
ภายในวัดยังมี เจดีย์รูปแบบจำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งทางวัดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่เกิด ปีมะเมีย (ปีม้า) ได้มากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วยครับ
สำหรับผม เป็นครั้งที่ 2 แล้วครับที่มาเยือนที่ วัดพระธาตุแช่แห้ง แห่งนี้ พระธาตุมีความสวยงามมากครับ วันไหนที่ ฟ้าสวย ฟ้าใส ล่ะก็.. สีทองของพระธาตุตัดกับสีของท้องฟ้านี่เป็นภาพที่งดงามมากครับ
ไหนๆ ก็มาแล้ว เดินเข้าไปไหว้พระกันข้างในกันสักหน่อยนะครับ
1 = วัดภูมินทร์
2 = ร้านเตี๋ยวไร้เทียมทาน
3 = ร้านแหนมสุณี
ช่วงที่ผมไปใช้บริการมีส่วนลด 10% สำหรับผู้ที่โชว์ Boarding Pass ของ Air Asia ด้วย ได้ลดมาอีกนิดนึงครับ!
เมนูเด็ดของร้านที่ห้ามพลาดคือ บะหมี่ดูกยำ(ชามละ 50 บาท) น้ำซุปยำรสจัดจ้านถึงใจ
เครื่องดื่มต่างๆ เย็นชื่นใจ ดับกระหาย คลายร้อน..
นอกจากนั้นก็ยังมี เมนู ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ยำ (30 บาท) ก๋วยเตี๋ยวหมูเด้ง ยำ (40 บาท) พิเศษเพิ่ม 10 บาท บรรยากาศร้านสะอาด พนักงานก็บริการใส่ใจดีครับ .. มาเที่ยวน่านต้องลองครับ!
แต่ทีเด็ดก็คงจะเป็นข้าวผัดแหนมครับ ที่ เขาเล่าว่า… อร่อยต้องลองมาทาน แต่น่าเสียดาย.. เผอิญผมเพิ่งอิ่มเตี๋ยวกระดูกหมูไป ก็คงต้องขอผ่านครับ เพราะยังรู้สึกจุกๆ อิ่มๆ อยู่เลย แหนมของฝากที่นี่ ก็มีทั้งแบบเล็ก แบบใหญ่ ให้เลือกซื้อกันไปครับ
วัดภูมินทร์ มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั้งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่าน
ความสวยงามแปลกตาของวัดภูมินทร์ ที่ไม่เหมือนใคร คือเป็นพระอุโบสถ และ พระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข
เข้ามาชมภายใน ใจกลางพระอุโบสถ จะประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐาน หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ สวยงามมากครับ
ด้านใน จะมี “มัคคุเทศก์น้อย” คอยให้ข้อมูล และประวัติความเป็นมาต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ น้องๆ จะเล่าประวัติต่างๆ ความหมายของจิตรกรรมภาพเขียน ฟังเพลินเลย ได้ความรู้ดีครับ..
ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังมากมายแสดงถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ของชาวน่านในสมัยอดีตที่น่าศึกษา และควรอนุรักษ์ไว้
ภาพ “โมนาลิซ่าเมืองน่าน” เป็นภาพสาวงามเมืองน่านในอดีต ที่อยู่ในอิริยาบถที่กำลังเกล้าผมขึ้นเหนือศีรษะ และตกแต่งมวยผมด้วยดอกไม้สีสวย ที่ใบหูใส่ม้วนทอง เปลือยอกไม่ใส่เสื้อ มีเพียงผ้าคล้องคอปล่อยชายไปด้านหลัง
ภาพ “หญิงสูงศักดิ์” และ “ชายสูงศักดิ์” จะอยู่คนละฝั่งประตู ภาพหญิงสูงศักดิ์เป็นหญิงสาวเกล้าผมมวย เปลือยอกมีผ้าพาดคอปล่อยชายไปด้านหลัง ซึ่งเป็นลักษณะการแต่งกายขณะอยู่บ้าน กำลังนั่งเท้าแขนอ่อนอยู่บนเก้าอี้ อีกมือหนึ่งคีบบุหรี่
ส่วนภาพ “ชายสูงศักดิ์” เป็นชายหนุ่มใส่เสื้อแขนยาวมีผ้าพาดบ่า เหน็บมีดไว้ที่เอว มีบุหรี่เสียบอยู่ที่หู ที่ต้นขามีการสักขาเป็นลวดลาย ซึ่งเป็นความนิยมของชายล้านนา โดยการสักนั้นแสดงถึงความเป็นลูกผู้ชาย เพราะต้องอดทนต่อความเจ็บปวด มีความเชื่อว่าหากชายคนใดไม่มีรอยสักก็จะไม่มีผู้หญิงยอมแต่งงานด้วยเพราะเป็นชายที่ไม่มีความอดทน
ภาพการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวในสมัยก่อน เป็นการมาพบปะกันระหว่างหนุ่มสาวที่ชานบ้านในเวลาค่ำขณะที่หญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย
ภาพจิตรกรรมแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต และการแต่งกายของคนเมืองน่านในอดีตได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก
เข้ามาชมภายในอุโบสถ ก็ดูกว้างขวางโอ่โถง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ แลดูสวยงามดีครับ
เป็นอีกจุดหนึ่งเลยครับ ที่ใครมาเที่ยวเมืองน่านต้องมาถ่ายรูปเล่นกันที่นี่!
ช่วงที่ผมเดินทางมาที่นี่นั้น ภายในอาคาร “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน” ได้ปิดปรับปรุงชั่วคราวพอดีก็เลยไม่ได้เข้าไปชมภายในครับ
ประกอบกับเวลาที่ค่อนข้างจะจำกัดแล้วด้วย ก็เลยมา เดินเล่น ถ่ายรูป อยู่บริเวณอุโมงค์ต้นลีลาวดีนี้ครับ …ผมว่ามันสวยดีนะ!
เตรียมขึ้นเครื่องกลับไป กทม. กันแล้วครับ …. ลาก่อน เมืองน่าน ….
ค่ารถสองแถวรับส่งสนามบิน-ตัวเมืองน่าน = 100 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์(+น้ำมัน) 300/2 = 150 บาท
ค่าอาหาร “ร้านเฮือนฮอม” = 60 บาท
ค่าของหวาน “ร้านป้านิ่ม” = 45 บาท
ค่าอาหาร “ร้านเตี๋ยวไร้เทียมทาน” = 70 บาท
ค่าน้ำเปล่าในร้านสะดวกซื้อ = 20 บาทรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 595 บาท