นครพนม..เป็นเมือง สโล๊ว์ สโลว์

SHARE!

[นครพนม..เป็นเมือง สโล๊ว์ สโลว์] ปั่น|กิน|เที่ยว > บินไปเฟี๊ยวที่ ‘นครพนม’

ถ้ามีคำถามว่า.. จังหวัดไหนในประเทศไทยที่ผมชอบที่สุด? ผมก็ต้องยกให้จังหวัดนี้ครับ “นครพนม”ชอบที่ตรงไหนน่ะเหรอ? ผมชอบที่ความสงบของเมืองนี้ครับ ประกอบกับธรรมชาติที่เอื้อให้เกิดบรรยากาศที่น่ามาพักผ่อน การที่ตัวเมืองนครพนมเองตั้งอยู่เลียบริมฝั่งโขง และสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่เลียบไปตามถนนริมฝั่งโขง  ก็ทำให้ได้อารมณ์ชิลล์ๆ สโลว์ๆ ช้าๆ ในการเที่ยวไม่น้อยเลยล่ะผมได้มีโอกาสได้ไป “นครพนม” หลายครั้ง  และในทุกๆ ครั้ง ก็ไปด้วยโปรโมชั่นสายการบิน (ส่วนมากก็โปร 0 บาท) ที่มีเส้นทางนี้มาบ่อยๆ ก็ต้องขอบคุณทุกสายการบินที่เปิดเส้นทางนี้ ที่ทำให้ได้มาสัมผัสกับจังหวัดนี้ ที่ตอนแรก “ไม่เคยคิด” ที่จะมาเลย แต่เมื่อได้มาเยือน และได้มาสัมผัส ก็ต้องยอมรับจริงๆ ครับ ว่าผมได้ หลง+รัก ที่นี่ไปเสียแล้ว  และก็หาโอกาสไปเยือนบ่อยๆ เมื่อมีโอกาส ดังนั้น .. รีวิวนี้ผม กับ ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว “นครพนม” กันครับ  โดยผมจะขอรวบรวม เรียบเรียงเรื่องราวจากหลายครั้งที่ได้ไปเยือน “นครพนม” ให้เกิดเป็นหนึ่งรีวิวตัวอย่างโปรแกรมเที่ยว ที่ให้ข้อมูลที่(น่าจะ)เข้าใจได้ง่าย และ สามารถเอาไปปรับได้เองนะครับ ^^

โปรแกรมการเดินทางเที่ยว นครพนม  2 วัน 1 คืน มีดังนี้

[DAY 1]
– เช้า เดินทางจากดอนเมือง – นครพนม
– สาย จากตัวเมืองนครพนม ไปไหว้พระธาตุพนม
– บ่าย เช่าจักรยานปั่น #ปั่นริมโขง เที่ยวตามเส้นทางริมโขง
– เย็น ล่องเรือชมสองฝั่งโขง
– ค่ำ เดินเล่นถนนคนเดิน ชิมอาหารอร่อย
[DAY 2]
– เช้า ดูพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่งโขง
– สาย ปั่นจักรยานไป บ้านลุงโฮจิมินห์
– สาย/เที่ยง นั่งเรือข้ามโขงไปเที่ยวฝั่งลาว แขวงคำม่วน
– บ่าย ชิมอาหารร้านเด็ดนครพนม ก่อนเดินทางกลับ กทม.
การเดินทางไปเที่ยว “นครพนม” จะเน้นการไปเที่ยวแบบประหยัด อยู่ง่าย กินง่าย แบบสบายๆ นะครับ จังหวัดนครพนม จะมีอะไรให้เที่ยว และให้ประสบการณ์อะไรบ้าง..?  เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา แพ็คกระเป๋า ..แบกเป้ ตามมาเลยครับ !!!ปล.1 Review นี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายครั้งที่ไปเที่ยวมานะครับ ซึ่งก็เป็นรูปแบบโปรแกรมประมาณนี้ครับ ซึ่งถ้ามีข้อมูลใดผิดพลาดไป ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะครับ

ปล.2 Review นี้เป็นการรวบรวมภาพจากหลายๆ กล้อง ทั้ง DSLR กล้องดิจิตอล กล้องมือถือ ทำให้คุณภาพของภาพอาจดูแตกต่างกันไปบ้าง คละๆ กันไปนะครับ ^^

 

“จังหวัดนครพนม” เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่ถือว่าเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์  มีความสวยงามของทิวทัศน์ มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งถ้าพูดถึงจังหวัดนครพนมแล้ว..ก็ต้องนึกถึง “พระธาตุพนม”  ที่ใครมาเยือนนครพนมแล้วต้องไปไหว้พระธาตุกันสักครั้งในชีวิต

บรรยากาศ "ริมโขง" ที่เหมาะกับการปั่นจักรยานเล่นชิลล์ๆ
บรรยากาศ “ริมโขง” ที่เหมาะกับการปั่นจักรยานเล่นชิลล์ๆ

เมื่อดูจากแผนที่จะเห็นว่า “นครพนม” นั้นมีพื้นที่ชายแดนด้านเหนือและตะวันออกของนครพนมติดกับแม่น้ำโขงตลอดแนว ซึ่งนอกจากจะเที่ยวภายในจังหวัดนครพนมได้แล้ว ยังสามารถเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาวได้อีกด้วยครับ ด้วยความที่อยู่ติดแม่น้ำโขงนี่เอง จึงทำให้นครพนมมีบรรยากาศที่น่ามาพักผ่อน สบายๆ ริมฝั่งโขง นอกจากนี้ นครพนมก็ยังมีประเพณีที่น่าสนใจครับ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ , งานนมัสการองค์พระธาตุพนม ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี เป็นต้น

นครพนม มีสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดมากมาย ที่เที่ยวหลักๆ จะอยู่บริเวณภายในตัวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์  ที่ทำให้ได้ความรู้ และประวัติความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งเลียบไปตามถนนริมฝั่งโขง และมีระยะที่ไม่ห่างกันมาก ทำให้สามารถเช่าจักรยาน #ปั่นริมโขง ได้สบายๆ เป็นวิธีท่องเที่ยวที่ประหยัด และได้สัมผัสกับบรรยากาศ วิถีชิวิตท้องถิ่น จริงๆ ครับ

การเดินทางไป “นครพนม” ทุกครั้ง ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ เรามักจะไปกับ โปร 0 บาท ของแอร์เอเชีย ซึ่งมักมีโปรฯ เส้นทางนี้ออกมาบ่อยๆ จึงทำให้การเดินทางประหยัดมากๆ ถึงแม้ว่า ต้องจองล่วงหน้านานๆ และต้องรอนานหน่อย แต่ก็คุ้มค่าดีนะ ในเมื่อต้องจองล่วงหน้านาน ด้วยความไม่แน่นอน อาจทำให้สมาชิกที่ร่วมเดินทางมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อย่างเช่น ที่จะยกตัวอย่างในครั้งนี้ ที่เคยจองเอาไว้เมื่อนานนม ยกแก๊งค์ไปเที่ยว “นครพนม” 9 คน รวมจ่ายไป 1444 บาท ก็ตกค่าตั๋วเครื่องบิน เดินทางไป-กลับ แค่คนละ 160 บาท เท่านั้น!!

แต่ทว่า.. จองไว้ ทั้งหมด 9 ที่นั่ง ถึงเวลาจริงก็มีติดภารกิจกันไปบ้าง ทำให้ได้เดินทางได้จริง แค่ 6 คนเท่านั้น (55+) ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ ออกไป ปั่น|กิน|เที่ยว บินไปเฟี้ยวที่ “นครพนม” กันครับ..

[DAY 1] – เริ่มต้นการเดินทางที่ “สนามบินดอนเมือง”

ทำเวปเช็คอินมาแล้ว แต่ไม่ได้ Print มา ก็เลยมา Re-Print อีกครั้งครับปัจจุบัน แอร์เอเชียจะมีเที่ยวบิน บินไปนครพนมวันละ 2 เที่ยวบินครับ คือ เช้า 8.30 น. กับ บ่าย 15.10 น. ซึ่งแน่นอนผมไปเที่ยวบินเช้าครับ ^^

 

ออกเดินทางกันครับ!
มิตรสหายทั้งหลายพร้อมลุย!

 

การเดินทางจาก ดอนเมือง สู่ นครพนม จะใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิดๆ ครับ

 

นั่งดูเมฆ ชมวิว แป้บเดียวก็เดินทางมาถึงแล้วครับ “สนามบินนครพนม”

จากสนามบินนครพนมจะเข้าเมืองยังไงดี? ที่สนามบินมีรถบริการรับส่งเข้าเมืองครับ หรือ ถ้าต้องการเช่ารถขับเองก็ได้เช่นกัน จะมีเคาร์เตอร์บริการอยู่ภายในสนามบินบริเวณทางออกครับ

จากสนามบินเข้าเมือง ประมาณ 10 กิโลเมตร ค่าบริการคนละ 100 บาท/เที่ยว (เก็บเบอร์เอาไว้โทรให้มารับตอนขากลับเข้าสนามบินได้ด้วยนะครับ)

จะเข้าเมืองกันด้วยรถคันนี้ครับ  (เมื่อก่อนจะเป็นรถตู้เข้าเมือง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ซะแล้ว สงสัยนักท่องเที่ยวเยอะ อิอิ)

นั่งสบายๆ เข้าเมืองครับ สามารถวนไปส่งได้ ทุกที่ ในบริเวณตัวเมือง

เพื่อความสะดวก ควรจะมีจุดหมายปลายทาง เพื่อระบุกับรถรับส่งนะครับ ว่าต้องการไปลงที่ไหน.. อาจจะเป็นโรงแรมที่จองเอาไว้ หรือ เล็งๆ ที่พักเอาไว้ รถรับส่งจะได้มาส่งได้ถึงที่เลยครับ หรือ ถ้ามาแบบลุยๆ ไม่รู้จะไปลงที่ไหนจริงๆ บางที “หอนาฬิกา” คือ.. คำตอบ 55+มาลงที่ “หอนาฬิกา”ได้ครับ ถือว่าเป็น แลนด์มาร์ก หรือ จุดนัดพบ ของนครพนมเลย แต่ถ้าให้ดี จองที่พักมา หรือ เล็งๆ ที่พักไว้จะดีกว่าครับ จะได้เช็คอิน เก็บกระเป๋าไว้ แล้วออกไปเที่ยวต่อได้อย่างสบายใจ และไม่เสียเวลา..ครับ

 

ใกล้ๆ กันกับ “หอนาฬิกา” ก็จะเป็น “ตลาดอินโดจีน” ตรงนี้จะติดอยู่กับแม่น้ำโขงเลยครับ..ตรงนี้จะเป็นแหล่งรถรับจ้าง รับ-ส่ง เลยครับ มีวินสกายแล๊ป รถจอดอยู่เพียบเลย ถ้าต้องการใช้บริการลองไปสอบถามดูได้นะครับ
แผนที่ตัวเมืองนครพนม

แผนที่ สถานที่สำคัญ และ โรงแรม
1 = หอนาฬิกา
2 = โรงแรมเฟิสท์
3 = โรงแรมตองเจ็ด
4 = ถนนคนเดิน
5 = ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ข้ามไปลาว)
6 = วัดโอกาส
7 = ตลาดอินโดจีน
8 = ร้านสบายดี@นครพนม
9 = ร้านชิลล์ๆ ริมแม่น้ำโขง(จิบเบียร์)
มานครพนมจะพักที่ไหนดี?นครพนม ภายในตัวเมืองนั้นมีที่พักให้บริการมากมายครับ ก็แล้วแต่ว่าจะชอบพักแบบไหน ใกล้ตลาด ใกล้ถนนคนเดิน อยากพักติดริมโขง อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน ซึ่งถ้าพูดถึงที่พักยอดนิยม ก็คงจะเป็น โรงแรม 777 (ตองเจ็ด) ที่คนนิยมมาพักกันมาก โรงแรมตองเจ็ด(3) จะเป็นโรงแรมที่ใหม่ และดูสะอาด แต่ไม่ติดริมโขง ต้องเดินออกมาอีกหน่อย (โดยส่วนตัวไม่เคยพักที่นี่ครับ เพราะโรงแรมเต็มตลอด มีคนมาพักเยอะมาก ในช่วงวันหยุด)” บ้านปันสุข “

แต่ที่เคยพัก และรู้สึกชอบ อยากแนะนำ ที่พักริมโขง บ้านปันสุข ครับ ชอบที่นี่ตรงที่พักอยู่ติดกับแม่น้ำโขง(มีแค่ถนนกั้น) ห้องพักสามารถ เลือกด้านหน้า(ได้วิวโขง) กับด้านหลัง (ไม่มีวิวแต่ถูกกว่า) ได้ครับ ราคาห้องไม่แพง ห้องกว้างขวาง ดูใหม่ สะอาดมากๆ พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน  มีอยู่แค่ไม่กี่ห้อง ราคาห้องจะอยู่ที่ 690/คืน (ห้องวิวโขง) และ 590/คืน (ห้องไม่มีวิว) ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ผมชอบในความเป็นกันเอง และอัธยาศัยดีของเจ้าของ ครับ ใจดีมากๆ มาพักที่นี่จึงรู้สึกสบายใจ ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านตัวเองเลย ข้างหน้าก็ได้บรรยากาศริมโขง ตื่นเช้ามาก็ มีของว่าง อาหารเช้า ปาท่องโก๋ ชา กาแฟ โอวัลติน บริการ นั่งจิบกาแฟเช้าๆ ชมวิวโขง แจ่มมากครับ (หรือถ้าจะ ยืมจักรยาน ปั่นไปซื้อของ ไปตลาดก็มีให้ยืมฟรีด้วยนะครับ) ใกล้ๆ กัน ก็เป็น “ร้านตำถาดครูริน” ครับ สั่งมาแซ่บได้อีก (เจ้าของเดียวกัน)  ถ้าชอบแบบสบายๆ กันเองๆ เหมือนอยู่บ้าน “บ้านปันสุข” ริมโขง แนะนำเลยครับ ..

อีกหนึ่งที่พัก ที่อยากแนะนำ “เฟิสท์โฮเต็ล” (2) ที่พักราคาประหยัดมากๆ อันนี้เหมาะกับการมากับก๊วนเพื่อน มาเป็นแก๊งค์ ที่ไม่เน้นความสบาย แต่เน้นราคาที่ถูกๆ ประหยัดๆ นะครับ เพราะราคาห้อง  250-300 บาท/คืน ในเมื่อมาเป็นแก๊งค์แบบนี้ก็ต้องพักที่นี่ครับ จุดเด่นคือ ที่นี่จะอยู่ติดกับหอนาฬิกา(1) เลย ซึ่งก็ติดกับถนนคนเดินเช่นกัน แบบว่า เดินออกมาไม่กี่ก้าว ก็ถนนคนเดิน(4) และย่านร้านอาหารริมโขงแล้ว สะดวกมากๆ (โรงแรมนี้ มีบริการ Free Wifi ด้วยนะครับ)

 

ตัวเมืองนครพนมจะอยู่ติดแม่น้ำโขงเลยครับ โดยมี ถ.สุนทรวิจิตร เป็นถนนเส้นหลักเลียบไปกับแม่น้ำโขงเลยมีแม่น้ำโขงเลียบเมืองอย่างนี้ ทำให้เมืองนครพนมมีบรรยากาศที่ดีมาก (ชอบๆ..^^) บริเวณนี้คือ “ลานพนมนาคา” ที่ชาวนครพนมมักมาพักผ่อน ออกกำลังกาย ในช่วงเช้าและเย็น
สุดเขตแดนสยามที่แม่น้ำโขง แห่งนี้!
ถ้ามองข้ามโขงไป ฝั่งด้านนู่นก็จะเป็น เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว ครับ ซึ่งถ้าอากาศดีๆ ก็จะมองเห็นทิวเขาสวยๆ ของฝั่งลาว เป็นบรรยากาศแบบพาโนรามาเลยล่ะ  (ถ้าเคยไปวังเวียง มาแล้ว จะคุ้นๆ กับลักษะภูเขาแบบนี้ คล้ายๆ กันครับ) วิวสวยมากจริงๆ ริมโขง ชอบบรรยากาศแบบนี้มาก ^^

บริเวณตรงนี้จะมีเรือบริการพาเที่ยว ล่องแม่น้ำโขง ด้วยนะครับ เดี๋ยว เราจะกลับมานั่งกันช่วงเย็นๆ เพราะเรือมีอยู่ตอนเย็นแค่เที่ยวเดียวเท่านั้น!

 

“วัดโอกาส” (6) เป็นวัดที่อยู่ใกล้กับ “หอนาฬิกา” ที่สุด สามารถเข้าไปไหว้พระข้างในได้ เดินไม่ไกลจากหอนาฬิกาครับ
ไปไหว้พระธาตุพนม มาเที่ยว “นครพนม” สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่พลาดเลยก็คือ การไปไหว้พระธาตุพนม  ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ ประมาณ 53 กิโลเมตร นั่นก็คือ ต้องนั่งรถออกไปนอกเมือง แต่การเดินทางไปก็ไม่ได้ลำบากนะครับ  เพราะมีรถโดยสารวิ่งระหว่าง นครพนม-พระธาตุพนม ตลอด ทั้งรถสองแถว และ รถตู้ นครพนม-มุกดาหาร(วิ่งผ่านพระธาตุ) อันนี้ก็สามารถ เลือกขึ้นได้ ซึ่งถ้าเป็นรถตู้ก็แน่นอนว่าวิ่งเร็วกว่า และราคาที่แพงกว่าหน่อย แต่ถ้าเป็นสองแถว อันนี้ก็จะได้บรรยากาศ ชมวิวสองข้างทาง  ได้คุยกับชาวบ้านที่นั่งไปด้วยกัน ก็ได้อารมณ์เข้าถึงวิถีชีวิตอีกแบบเช่นกันครับ ” โหนสองแถว “ .. กันไปครับ !

จะโหนทำไม? รถว่าง..ก็นั่งกันสิครัชช.. ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมง ค่าโดยสาร 45 บาท

นั่งกินลม ชมวิว เกือบชั่วโมง ก็เดินทางมาถึง วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร รถสองแถวก็จะสุดสายพอดี ลงรถเดินผ่านร้านขายเสื้อ และของที่ระลึก เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ก็ต้องจัดกันซักหน่อย จัดการเปลี่ยนยูนิฟอร์ม..55

อุดหนุนแม่ค้า ได้มาคนละ 1 ตัว..อิอิ

 

“พระธาตุพนม”ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง อยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  เป็นพระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ซึ่งมีความเชื่อว่าหากได้มาสักการะสักครั้ง  จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และจะมีความเจริญรุ่งเรือง..โดยทุกๆ ปีจะมีงานนมัสการองค์พระธาตุ  เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 โดยจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่บริเวณด้านหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารซุ้มประตูวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเดินเข้ามาบริเวณภายในวัด

ความสวยงามของพระธาตุพนม

สักครั้งในชีวิต..ได้มาไหว้ “พระธาตุพนม” เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ไหว้พระธาตุ ทำบุญ กันครับ ^^

 



 

พุทธศาสนิกชน เข้ามาไหว้พระธาตุ ทำบุญกันอย่างไม่ขาดสาย คนเยอะมากๆ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดครับ

นั่งพักชมบรรยากาศภายในบริเวณวัด

พุทธศาสนิกชน ถ่ายรูป กับ พระธาตุพนม เป็นที่ระลึก

มีความเชื่อกันนะครับ เกี่ยวกับการสักการะพระธาตุประจำวันเกิดให้ครบทั้ง 7 วัน  ที่มีครบทั้ง 7 พระธาตุในจังหวัดนครพนม โดยพระธาตุประจำวัน ทั้ง 7 วัน  ก็ประดิษฐานกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของจังหวัดนครพนม แต่ละพระธาตุค่อนข้างที่จะอยู่ห่างกันมาก และต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น จึงนิยมสักการะพระธาตุตามวันเกิดของตัวเองครับ ก็มี ดังนี้1. พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันอาทิตย์  ประดิษฐานที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม
2. พระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันจันทร์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร
3. พระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันอังคาร ประดิษฐานที่วัดธาตุศรีคุณ อ.นาแก
4. พระธาตุมหาชัย พระธาตุประจำวันพุธ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก
(พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ (กลางคืน)  ประดิษฐานอยู่ ณ วัดมรุกขนคร อ.ธาตุพนม)
5. พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุประจำวันพฤหัสบดี ประดิษฐานที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า
6. พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำวันศุกร์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน
7. พระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเสาร์ ประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ ถ.สุนทรวิจิตร อ.เมือง
(ป้ายบอกระยะทางพระธาตุต่างๆ จากหน้าวัดพระธาตุพนม)
ไหว้พระธาตุเสร็จก็เดินออกมาหน้าวัดครับ  ออกจากวัดเลี้ยวเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินไปขึ้นที่วินรถสองแถวครับ จากนี้..ห่างจากตัวเมืองนครพนมมา 53 กิโลเมตร

 

จากแผนที่บริเวณวัดพระธาตุพนม
1 = พระธาตุพนม
2 = ร้านอาหาร
3 = บริเวณรอรถสองแถว,รถตู้

ก่อนกลับแวะหาอะไรกินกันสักหน่อยก่อนกลับเข้าไปในตัวเมืองครับ หิวครับ..แวะหาอะไรกินสักหน่อย มื้อเที่ยงกันเลย!

มาเที่ยวริมแม่น้ำโขงแบบนี้ ก็ต้องทาน ปลาแม่น้ำโขง สิครับ สั่งเมนูปลากันมาอย่างเดียวเลย ทั้ง ปลาลวกจิ้ม ปลาทอดกรอบ ต้มยำปลา แซ่บๆ

จากนั้นก็มารอรถ เพื่อกลับเข้าตัวเมืองครับ จะเป็น วินสองแถว(3) พระธาตุ-นครพนม หรือ จะคอยโบกรถตู้ก็มีเหมือนกันครับ รถตู้ที่วิ่งมาจาก มุกดาหาร เข้า นครพนม แต่ .. ขออาศัยรถสองแถวดีกว่าครับ ได้บรรยากาศ นั่งชิลล์ รับลม 55+

 

หลังจากนั้นประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก็เดินทางเข้ามาถึงในตัวเมือง กลับมากันที่ “หอนาฬิกา” เช่นเคย (กลับมาตั้งหลักกันที่นี่เช่นเดิม อิอิ) ซึ่งในช่วงบ่ายนี้..เราจะมา “ปั่นจักรยาน” เที่ยวกัน ครับ
ตามเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของนครพนม  โดยจะเริ่มที่ “หอนาฬิกา” แห่งนี้ คือ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เป็นหอนาฬิกาที่ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนม สร้างเมื่อ พ.ศ.2503 เมื่อคราวย้ายกลับ ปิตุภูมิประเทศเวียดนาม  ถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนครพนม อันเนื่องจากเมื่อครั้งฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเดียนเบียนฟู ชาวเวียดนามได้ลี้ภัยมาอาศัยในนครพนม เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เพื่อเป็นการขอบคุณคนไทย ชาวเวียดนามจึงได้ ร่วมกันสร้างหอนาฬิกาขึ้นเพื่อระลึกถึงความมีไมตรีของคนนครพนมและคนไทย ไว้เป็นอนุสรณ์

ระยะทางจาก “หอนาฬิกา” ไปสถานที่ต่างๆ

 

แผนที่ปั่นจักยานเที่ยวนครพนม#ปั่นริมโขง1 = หอนาฬิกา
2 = หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม
3 = ร้านส้มตำคุณแต๋ว
4 = พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ (หลังเก่า)
5 = โบสถ์นักบุญอันนา หนองแสงเริ่มต้นการปั่น-ก็ต้อง “เช่าจักรยาน” ก่อนครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะร้านให้เช่าจักรยานก็อยู่ติดๆ กับหอนาฬิกานั่นเอง ร้านสีเหลือง มองเห็นเด่นชัดเลย..มีจักรยานให้เช่าคิดเป็นชั่วโมงละ 10 บาท หรือ จะคิดเป็นวันก็ได้ ในราคา 50 บาท (ซึ่งถ้าจะปั่นเกิน 5 ชั่วโมง ก็เหมาเป็นวันไปเลยครับ)เส้นทางปั่น จะปั่นเลียบริมฝั่งโขง โดยใช้ ถ.สุนทรวิจิตร ซึ่งติดกับแม่น้ำโขงเลย มีแบ่งเลนให้จักรยานปั่นด้วยครับ (สีเข้มๆ) ในภาพ และ ที่เที่ยวต่างๆ ก็อยู่ติดริมโขง แต่ละที่ตั้งไม่ห่างกันมาก ทำให้การ #ปั่นริมโขง ได้บรรยากาศมากๆ

เรามาเริ่มปั่นกันดีกว่าครับ โดยจากหอนาฬิกามาไม่กี่สิบเมตร  คือป้าย ที่ใครมาต้องแวะมาถ่ายครับ.. ป้าย @นครพนม ที่มีฉากหลังเป็น วิวแม่น้ำโขง และฝั่งประเทศลาว
จากนั้นปั่มมาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึง “หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม”

เป็นตึกสีเหลืองตั้งเด่นเห็นมาแต่ไกลครับ

 

“หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม” เป็นอาคาร 3 ชั้นแบบเรอเนสซอง  สร้างขึ้นในปี  พ.ศ. 2458  เดิมเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดนครพนม  สร้างด้วยอิฐฉาบปูน  พื้นและบันไดเป็นไม้  ตัวอาคารสีเหลือง ดูสวยงามมากครับ

อาคารแห่งนี้เคยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น  ประจำปี พ.ศ 2540 จากสมาคมสถาปนิกสยามฯ ด้วยนะครับ

ใครชอบถ่ายรูป..ไม่น่าพลาดนะ! ^^

หลังจากนั้นก็ปั่นกันต่อไป โดยระหว่างทางจะมีร้านเด็ดแนะนำครับ นั่นก็คือ ร้าน “ส้มตำคุณแต๋ว” (3) ร้านส้มตำอีสานแท้ อาหารอร่อย สะอาด บรรยากาศดี ที่มีทั้ง เมนูส้มตำสารพัดตำ ปลาเผา ไก่ย่าง (น้ำจิ้มเด็ดมากกก)
ไก่ย่างนี่ถือเป็นทีเด็ดเลยนะครับ อร่อยดี (ลืมถ่ายส้มตำไปเลย 55+)

 

น้ำจิ้มเขาเด็ดจริงๆ นะครับ แซ่บ!

สุดท้าย..ผมชอบตรงนี้นะ ที่ล้างมือ ล้างเสร็จมีผ้าเช็ดมือใหม่ๆ มาให้เช็ดโดยไม่ต้องใช้ซ้ำกับใคร มีสบู่นานาชนิด ไว้ล้างมือ ไม่มีกลิ่นติดมือแน่นอน.. สามารถปั้นข้าวเหนียว จกส้มตำกันได้เต็มที่เลย อิอิ!

 

ปั่นชิลล์ๆ เลียบริมโขงมาอีกไม่ไกล ก็มาถึง “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม”พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลในการก่อสร้างจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงครามอินโดจีน จึงมีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีประตูโค้งครึ่งวงกลมหน้าต่างโค้ง เหนือประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้น หรือแกะสลัก อาคารมีเสาเป็นเสาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ หลังคาไม่ลาดชันแม้ตัวอาคารเก่าแก่มากแล้ว แต่ยังคงรักษาสภาพไว้อย่างดี และยังคงความสวยงามจนถึงปัจจุบันเดินเข้ามาภายในอาคาร จะพบกับการย้อนตำนานแห่งความทรงจำ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า การจัดนิทรรศการแสดง รำลึกถึงพ่อเมืองนครพนมตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบัน  เป็นการรวบรวมรูปถ่าย และประวัติ พ่อเมืองนครพนมตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบัน

โต๊ะตัวนี้ สามารถมานั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ด้วยนะครับ!มีนิทรรศการ ภาพเก่าเล่าขาน จัดแสดงภาพถ่ายที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนครพนม มีทั้งประวัติศาสตร์และเรื่องราวความทรงจำของเมืองนครพนม นำเสนอเป็นวิดีโอ และสารคดี ที่น่าสนใจ และได้ความรู้ดีครับนครพนมมีวัฒนธรรมหลากหลาย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชนเผ่าต่างๆ มีประเพณีที่ดีงามสืบสานสัมพันธ์ 2 ฝั่งโขงของเก่า ของโบราณที่นำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์

 

ในอดีตจวนผู้ว่าฯ แห่งนี้ได้ผ่านภารกิจอันยิ่งใหญ่  คือการเป็นที่ประทับแรมของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรในจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความปลาบปลื้มใจแก่ชาวนครพนมอย่างยิ่ง
“คืนประทับแรม” ห้องที่ประทับเมื่อครั้งเสด็จเมืองนครพนมในคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2498
ก่อนออกจากตัวอาคารจะมีจุดจำหน่ายของที่ระลึก ครับ สามารถซื้อหาของที่ระลึก ของนครพนมได้ครับ มีทั้ง พวงกุญแจ เข็มกลัด โปสการ์ด และของที่ระลึกต่างๆยังไม่หมดแค่นั้นนะครับ..ด้านหลัง จะมีอาคารเล็กๆ อีกหนึ่งอาคารเป็นอาคาร “เฮือนเฮือไฟ”“เฮือนเฮือไฟ” ก็เป็นอาคารที่แสดงนิทรรศการ สื่อโสตทัศน์ที่แสดงถึงความเป็นทุกอย่างของเรือไฟจังหวัดนครพนม มีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ออกมาผ่านทางภาพถ่าย แสง สี เสียง จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และการสร้างเรือไฟของ จ.นครพนม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันภาพเก่า หาดูยาก เยอะมากๆ ได้ความรู้เกี่ยวกับ “ประเพณีการไหลเรือไฟ” ดีครับ

 

จากนั้นก็ปั่นมาถึงที่สุดท้ายของเส้นทางนี้ นั่นก็คือ “วัดนักบุญอันนา-หนองแสง” วัดในศาสนาคริสต์ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2469 ลักษณะเด่นของโบสถ์ก็คือมีหอคอยคู่ยอดแหลมเด่นเป็นสง่าสวยงาม โบสถ์นี้ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนท้องถิ่นแห่งนี้ครับ
ในช่วงสงครามเวียดนามโบสถ์นักบุญอันนาได้รับความเสียหายจากระเบิด แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนสวยงามมาจนปัจจุบัน
บรรยากาศภายในสงบเงียบมากๆ ครับ
ใกล้ๆ กันนั้นเป็นอาคารเก่าที่เคยใช้เป็นที่ปฎิบัติศาสนกิจของบาทหลวงนิกายคาทอลิก ก่อตั้งโดยบาทหลวงเอดัวร์นำลาภ (ภายหลังจัดตั้งเป็นมูลนิธิบาทหลวงเอดัวร์นำลาภ)
อาคารหลังนี้มีสถาปัตยกรรมแบบโคโรเนียลก่อด้วยอิฐปูน ภายนอกสีเหลืองสวยงาม สร้างราวปี ค.ศ.1952 การก่อสร้าง ใช้วัสดุก่อสร้างบางอย่างนำเข้ามาจากประเทศเวียดนาม

 

เสร็จสิ้นการ #ปั่นริมโขง เที่ยว ในระยะทางร่วมๆ เกือบ 10 กิโลเมตร ในเวลา 3-4 ชั่วโมง ก็มานั่งพักผ่อนกันริมโขงครับ เป็นระยะเวลา แดดร่มลมตก พอดี วิวธรรมชาติริมฝั่งโขง ยามเย็นแบบนี้ดีมากๆ ครับ..ชิลล์ และ อีกไม่นานก็จะเป็น กิจกรรมต่อไปของเราครับ นั่นก็คือ “การล่องเรือแม่น้ำโขง”ผมมานั่งเล่นรอขึ้นเรือที่ท่าเรือตรงข้ามกับ “ตลาดอินโดจีน” ครับ (ใกล้ๆ กับหอนาฬิกา นั่นแหละครับ) จะมีเรือล่องแค่รอบเดียวครับ คือ เวลา 17.00 น. ในราคาคนละ 50 บาท หรือถ้านอกเวลาก็เหมาได้ครับ มาหมู่คณะก็เหมาในราคา 1000 บาท (สามารถจองหรือสอบถามได้ตามเบอร์โทรในภาพนะครับ) หรือ ไปซื้อบนเรือเอาก็ได้ครับ ถ้าไม่กลัวเต็ม55+ บนเรือจะมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการด้วยนะครับ

จะล่องเรือ ชมวิว 2 ฝั่งโขง ไทย-ลาว ด้วยเรือลำนี้ครับ 50 บาทเอง..มีรอบเดียว 17.00 น ถ้าพลาดอดเลยนะ..อิอิ!

ได้เวลา 17.00 น. เรือก็ทำการออกล่องไปตามแม่น้ำโขงครับ โดยจะเลียบไปกับฝั่งไทย นครพนมก่อน บนเรือก็จะมีไกค์คอยบรรยาย ให้ความรู้ แนะนำ ประวัติความเป็นมา ของสถานที่ต่างๆ ที่ล่องผ่านครับ เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขง บรรยากาศก็สบายๆ ครับ .. สนุกดี เพลินเลย!บนเรือ มีอาหาร-เครื่องดื่มไว้บริการด้วยครับ ราคาไม่แพง กินอาหารไป จิบเครื่องดื่มไป..ชมบรรยากาศยามเย็นไป อย่างชิลล์ ครับ..อิอิ!

 

เรือแล่นเลียบไปตามฝั่ง “นครพนม” ก่อนครับชมวิวนครพนมผ่านสถานที่ ร้านอาหาร ต่างๆ ริมแม่น้ำโขง มีคนโบกมือทักทายเป็นระยะๆ
ผ่านโบสถ์ นักบุญอันนา หนองแสง ที่ปั่นมาดูเมื่อสักครู่ คราวนี้มาดูแบบทางเรือบ้าง..^^
ส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวชอบมานั่งกันบนชั้นสอง(ดาดฟ้า) ของเรือครับ อาจจะได้บรรยากาศที่สบายๆ ในมุมมองที่กว้างกว่า รับลมเย็นๆ ด้านบน ดังนั้น..ชั้นสอง จึงดูคนเยอะเป็นพิเศษครับ..ขึ้นมาชมบรรยากาศด้านบนกันหน่อย คนเยอะมาก ไม่มีโต๊ะแล้ว..ครับ แต่ก็ขึ้นมาถ่ายรูป ถ่ายบรรยากาศได้ครับ..

ยืนเล่นรับลมท้ายเรือก็ชิลล์ดีนะ..ครับ ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตก..

ลงมานั่งด้านล่างกันเหมือนเดิมครับรู้สึกด้านล่างจะนั่งสบายสุดแล้ว อิอิ!ไปอยู่ข้างบนกันหมด ข้างล่างคนเลยไม่เยอะ นั่งสบายๆ จิบเบียร์ชิลล์ๆ.. ^^

 

เรือจะใช้เวลาในการล่องทั้งหมด ประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง โดยประมาณครับ
เมื่อล่องเลียบฝั่งไทยแล้วก็ข้ามไปล่องดูวิถีชีวิตของพี่น้องฝั่งลาวกันบ้างสายน้ำแห่งชีวิต.. วิถีชีวิต สองฝั่งแม่น้ำโขงได้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ชีวิตที่เรียบง่าย ช้าๆ ไม่รีบร้อน ของผู้คนริมฝั่งโขง ได้ความรู้ และ เพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็นแบบนี้ มากครับ คุ้มค่าคุ้มราคา 50 บาทมาก ใครมานครพนมอย่าพลาดนะครับ! สนุกดี!

ขึ้นมาจากเรือแล้ว..ก็แวะมาไหว้ พระธาตุกันต่อ ที่ ถ.สุนทรวิจิตร ริมโขงนี่เอง เป็น “วัดมหาธาตุ”ที่อยู่ติดริมฝั่งโขง  ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อครั้ง สร้างเมืองนครพนม
สิ่งสำคัญภายในวัดได้แก่ “พระธาตุนคร” ลักษณะขององค์พระธาตุมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถือเป็นพระธาตุประจำวันเสาร์ (เป็นพระธาตุประจำวันเกิด ที่อยู่ในตัวเมืองไม่ต้องออกไปไกลเลยครับ) ภายในพระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ถือเป็นปูชนียสถานที่เคารพสักการะของชาวนครพนม

ใกล้กันนั้นก็มี พระอุโบสถเก่าแก่สถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่งดงามมากครับ

 

แผนที่ สถานที่สำคัญ ร้านอาหาร และ โรงแรม
1 = หอนาฬิกา
2 = โรงแรมเฟิสท์
3 = โรงแรมตองเจ็ด
4 = ถนนคนเดิน
5 = ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ข้ามไปลาว)
6 = วัดโอกาส
7 = ตลาดอินโดจีน
8 = ร้านสบายดี@นครพนม
9 = ร้านชิลล์ๆ ริมแม่น้ำโขง(จิบเบียร์)ตกดึก..ก็ได้เวลาตระเวณราตรีกันครับ.. เรามากันที่ “ถนนคนเดินนครพนม”(4) ครับ จะอยู่ที่ตรงบริเวณ “หอนาฬิกา” ..(1) ถ.สุนทรวิจิตร นี่เอง (สรุปแบบว่า อยู่แถวๆ หอนาฬิกานี่เป็นเหมือนศูนย์กลางการเที่ยวทุกที่เลย อิอิ) ถนนคนเดินจะมีเฉพาะ วันศุกร์ และ เสาร์ 2 วันเท่านั้นนะครับ ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ไปจนถึงประมาณ 3 ทุ่มครับ..

ได้เวลามา ช๊อป ชิม ชิลล์ กันแล้วพวกเรา..อิอิ!

จะมีการปิดถนนเพื่อให้ร้านค้าเข้ามาวางขายสินค้า ซึ่งก็มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้  และยังมีอาหารการกินท้องถิ่นแซ่บๆ มากมายให้ได้ลองชิม ด้วยนะ

คนจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศยามเย็นใกล้ๆ ริมโขงแบบนี้ สบายๆ ครับ

 

พามาดูของกิน ที่ “ถนนคนเดินนครพนม” กันครับ เริ่มที่ “ข้าวจี่” มีหลายรสเลย เลือกเอาตามความชอบ..เนื้อย่างครับ..แบบย่างแล้วได้กลิ่นเนื้อโชยไปไกลเลย จนต้องหยุดซื้อ อันนี้เด็ดจริงครับ.. จิ้มน้ำจิ้ม แล้วกินกับข้าวเหนียวสุดๆ..^^
มาดูขนมกันบ้าง..ทอดแทบไม่ทันเลย ต้องรอคิว ครับ
ชิมแล้วอร่อยนะครับ..ชอบเลย ^^
อันนี้เด็กๆ คงชอบ วุ้นสีสันต่างๆ ในหลอด อันละ 1 บาท
หาอะไรกินเล่นๆ ที่ถนนคนเดินกันแล้ว ก็มาหาอะไรที่มันกินจริงๆจังๆ บ้าง ฮ่าๆ เรามากันที่ “ร้านสบายดี@นครพนม” ..(8) อยู่ในถนนคนเดินนี่แหละครับ“ร้านสบายดี@นครพนม” เป็นร้านอาหารที่มีเมนูอาหารที่หลากหลายมากครับ มีเมนูแปลกใหม่ให้ได้ลิ้มลองกันตลอด ตามแต่วัตถุดิบที่มีในแต่ละฤดูกาลครับ ทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารลาว ก็มีให้เลือกชิม.. แต่ที่เด็ดก็คือ เมนูบรรดาปลาแม่น้ำโขงนี่แหละครับ ที่ต้องลอง! ร้านมีทั้งแบบ ส่วนที่เป็นห้องแอร์ และ ส่วนที่เป็นแอร์ธรรมชาติครับ ซึ่งเราก็เลือกอย่างหลัง มานั่งข้างนอก ชมบรรยากาศคนเดินผ่านไป ผ่านมา..

 

ได้เวลาอาหารมื้อเย็นอย่างเป็นทางการ..สารพัดเมนูปลา..จัดมา!

“กุ้งแช่วาซาบิ” – ก็เด็ดใช้ได้ แบบจี๊ดดด!!
และ นี่คือพระเอกของมื้อนี้เลยครับ.. ^^ ใครมาก็ต้องสั่งมาลองครับ เมนู “ปลาจุ่ม” เสริฟมาเป็น เซต ๆ.. เป็นชุดๆ ..
ปลาแม่น้ำโขงสดๆ หั่นบางๆ

 

คีบจุ่มลงไปในน้ำซุป เดือดๆ แค่แว๊บๆ สัก 4-5 วินาที ก็เอามาจิ้มน้ำจิ้มก่อนใส่ปาก เนื้อนุ่มเหนียว แบบว่าเนื้อหวานๆ ครับ .. อร่อยเลยครับ ปลาสดๆ แบบนี้!

อิ่มอร่อยกันเลยทีนี้ .. มาเที่ยวนครพนม อยากชิมปลาแม่น้ำโขง แนะนำเลยครับร้านนี้ สบายดี@นครพนม อยู่ในถนนคนเดินนี่แหละครับ หาไม่ยากครับ..

 

อิ่มจากร้าน สบายดี@นครพนม ก็ข้ามฝั่งมาอีกฝั่ง เยิ้องๆ กัน เป็นร้านอาหารเช่นกันครับ (9) แต่มีจุดเด่นที่ร้านนี้มีเบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ ให้ได้ชิมกันเป็นร้านอยู่ติดริมแม่น้ำโขงเลยครับ บรรยากาศดีมากๆ ตอนดึกๆ แบบนี้ลมเย็นๆ พัดโชยเลยล่ะครับ เห็นแสงไฟจากฝั่งลาวด้วยนั่งคุยกันจิบเบียร์ ริมโขง

ลองสั่งมาก่อนคนละ 1 ขวด

บรรยากาศ ดีๆ นั่งสนทนา เพลินๆ
เข้ากับบรรยากาศมาก อิอิ!

 

ชักเริ่มสั่งมาเยอะขึ้น แฮะ!

รู้สึกจะเริ่ม ลื่นปรื๊ดดด.. สงสัย ราตรีนี้ คงอีกยาวไกล 55+ ^^


 

เอก อี้..เอ๊ก..เอ๊กกกกก.. (ไก่ขัน) เข้าสู่วันใหม่

[DAY 2] – ยามเช้าริมโขงนครพนม

มารอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมโขงกันครับณ จุดตรงนี้ถูกเรียกว่า “หาดทรายทองศรีโคตรบูร” ครับ  เป็นหาดทรายน้ำจืดที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในภาคอีสาน โดยจะปรากฎให้เห็นในช่วงฤดูแล้งเท่านั้น  โดยปกติฤดูแล้งของภาคอีสานจะเป็นช่วงราวเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ของทุกปี  จะเห็นหาดทรายจะยื่นออกไปไกลจนกระทั่งถึงบริเวณกลางลำน้ำโขงหาดทรายนี้จะอยู่ตรงข้ามกับแขวงคำม่วน ประเทศลาว โดยในยามเช้าแบบนี้ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้านั้น นับว่าเป็นภาพที่งดงามมาก ที่ต้องมีโอกาสมาชมพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า เพราะแสงแรกของวันนั้นจะส่องแสงตกกระทบกับผืนทราย แล้วสะท้อนมาให้คนชม ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับว่า หาดทรายมีสีราวกับทอง จนได้ชื่อว่า “หาดทรายทองศรีโคตรบูร”

พระอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า บรรยากาศริมโขงยามเช้าอากาศดีมากๆ ชาวบ้าน ออกหาปลา กันแต่เช้าเลย .. ได้เห็นวิถีชิวิต ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ไม่เสียแรงเลย ที่ตื่น แต่เช้า…. อิอิ!

และแล้ว..ไม่นานพระอาทิตย์ก็ขึ้นจากขอบฟ้า เริ่มต้นกับวันใหม่ที่แสนสดใส “ณ หาดทรายทองศรีโคตรบูร”

ยามเช้าอากาศค่อนข้างเย็น .. แอบเห็นสายหมอก ที่ทิวเขาฝั่งลาวด้วย อากาศ สดชื่น มากๆ เลยล่ะครับ ^^

 

สายๆ หน่อย.. เช่าจักรยาน ปั่น มากันต่อที่นี่.. “บ้านลุงโฮจิมินห์”
แผนที่เมืองนครพนม
1 = เมืองนครพนม
2 = บ้านลุงโฮจิมินห์
3 = ทางไปสนามบิน
จะอยู่นอกเมืองมาหน่อยครับ ปั่นไปเรื่อยๆ โดยใช้เส้นทางไป สนามบินนครพนม  จากตัวเมืองมาประมาณ 6-7 กิโลเมตร จะมีซอยเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร  ก็มาถึงแล้วครับ “บ้านลุงโฮจิมินห์”

ในส่วนของบริเวณภายในบ้านฃ จะมีต้นไม้นานาชนิดที่ลุงลุงโฮจิมินห์ ได้ปลูกไว้ครับ ได้แก่ ต้นมะพร้าว หมาก พลู กล้วย และชา ซึ่งทำให้บริเวณบ้านมีบรรยากาศที่ร่มรื่นมาก
เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ อยู่อย่างเรียบง่าย
เดินเข้ามาในตัวบ้าน จะมีการจัดนิทรรศการแสดงประวัติการทำงาน และการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆของลุงโฮจิมินห์ ครับ นี่คือ .. โต๊ะทำงาน ห้องทำงานของ ลุงโฮจิมินห์

 

ประวัติของบ้านหลังนี้มีอยู่ว่า.. “อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ลุงโฮจิมินห์  ได้เคยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเจ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย  เพื่อกอบกู้เอกราชของประเทศเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2467–2474”ลุงโฮจิมินห์ เคยมาใช้ชีวิตในช่วงหนึ่งที่บ้านแห่งนี้ ภายในบ้านมีเครื่องใช้ไม้สอยที่จำลองในสมัยก่อนมากมาย เพื่อให้คงซึ่งบรรยากาศเดิม ๆ ไว้ เหมือนสมัยที่ครั้งลุงโฮจิมินห์ ได้มาอยู่ที่บ้านแห่งนี้
ภายในบ้านเต็มไปด้วยรูปถ่าย ของลุงโฮจิมินห์
บรรยากาศรอบๆ บ้านมีความร่มรื่น และ สงบเงียบ

 



มาเยือนที่บ้านลุงโฮจิมินห์ ได้เดินดูอะไรจนทั่วแล้ว ก็ปั่นกลับเข้าเมืองครับ!

 

จากนครพนมจะข้ามไปฝั่งลาว ยังไง?

จังหวัดนครพนมจะตรงกับ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (ຄໍາມ່ວນ) ซึ่งเป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาว ครับ ซึ่งการเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปนั้น ค่อนข้างที่จะสะดวกสบาย เพราะจะมีเรือข้าม ตลอดทั้งวัน ถ้ามาเที่ยวนครพนมแล้ว มีความรู้สึกอยากข้ามไปเที่ยวฝั่งลาวบ้าง ..ก็ทำตามนี้เลยครับ!เริ่มต้นจาก .. ด่านตรวจคนเข้าเมืองครับ อยู่ติดกับ “หอนาฬิกา” เลย (หอนาฬิกาอีกแล้ว..นี่เป็น จุดศูนย์กลางจริงๆ 55)
แผนที่นครพนม-ท่าแขก
1 = หอนาฬิกา
2 = ด่านตรวจคนเข้าเมือง
3 = เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง สามารถใช้พาสปอร์ตในการผ่านแดนได้ครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย และ สามารถทำใบผ่านแดน ก็ได้ครับ (ใช้แค่บัตรประชาชน แต่เสียค่าบริการประมาณ 35 บาท)

จากนั้นก็เอาพาสปอร์ต มาซื้อตั๋วเรือข้ามไปครับ เที่ยวละ 60 บาท ก็จะมีใบเอกสารขาออกประเทศแจกมาด้วยครับ ก็กรอกข้อมูลส่วนตัวไปครับ

รอบเรือทั้งหมดครับ..เที่ยวสุดท้าย 18.00 น.

 

หลังจากผ่าน ตม.ไทย ปั๊ม .. ขาออก เรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงบันได ไปขึ้นเรือครับ บันไดค่อนข้างสูงและชันมาก มีการขนส่งสินค้าทางเรือ ขึ้น-ลงตลอดเวลาเลยครับ

มานั่งอยู่ในท่าเรือด้านล่าง มีพี่น้อง ทั้งคนไทย คนลาว รออาศัยข้ามฝากกันเยอะเลยครับ

จากนั้นเรือก็มาก็ขึ้นเรือกันครับ .. บนเรือ มีแต่ที่นั่งที่เป็นเก้าอี้พลาสติกนะครับ (น่าจะเพื่อความสะดวกตอนขนส่งสินค้า) ขึ้นเรือช้าก็ได้ยืนครับ แต่ก็แค่ 15-20 นาที ยืนชมวิว แป๊บเดียว..ก็ถึงฝั่งประเทศลาวแล้ว

 

ไม่นานเรือก็ข้ามฝั่ง มาถึง ฝั่งลาว ที่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วนแล้ว ก็ลงเรือ แล้วเดินขึ้นฝั่งสิครับ… แต่ ฝั่งลาวบันไดชันกว่าฝั่งไทยอีก แบบว่ากว่าจะขึ้นไปถึงข้างบน 55+ ก็ทำการปั๊มเข้าประเทศลาวครับ จะเสียค่าธรรมเนียม 40 บาท (จ่ายเป็นเงินไทยได้ครับ)

 

เดินออกมาจากด่านลาว แล้วเลี้ยวขวา จะเห็นวินรถสกายแล๊ป มีสกายแล๊ปจอดเพียบเลยครับ แนะนำว่าถ้าอยากเที่ยวสถานที่เที่ยวใน “คำม่วน” นี้ต้องมีเวลาสักครึ่งวันครับ แล้วเหมาสกายแล๊ปไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เช่น ถ้ำ กำแพงหิน ตลาด วัด แบบนี้เป็นต้นครับ เพราะ แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างที่จะอยู่ไกลกันพอสมควร และจำเป็นต้องเหมารถ หรือ เช่ารถเที่ยวเอาครับ แต่.. ถ้าอยากแค่ข้ามมาเที่ยว เอาบรรยากาศแบบผม นี่ก็ย่อมได้ครับ ข้ามมาเที่ยวเล่น ขำขำ เดินเล่นแถวๆ ด่าน สัก 1-2 ชั่วโมงแล้วค่อยกลับ ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อิอิ!

 

เดินเล่นบนถนนเลียบฝั่งโขง จากที่เคยมอง ฝั่งลาว จาก ฝั่งไทย ตอนนี้.. ขอมามอง ฝั่งไทย จาก ฝั่งลาว ดูบ้าง

 

 

มีร้านอาหารหลายร้านอยู่ที่ริมโขง บรรยากาศรู้สึกจะดูสงบกว่าฝั่งไทยมากๆ (ฝั่งไทยว่าดูเงียบๆ แล้วนะ ที่นี่..ดูเงียบๆ กว่าอีกครับ 55)

 

 

สามสาวน้อย ซื้ออะไรกันอยู่หนอ?

 

เดินจากด่านมา 200 เมตรก็เจอวัดวัดหนึ่งครับ (อ่านชื่อวัดไม่ออก..แหะๆ) เข้าไปชมความสวยงามของวัด ลาว กันสักหน่อยครับ..

 




ใกล้ๆ กับด่าน จะเห็นโรงแรมใหญ่ อยู่ 2 โรงแรมครับ เผื่อใครสนใจข้ามฝั่งมานอนฝั่งนี้ก็ได้นะครับ..

 


 

เห็นร้านค้าเล็กๆ หลายร้านเลยครับ ตามริมโขง ลองหานั่งดูสักร้านดูดีกว่า เหมือนว่า..ไม่ค่อยมีคนเลย.. นั่งร้านนี้เป็นโต๊ะ เก้าอี้ตัวเล็กๆ นั่งริมถนน..

 

 

มาประเทศลาว ก็ต้องสั่ง “เบยลาว” สิ!

 

มีโอกาสไปเที่ยวลาวทีไร..ต้องซื้อกินตลอดเลย “ไข่ข้าว”(เมื่อก่อนไม่กล้ากินเลยนะครับ.. หลังๆ เริ่มกล้าลอง จนชินมาเรื่อย..ๆ 55+) สั่งไป 2 ฟอง ครับ 5000 กีบ (20 บาท)

 

 

ทีเด็ดเลย แกล้ม เบยลาว อย่างดี อิอิ!

 

แอบดู สาวน้อย..คนนี้ กินข้าวเหนียว กับ ปลาทอด ได้ท่าทางแซ่บมาก!

 

 

ริมโขงฝั่งลาวนี้ ค่อนข้างที่สงบ กว่าฝั่งไทยมาก ถ้ามีโอกาสลองข้ามมาเที่ยวดูเล่นๆ สักครั้งก็ได้นะครับ

 

ได้เวลาเดินทางกลับไปฝั่งไทยแล้วครับ.. ก็เดินกลับไปที่ด่านลาว (ที่ด่านมีพักเที่ยงด้วยนะครับ) ก็ทำเรื่องขาออกประเทศ เสียค่าธรรมเนียมอีก 40 บาท (เสียอีกแล้ววว..) เสร็จแล้วก็มาซื้อตั๋วเรือ ขากลับ ราคาเท่ากับขามา 60 บาท ครับ

 

 

 

แล้วก็เดินลงไปที่ท่าเรือครับ .. ตอนขาลงนี่สบายหน่อย แต่ก็ชันเหมือนกันนะครับ ท่าขึ้นเรือที่ฝั่งลาว ดูเล็กๆ กว่าที่ฝั่งไทย เหมือนกันนะ..

 

 

ลงมารอที่ท่าเรือ.. ที่นี่ก็ยังมีการ ขนส่งสินค้ากันอยู่ตลอดเวลาเลยครับ ระหว่าง ไทย-ลาว

 

 

ไม่นานก็ได้นั่งเรือกลับฝั่งไทยแล้วครับ

 

 

กลับมาสู่ “นครพนม” ป้ายเห็นเด่นชัด!

 

 

สรุปถ้าจะข้ามไปฝั่งลาว(แบบมีพาสปอร์ต) ต้องมีงบ 200 บาท อย่างต่ำครับ..!! (ค่าเรือไป-กลับ 120 บาท ค่าธรรมเนียมด่านลาว เข้า-ออก 80 บาท)

 


 

กลับมาถึง“นครพนม” จวนจะได้เวลาเดินทางกลับ กทม. แล้ว ต่อไปก็เข้าสู่โหมด ของกิน ของฝาก ละกันนะครับ..

 

แผนที่นครพนม

1 = ตลาดอินโดจีน
2 = ที่พักริมโขงปันสุข(ตำถาดครูริน)
3 = วัดมหาธาตุ
4 = ข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ
5 = ร้านเหรียญทอง(ของฝาก)

 

มาที่ ร้านข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ (4) ครับ ปากหม้อขึ้นชื่อของนครพนมเลย ราคาไม่แพง ร้านอยู่ที่ ถ.ศรีเทพ ตรงข้าม โรงแรมศรีเทพ เลยครับ สังเกตง่ายๆ

 

 

เมนูปากหม้อแบบต่างๆ

 

 

ทำแบบสดๆ ร้อนๆ เลยครับ

 

ข้าวเกรียบกรอบๆ กับ แป้งบางนุ่ม + ไส้ อันแสนอร่อย

ภาพนี้..กำลังทำปากหม้อใส่ไข่ ครับไม่นานก็เสร็จ พร้อมเสริฟ..น่ากินมั้ยครับ? บีบมะนาวใส่น้ำจิ้มหน่อย.. อร่อยเด็ดเลยล่ะครับ!!“ข้าวเกรียบปากหม้อ” – ข้าวเกรียบกรอบๆ อร่อยไม่แพ้กัน.. ^^

 

จากนั้น มาอีกหนึ่งร้าน ขอแนะนำ “ตำถาดครูริน” (2) อยู่ติดริมโขงเลยครับ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับ ที่พักปันสุข ริมโขง ที่ได้แนะนำไปข้างต้นแล้วนะครับ ถ้ามาพัก ที่ ปันสุข ริมโขง ก็จะได้กินส้มตำได้ใกล้ๆ เลยทีเดียว อิอิ!

 

 

เมนูอาหารแซ่บ..ๆ..ครับ

 

สั่งตำถาดมาครับ..ออฟชั่นเพียบ คุ้มราคา ^^


 

แถมบรรยากาศก็ดี การตกแต่งร้านก็น่านั่งครับ เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านส้มตำ และร้านกาแฟ ในร้านเดียวกันเลยครับ..

 

มานั่งตรงมุมดี ก็ดีครับ นั่งกินตำถาดแซ่บๆ พร้อมกับ.. ชมวิวแม่น้ำโขงสวยๆ

 

สุดท้าย..ก่อนกลับ ก็ต้องมาแวะซื้อของฝากที่ร้าน “เหรียญทอง” (5) ครับ อยู่ไม่ไกลจาก “ข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ” (4) เดินมาไม่กี่ก้าวก็ถึงครับ (แถวนี้มีอีกร้าน ครับ ร้านพรเทพ อาหารเช้า ใครชอบกินไข่กะทะ ไข่ลวก อาหารเช้ามาทานกันได้นะ) ร้าน “เหรียญทอง” เป็นร้านของฝาก สามารถมาซื้อของฝากได้ที่นี่ครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น พวกหมูยอ แหนม อาหารแปรรูป ต่างๆ ไว้ซื้อไปเป็นของฝากครับ..!!!

 

 

และแล้ว..ก็ได้เวลาเดินทางกลับ กทม. ครับ จากสนามบินสามารถ โทรเรียกรถให้มารับได้ครับ (รถรับส่งสนามบินตามเบอร์ที่ได้จากตั๋วตอนขามาครับ ควรโทรบอกรถล่วงหน้าหน่อยนะครับ) แล้วทางรถรับส่งเขาจะถามเที่ยวบินขากลับเรา เพราะเขาจะมารับ แค่รอบเดียวเท่านั้นครับ รถจะวนรับผู้โดยสาร ตาม โรงแรมต่างๆ ซึ่งถ้าเป็น แอร์เอเชีย ไฟล์ทเย็น เขาก็จะให้สแตนด์บายรอ ช่วงประมาณ 15.00-15.30 น. สามารถให้ไปรับได้ทุกที่ในเมืองครับ ราคา 100 บาท เท่าเดิมเหมือนตอนขามา สะดวกสบายไม่ต้องกังวลว่าจะตกรถ..ครับ ^^ จากนั้น .. ก็มาถึง “สนามบินนครพนม”เตรียมตัวเดินทางกลับกันครับ สำหรับการเที่ยวใน นครพนม นี้ก็รู้สึกประทับใจ อะไรหลายๆ อย่างเลยครับ ไม่เบื่อ ที่จะต้องมาหลายๆ รอบ ชอบวิถีชีวิตที่ช้าๆ ไม่เร่งรีบ ในบรรยากาศสบายๆ จึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยมา ลองมาเที่ยวกันนะครับ.. (นครพนมโปรถูกๆ เยอะนะครับ..อิอิ แต่ช่วงหลังๆ เหมือนจะไม่ค่อยออกมาเลยนะ 55)  ก่อนหน้า..นี้ ที่ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยคิดที่จะมาเที่ยวนครพนมเลย พอได้มาสัมผัส มาทำความรู้จักแล้ว ความคิดก็เปลี่ยนไปเลย ครับ กลายเป็น จังหวัดที่ผมรู้สึกชอบที่สุด ไปซะงั้น..55+ ก็หวังว่าเมื่อเพื่อนๆ ได้มาลองเยือนแล้วจะรู้สึก หลง+รัก ไปกับผม เช่นกัน!

 

สุดท้ายนี้.. ก็ขอขอบคุณ เพื่อนๆ ทุกท่านที่เปิดเข้ามาชม มาอ่านรีวิวนี้นะครับ ถ้ามีข้อมูลใด หรือ อะไรที่ผิด พลาดไป ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ ก็ ขออภัย ไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะครับ อย่าลืม “แชร์” รีวิวนี้ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวนครพนมกันเยอะๆ นะครับ มีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะ บ๊ายยย..บายยย.. นครพนมสวัสดี! (-/\-)

 

พิเศษ!! แจก Code ส่วนลด Booking.com 550 บาท(เมื่อจองที่พักขั้นต่ำ 1,100 บาท ขึ้นไป) สามารถจองผ่านลิ้งค์นี้ เพื่อรับเครดิตเงินคืนได้เลย! >> https://www.booking.com/s/44_6/kowit999