10 สิ่งไม่ควรพลาด เมื่อไป.. “นครพนม” | NAKHONPHANOM
ช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา.. ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว “นครพนม” บ่อยมาก ถ้าจะพอประมาณจำนวนครั้งดู ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ครั้งแล้ว ที่ไปเยือนบ่อยขนาดนั้น ส่วนหนึ่งนั้นก็น่าจะเป็นเพราะ มีสายการบินที่เปิดเส้นทางไปนครพนม และมีราคาค่าตั๋วเครื่องบินที่ถูกมาก แถม มีโปรฯ ดีๆ ให้ได้สอยได้ในราคาที่ประหยัดอย่างที่รู้กัน ทำให้การเดินทางไป “นครพนม” นั้นสะดวกสบายมากขึ้น
ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่า ผู้ที่สนใจเดินทางไป “นครพนม” นั้นสามารถค้นหาตั๋วเครื่องบินที่มีราคาประหยัด และช่วงเวลาที่โดนใจ กับสายการบินนกแอร์ ที่มี ปลายทางสู่ “สนามบินนครพนม” ได้อย่างสบายๆ ผ่าน App Traveloka หรือ จองตั๋วนกแอร์ผ่านเวปไซต์ https://www.traveloka.com/th-th/nok-air ก็สะดวกเช่นกัน จองง่าย ชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ไปเที่ยวนครพนมได้อย่างสบายใจ สบายกระเป๋าเลยครับ
และ อีกสาเหตุสำคัญอีกอย่าง ที่หลงรัก นครพนม นั้น ก็คงเป็นเพราะว่า.. รู้สึกชอบบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงเมืองนี้ ที่เหมาะกับการมาพักผ่อน มาใช้ชีวิตช้าๆ มีตึกเก่าๆ สถาปัตยกรรมสวยๆ และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชุมชนริมแม่น้ำโขงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ถ้าจะสรุป พูดง่ายๆ ก็ คือ มาเที่ยวแล้วรู้สึกสบายใจ …อะไรประมาณนั้นแหละครับ!
จากที่เคยไปเที่ยว “นครพนม” อยู่บ่อยครั้ง ในครั้งแรกๆ ก็พยายามเที่ยวให้ครบทุกที่ (ในบริเวณเขตตัวเมือง) แต่พอมาในครั้งหลังๆ มานี่.. ก็ไม่ได้เก็บครบทุกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สถานที่ที่เคยไปมาแล้ว บางสถานที่ก็ได้กลับไปเที่ยวซ้ำบ้าง และในบางครั้งก็แทบจะไม่ได้ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวไหนเลย อาศัยไปเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนเท่านั้น ซึ่งแค่ได้พักผ่อนในช่วงเวลายามเย็น นั่งเล่น นอนเล่น ริมแม่น้ำโขง หาอะไรอร่อยๆ กิน นั่งชมบรรยากาศดีๆ แค่นี้ก็ชิลล์สุดๆ แล้ว และ ถ้ามีโอกาส คงได้กลับไปเยือนอีกแน่นอนครับ
สำหรับผู้ที่สนใจไปเที่ยว หรือ กำลังหาข้อมูลไปเที่ยว จังหวัดนครพนม นั้น.. ก็มีสถานที่ท่องเที่ยว และ กิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน นครพนม เยอะแยะมากมายครับ ซึ่งผมก็ขอนำข้อมูลจากประสบการณ์ตรงที่ได้ไปสัมผัสมา รวบรวมมาเป็น “10 สิ่งที่ไม่ควรพลาด เมื่อไป.. นครพนม” เผื่อเป็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ .. นะครับ!
กิจกรรม : ไหว้พระธาตุพนม ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
ระยะเวลา : 2-3 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่าย : ประมาณ 100 บาท (ค่ารถไป-กลับ)
เมื่อมาเที่ยว “นครพนม” สิ่งแรกที่ต้องไม่พลาดเลย ก็คือ การไปไหว้พระธาตุพนม ซึ่งพระธาตุพนมนั้นก็ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ ประมาณ 53 กิโลเมตร ต้องนั่งรถออกไปนอกเมือง แต่การเดินทางไปก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะครับ เพราะมีรถโดยสารวิ่งระหว่าง นครพนม-พระธาตุพนม ตลอดวัน ทั้งรถสองแถว และ รถตู้ นครพนม-มุกดาหาร(วิ่งผ่านพระธาตุ) ซึ่งสามารถ เลือกขึ้นได้ตามความต้องการ ถ้าเป็นรถตู้ก็แน่นอนว่าวิ่งเร็วกว่า และราคาก็แพงกว่าหน่อย แต่ถ้าเป็นรถสองแถว ก็จะได้บรรยากาศมากกว่า ได้ชมวิวสองข้างทาง ตั้งแต่ตัวเมืองไปยังอำเภอธาตุพนม ตลอดทางจึงได้มีโอกาสคุยกับชาวบ้านที่นั่งไปด้วยกัน ก็ได้อารมณ์เข้าถึงวิถีชีวิตอีกแบบเช่นกันครับ รถสองแถวจะใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมง ค่าโดยสาร 45 บาท
“พระธาตุพนม” ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง อยู่ภายในบริเวณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นพระธาตุประจำผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ซึ่งมีความเชื่อว่าหากได้มาสักการะสักครั้ง จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และจะมีความเจริญรุ่งเรือง โดยทุกๆ ปีจะมี งานนมัสการองค์พระธาตุ เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 โดยจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อไหว้พระธาตุเสร็จก็สามารถเดินเล่นชมความสวยงามของวัดรอบๆ พระธาตุได้ครับ และบริเวณหน้าวัดก็มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ซึ่งถ้าจะนั่งรถกลับตัวเมืองก็สามารถขึ้นรถสองแถวได้จากหน้าวัดได้เลย โดยเดินออกจากวัดแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินไปขึ้นที่วินรถสองแถวครับ
มีความเชื่อกันนะครับ.. เกี่ยวกับการสักการะ พระธาตุประจำวันเกิด ให้ครบทั้ง 7 วัน ที่มีครบทั้ง 7 พระธาตุในจังหวัดนครพนม โดยพระธาตุประจำวัน ทั้ง 7 วัน ก็ประดิษฐานกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของจังหวัดนครพนม แต่ละพระธาตุค่อนข้างที่จะอยู่ห่างกันมาก และต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น จึงนิยมสักการะพระธาตุตามวันเกิดของตัวเองครับ!!
พระธาตุประจำวันเกิด (จังหวัดนครพนม)
1. พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันอาทิตย์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม
2. พระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันจันทร์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร
3. พระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันอังคาร ประดิษฐานที่วัดธาตุศรีคุณ อ.นาแก
4. พระธาตุมหาชัย พระธาตุประจำวันพุธ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก
(พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ (กลางคืน) ประดิษฐานอยู่ ณ วัดมรุกขนคร อ.ธาตุพนม)
5. พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุประจำวันพฤหัสบดี ประดิษฐานที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า
6. พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำวันศุกร์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน
7. พระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเสาร์ ประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ ถ.สุนทรวิจิตร อ.เมือง
กิจกรรม : ย้อนอดีตที่จวนผู้ว่าฯ นครพนม (หลังเก่า)
ระยะเวลา : 1 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่าย : 20 บาท (ค่าเข้าชม)
ถ้าอยากรู้จัก ประวัติและความเป็นมา ของจังหวัดนครพนม ต้องมาที่นี่ครับ.. พลาดไม่ได้เลย ความรู้ทั้งนั้น กับ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม(หลังเก่า) ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลในการก่อสร้างจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงครามอินโดจีน จึงมีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีประตูโค้งครึ่งวงกลมหน้าต่างโค้ง เหนือประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นแกะสลัก อาคารมีเสาเป็นเสาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ แม้ตัวอาคารเก่าแก่มากแล้ว แต่ยังคงรักษาสภาพไว้อย่างดี และยังคงความสวยงามจนถึงปัจจุบัน (เมื่อก่อนสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ปัจจุบันรู้สึกว่าจะมีค่าเข้าชม 20 บาทนะครับ)
ภายในอาคาร จะพบกับการย้อนตำนานแห่งความทรงจำ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า มีการจัดนิทรรศการแสดง รำลึกถึงพ่อเมืองนครพนมตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบัน เป็นการรวบรวมรูปถ่าย และประวัติ พ่อเมืองนครพนมตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบัน มีนิทรรศการ ภาพเก่าเล่าขาน จัดแสดงภาพถ่ายที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนครพนม มีทั้งประวัติศาสตร์และเรื่องราวความทรงจำของเมืองนครพนม นำเสนอเป็นวิดีโอ และสารคดี ที่น่าสนใจ และได้ความรู้ดีครับ และ ที่สำคัญ ในอดีตจวนผู้ว่าฯ แห่งนี้ได้ผ่านภารกิจอันยิ่งใหญ่ คือ การเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรในจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความปลาบปลื้มใจแก่ชาวนครพนมอย่างยิ่ง
ด้านหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จะมีอาคารเล็กๆ อีกหนึ่งอาคาร คือ “เฮือนเฮือไฟ” ก็เป็นอาคารที่แสดงนิทรรศการ สื่อโสตทัศน์ที่แสดงถึงความเป็นทุกอย่างของเรือไฟจังหวัดนครพนม มีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ออกมาผ่านทางภาพถ่าย แสง สี เสียง จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และ การสร้างเรือไฟของ จ.นครพนม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพเก่า หาดูยาก เยอะมากๆ ได้ความรู้เกี่ยวกับ “ประเพณีการไหลเรือไฟ” ดีครับ ซึ่งเป็นประเพณีหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากๆ มีโอกาสต้องไปดูไหลเรือไฟสักครั้งนะครับ
กิจกรรม : ข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ
ระยะเวลา : 30 นาที
ค่าใช้จ่าย : 100 บาท/คน
ร้านข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ ร้านปากหม้อขึ้นชื่อของนครพนมเลย อร่อย และ ราคาไม่แพง ไปนครพนมทีไรต้องแวะไปกินทุกทีครับ ร้านอยู่ที่ ถ.ศรีเทพ ตรงข้าม โรงแรมศรีเทพ เลยครับ หาไม่ยาก ร้านนี้ผมชอบตรงความกันเองครับ นั่งกินได้อย่างง่ายๆ สบายๆ ดูเมนู แล้วเลือกเมนูที่ชอบ อยากกินอะไรก็ไปสั่ง ได้ครับ ส่วนใหญ่ก็มักจะสั่งหลายๆ อย่าง อย่างละจานมาลองกินดู เมนูที่มีให้เลือกก็อย่างเช่น ปากหม้อธรรมดา ปากหม้อใส่ไข่ ปากหม้อไข่ดาว และ ข้าวเกรียบปากหม้อ แต่ละเมนูก็ ราคา 30-35 บาท เท่านั้น
เมื่อสั่งอาหารไปแล้ว ก็จะเริ่มทำข้าวเกรียบปากหม้อแบบสดๆ ร้อนๆ ให้เลยครับ ตัวแป้งเป็นแผ่นหนา เหนียวนุ่ม ข้างในเป็นไส้หมูสับต้นหอมรสเข้มข้น เข้ากันได้อย่างดีกับตัวแป้ง มีกลิ่นจากกระเทียมเจียวนิดๆ ใช้เวลาทำไม่นาน แป้บเดียวก็พร้อมเสริฟแล้ว ก่อนลงมือทาน ก็ต้องบีบมะนาวใส่น้ำจิ้มหน่อย.. ทีเด็ดอยู่ตรงนี้แหละ อร่อยครับ ต้องลอง!
กิจกรรม : ล่องเรือชมสองฝั่งโขง ไทย-ลาว
ระยะเวลา : 1 – 1.30 ชั่วโมง (เริ่ม 17.00 น. ของทุกวัน)
ค่าใช้จ่าย : 50 บาท/คน
ช่วงเวลา แดดร่มลมตก การได้นั่งชมวิวธรรมชาติริมฝั่งโขง เป็นอะไรที่ดีมากๆ ครับ.. รู้สึกชิลล์ดี ซึ่งก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงเวลาแบบนี้ครับ นั่นก็คือ “การล่องเรือแม่น้ำโขง” จะมีเรือล่องแค่รอบเดียว คือ เวลา 17.00 น. ในราคาคนละ 50 บาท หรือถ้านอกเวลาก็เหมาได้ครับ มาหมู่คณะก็เหมาในราคา 1000 บาท (สามารถโทรจองหรือสอบถามข้อมูลก่อก็ได้ครับ) หรือ ไปซื้อบนเรือเอาก็ได้ครับ (ถ้าไม่กลัวเต็มนะ)
เมื่อถึงเวลา 17.00 น. เรือก็จะเริ่มออกเดินทางล่องไปตามแม่น้ำโขงครับ โดยจะเลียบไปกับฝั่งไทย นครพนม ก่อน ซึ่งบนเรือก็จะมีไกค์คอยบรรยาย ให้ความรู้ แนะนำ ประวัติความเป็นมา ของสถานที่ต่างๆ ที่ล่องผ่านครับ เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำโขง ในบรรยากาศสบายๆ และ บนเรือก็มี อาหาร-เครื่องดื่ม ไว้บริการด้วยครับ ราคาไม่แพง กินอาหารไป จิบเครื่องดื่มไป..ชมบรรยากาศยามเย็นไป อย่างชิลล์ ครับ เมื่อล่องเลียบฝั่งไทยแล้วก็ลอยลำข้ามไปล่องดูวิถีชีวิตของพี่น้องฝั่งลาว ได้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ชีวิตที่เรียบง่าย ช้าๆ ไม่รีบร้อน ของผู้คนริมฝั่งโขง ได้ความรู้ และ เพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็นแบบนี้ มากครับ โดยเรือจะใช้เวลาในการล่องทั้งหมด ประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง คุ้มค่าคุ้มราคา 50 บาท มาก มานครพนม อย่าพลาดนะครับ! สนุกดี!
กิจกรรม : เช่าจักรยานปั่นเที่ยวริมโขง
ระยะเวลา : 2 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่าย : ค่าเช่าจักรยานชั่วโมงละ 10 บาท / วันละ 50 บาท
นครพนม มีสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดมากมาย ที่เที่ยวหลักๆ จะอยู่บริเวณภายในตัวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ได้ความรู้ และ ประวัติความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งเลียบไปตามถนนริมฝั่งโขง และมีระยะที่ไม่ห่างกันมาก ทำให้สามารถเช่าจักรยาน #ปั่นริมโขง ได้สบายๆ เป็นวิธีท่องเที่ยวที่ประหยัด และได้สัมผัสกับบรรยากาศ วิถีชิวิตท้องถิ่น จริงๆ ครับ
ซึ่งการ “เช่าจักรยาน” ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะร้านให้เช่าจักรยานก็อยู่ติดๆ กับ “หอนาฬิกา” แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองนครพนมนั่นเอง จะมีร้านเช่าจักรยานป้ายสีเหลืองๆ มองเห็นเด่นชัดเลย.. มีจักรยานให้เช่าคิดเป็น ชั่วโมงละ 10 บาท หรือ จะคิดเป็นวันก็ได้ ในราคาวันละ 50 บาท (ซึ่งถ้าจะปั่นเกิน 5 ชั่วโมง ก็เหมาเป็นวันไปเลยครับ)
สำหรับการปั่นจักรยานแล้ว เส้นทางปั่น จะปั่นเลียบริมฝั่งโขง โดยใช้ ถ.สุนทรวิจิตร ซึ่งติดกับแม่น้ำโขงเลย ปัจจุบันนี้ มีแบ่งเลนให้จักรยานปั่นด้วยครับ จัดการจราจรใหม่ เพื่อลดอุบัติเหตุจากใช้ถนนร่วมกัน และ ที่เที่ยวต่างๆ ก็อยู่ติดริมโขง แต่ละที่ตั้งไม่ห่างกันมาก ทำให้การปั่นริมโขง ได้บรรยากาศมากๆ ตามเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของนครพนม โดยจะเริ่มที่ หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ปั่นเลียบโขงไปเรื่อยๆ ไปต่อที่ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม, พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และไปสิ้นสุดที่ วัดนักบุญอันนา-หนองแสง ระยะทาง ประมาณ 2 กิโลเมตร ปั่นได้ชิลล์ๆ สบายๆ ครับ
กิจกรรม : นั่งเรือข้ามโขงไปฝั่งลาว เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
ระยะเวลา : 2 ชั่วโมง – 1 วัน
ค่าใช้จ่าย : 200 บาท ขึ้นไป (ค่าเรือไป-กลับ 120 บาท ค่าธรรมเนียมด่านลาว เข้า-ออก 80 บาท)
ถ้าได้ลองนั่งเล่นริมโขงแล้วมองไปทางฝั่งลาว จะเห็นทิวเขาที่เป็นฉากหลังสวยงามมากครับ ซึ่งจังหวัดนครพนมนั้น จะตรงกับ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (ຄໍາມ່ວນ) ของประเทศลาว อยู่ใกล้ลาวแค่เอื้อมแบบนี้หลายคนก็คงมีความรู้สึกที่อยากจะข้ามไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศที่ฝั่งลาวบ้าง ซึ่งถ้าหากพอมีเวลาก็อยากจะแนะนำให้ลองข้ามไปเที่ยวดูนะครับ ไม่มีพาสปอร์ตก็ไปเที่ยวได้ (ทำเรื่องผ่านแดนที่ ตม. ตรงหอนาฬิกาได้เลย) และการเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปนั้น ค่อนข้างที่จะสะดวกสบาย เพราะจะมีเรือข้าม ทุกครึ่งชั่วโมง ตลอดทั้งวัน
เริ่มต้นที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ติดกับหอฬิกา) สามารถใช้พาสปอร์ตในการผ่านแดนได้ครับ (พาสปอร์ตไม่เสียค่าใช้จ่าย) และ สามารถทำ ใบผ่านแดน ก็ได้ครับ (ใช้แค่บัตรประชาชน แต่เสียค่าบริการประมาณ 35 บาท) จากนั้นก็เอาพาสปอร์ต มาซื้อตั๋วเรือข้ามไปครับ เที่ยวละ 60 บาท ก็จะมีใบเอกสารขาออกประเทศแจกมาด้วยครับ ก็กรอกข้อมูลส่วนตัวไปครับ ทำเรื่องผ่าน ตม. ไทยแล้ว จากนั้นเรือก็ลงเรือเพื่อข้ามฝั่ง ใช้เวลาแค่ 15-20 นาที ยืนชมวิว แป๊บเดียว..ก็ถึงฝั่งประเทศลาวแล้ว ทำการปั๊มเข้าประเทศลาวครับ จะเสียค่าธรรมเนียม 40 บาท (จ่ายเป็นเงินไทยได้ครับ)
แนะนำว่าถ้าอยากเที่ยวสถานที่เที่ยวใน “ท่าแขก” นี้ต้องมีเวลาอย่างน้อยสักครึ่งวันครับ แล้วเหมาสกายแล๊ปไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เช่น ถ้ำ กำแพงหิน ตลาด วัด แบบนี้เป็นต้นครับ เพราะ แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างที่จะอยู่ไกลกันพอสมควร และจำเป็นต้องเหมารถ หรือ เช่ารถเที่ยวเอาครับ แต่.. ถ้าอยากแค่ข้ามมาเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศสัก 1-2 ชั่วโมง นี่ก็ย่อมได้ครับ มีวัดที่พอเดินไปเที่ยวได้ หรือ ลองหาอะไรกินในร้านอาหารเล็กๆ ริมโขง ..ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ
สรุป ถ้าจะข้ามไปฝั่งลาว(แบบมีพาสปอร์ต) ต้องมีงบ 200 บาท อย่างต่ำครับ..!! (ค่าเรือไป-กลับ 120 บาท ค่าธรรมเนียมด่านลาว เข้า-ออก 80 บาท)
กิจกรรม : ลองชิมอาหารเวียดนาม ณ ครัวเวียดนาม
ระยะเวลา : 1 ชั่วโมง (ร้านเปิด 10.00-22.00 น.)
ค่าใช้จ่าย : 50-200 บาท
ในอดีต สมัยยุคของสงครามอินโดจีน และ สงครามเวียดนาม นครพนมเคยมีชาวเวียดนามส่วนหนึ่งอพยพเข้ามาอาศัยหลบภัยสงครามอยู่ระยะหนึ่ง จึงทำให้นครพนมได้รับ วัฒนธรรมเวียดนามมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรม ตึกรามบ้านช่อง หรือ วัฒนธรรมต่างๆ รวมไปถึงอาหารการกินด้วย
นครพนม มี ร้านแหนมเนือง(อาหารเวียดนาม) ให้ลองชิมอยู่หลายร้านเหมือนกันครับ แต่ขอแนะนำร้านนี้ละกันครับ เพราะเมนูหลากหลาย และร้านติดแอร์นั่งเย็นสบายดีครับ ราคาไม่แพง ชื่อร้าน ครัวเวียดนาม จาก “หอนาฬิกา” ไปตามเส้น “เฟื่องนคร” ประมาณ 100-200 เมตร จะถึงแยกที่มี 7-11 ตรงหัวมุม แล้วเลี้ยวซ้ายเลยครับ ร้านจะอยู่ตรงข้าม เยื้องๆ กับ 7-11 นั่นเองครับ หรือ จะเดินมาก็ได้นะครับ จากตรง หอนาฬิกา(ถนนคนเดิน) เดินมาร้านก็ไม่ได้ไกลอะไรครับ ถึงแยก 7-11 แล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะเห็นร้านครับ
บรรยากาศภายในร้านจะประดับด้วย “งอบ” ที่เป็นสัญลักษณ์ของเวียดนาม เป็นงอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เคยเห็นกันบ่อยๆ เป็นงอบใบเล็กๆ ประดับอยู่ที่ฝาผนังร้าน ในร้านดูโปร่ง สว่าง สะอาดตาดีครับ มีคนวนเวียนเข้ามาทานอาหารในร้านกันพอสมควรเลย โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ เมนูอาหาร มีทั้ง อาหารไทย และ อาหารเวียดนาม ส่วนเมนูที่แนะนำก็ อย่างเช่น แหนมเนือง, หมูยอ, บุ๋นบี่, เฝอ เป็นต้น แต่ที่ร้านจะมีเมนูพิเศษที่ไม่ได้มีรายการอาหารด้วยนะครับ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในฤดูกาลนั้นๆ ซึ่งถ้าไปถูกช่วงก็มีอาหารแปลกตาให้ได้ลองเหมือนกันนะ
เมนูแรกที่ต้องสั่งก็ต้อง “แหนมเนือง” ครับ แต่ที่นี่มี “แหนมเนืองห่อสำเร็จ” ด้วยครับ น่าจะประมาณว่าทานสะดวก ไม่ต้องใช้มือเพราะห่อสำเร็จมาให้เลย ขนาดพอดีคำ ราดน้ำจิ้มแล้วกินได้เลย แต่ผมว่าการใช้มือหยิบกินนี่มันจะรู้สึกอร่อยนะ หยิบผักเติมนั่น เติมนู่นเอง มันได้อารมณ์กว่าเยอะ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ล่ะ! ลองแบบห่อสำเร็จมาบ้าง ก็สะดวกดีอย่างที่ว่าเหมือนกัน .. ห่อมาเป็นคำๆ เลย กินง่ายดี ชุดละ 120 บาท เอง!
ขึ้นชื่อว่าอาหารเวียดนามก็ต้องมีหมูยอ เป็น “หมูยอรวม” ลวกมา พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ชุดละ 180 บาท หมูยอนี่รู้สึกจะมีอยู่ 3 อย่างครับ จิ้มกับน้ำจิ้ม ที่คล้ายน้ำจิ้มซีฟู๊ด เปรี้ยวๆ หวานๆ ผมว่าเมนูนี้อร่อยเลยล่ะ ด้วยส่วนตัวชอบกินหมูยออยู่แล้วอ่ะนะ
เมนูต่อมา อันนี้รู้สึกจะหากินยากหน่อย ไม่มีในรายการอาหาร มีในบางช่วงฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งเมนูไหนที่มีบางช่วงฤดูกาลก็จะมีพนักงานคอยแนะนำให้ครับ ซึ่งก็น่าลองเหมือนกันเป็น “ปลาเอินต้มเค็ม” (180 บาท) เป็นปลาแม่น้ำโขงประเภทหนึ่งครับ ที่จับมาได้แบบสดๆ ในบางช่วงฤดูกาลเท่านั้น มานครพนม ไม่ต้องห่วงครับ ได้กินปลาแม่น้ำสดๆ อย่างแน่นอนครับ! อันนี้ต้องทานกับข้าวสวยครับ ถึงจะพอเหมาะ.. เพราะรสค่อนข้างหนักไปทางเค็มนิดๆ และก็ควรทานคู่กับผักสดด้วยนะครับ เข้ากันดีเหมือนกันครับ
กิจกรรม : ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ หาดทรายทองศรีโคตรบูร
ระยะเวลา : ประมาณ 1 ชั่วโมง (05.45 – 06.30 น.)
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
ในช่วงริมโขงใกล้ๆ กับตัวเมือง ณ จุดตรงนี้ถูกเรียกว่า “หาดทรายทองศรีโคตรบูร” ครับ เป็นหาดทรายน้ำจืดที่สวยงามมากแห่งหนึ่งจะปรากฎให้เห็นในช่วงฤดูแล้งเท่านั้น โดยปกติฤดูแล้งของภาคอีสานจะเป็นช่วงราว เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ของทุกปี จะเห็นหาดทรายจะยื่นออกไปไกลจนกระทั่งถึงบริเวณกลางลำน้ำโขง หาดทรายนี้จะอยู่ตรงข้ามกับ แขวงคำม่วน ประเทศลาว โดยในยามเช้าแบบนี้ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้านั้น นับว่าเป็นภาพที่งดงามมาก เพราะแสงแรกของวันนั้นจะส่องแสงตกกระทบกับผืนทราย แล้วสะท้อนแสงมา ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับว่า หาดทรายมีสีราวกับทอง จนได้ชื่อว่า “หาดทรายทองศรีโคตรบูร” บรรยากาศริมโขงยามเช้าอากาศก็ดีมากๆ ชาวบ้าน ออกหาปลา กันแต่รุ่งสาง .. ได้เห็นวิถีชิวิต ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ไม่เสียแรงเลย ที่ ตื่นแต่เช้า ….แน่นอนครับ!
กิจกรรม : ลองชิมหลากหลายเมนูปลาแม่น้ำโขง
ระยะเวลา : 1-2 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่าย : 100 บาท/คน ขึ้นไป
มาเที่ยวริมแม่น้ำโขงแบบนี้ ก็ต้องทาน ปลาแม่น้ำโขง สิครับ ที่นครพนม จะเห็นร้านอาหารที่เป็นเมนูปลาแม่น้ำโขงเยอะแยะมากมาย ใกล้กับแหล่งน้ำขนาดนี้ จึงทำให้มีโอกาสได้ลิ้มลองกับหลากหลายเมนูปลาแม่น้ำโขงเลย ที่รับรองความสด ปลาสดๆ จากแม่น้ำโขง ซึ่งปลาแต่ละชนิด.. ก็มีให้ได้ทานเฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น
ยกตัวอย่างร้านนึงที่เคยไปทาน “ร้านสบายดี@นครพนม” สาเหตุ เพราะร้านนี้ค่อนข้างไปมาสะดวก ร้านหาง่าย อยู่ในถนนคนเดินถนน เส้นริมโขงนี่เอง ที่เคยสั่งเมนูปลา ก็อย่างเช่น ปลาลวกจิ้ม ปลาทอดกรอบ ปลาราดพริก ต้มยำปลา เป็นต้น เป็นร้านอาหารที่มีเมนูอาหารค่อนข้างหลากหลายครับ มีเมนูแปลกใหม่ให้ได้ลิ้มลองกันตลอดปี ตามแต่วัตถุดิบที่มีในแต่ละฤดูกาลครับ ทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารลาว แต่ที่เด็ดก็คือ เมนูบรรดาปลาแม่น้ำโขงอย่างที่บอกไปนี่แหละครับ ที่ต้องลอง!
แนะนำเมนูที่ห้ามพลาดครับ ใครมาก็ต้องสั่งมาลอง เมนู “ปลาจุ่ม” ปลาแม่น้ำโขงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ เสริฟมาเป็นชุดพร้อมผัก และ เครื่องเคียง คีบจุ่มลงไปในน้ำซุป เดือดๆ แค่แว๊บๆ สัก 4-5 วินาที ก็เอามาจิ้มน้ำจิ้มก่อนใส่ปาก เนื้อหวานเหนียวนุ่ม.. อร่อยเลยครับ ปลาสดๆ แบบนี้!
กิจกรรม : เดินเล่นถนนคนเดินนครพนม
ระยะเวลา : 1-2 ชั่วโมง (ทุกวัน ศ. ส. และ อา. เวลา 18.00 – 21.00 น.)
ค่าใช้จ่าย : ตามความสะดวก
ในเวลาค่ำคืนออกย่ำราตรีกันได้ ที่ “ถนนคนเดินนครพนม” จะอยู่ที่ตรงบริเวณ “หอนาฬิกา” ถ.สุนทรวิจิตร ริมแม่น้ำโขงนี่เอง (สรุปแบบว่า หอนาฬิกานี่เป็นเหมือนศูนย์กลางการเที่ยวทุกที่เลย) ถนนคนเดินจะมีเฉพาะ วันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ 3 วันเท่านั้นนะครับ เริ่มตั้งร้านขายของ กันตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ไปจนถึงประมาณ 3 ทุ่มครับ
ถนนคนเดินนครพนม ก็จะมีลักษณะเหมือนกับ ถนนคนเดินที่อื่นๆ ทั่วไป ซึ่งจะมีการปิดถนนเพื่อให้ร้านค้าเข้ามาวางขายสินค้า ก็มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ และยังมีอาหารการกินท้องถิ่นแซ่บๆ มากมายให้ได้ลองชิม ถ้าอยากได้บรรยากาศควรจะมาเที่ยวนครพนมในช่วงหน้าหนาว เพราะบรรยากาศที่ริมโขงจะดีมากๆ การได้เดินถนนคนเดินก็จะได้บรรยากาศที่เหมาะ อากาศหนาวๆ เดินเล่น ซื้อของกิน เดินไป กินไป ช๊อป ชิม ชิลล์ ได้อารมณ์ดีครับ
และ บริเวณนี้เองก็เป็นที่ตั้งของร้านกินดื่มหลายร้านเหมือนกันครับ ถ้าเดินถนนคนเดินจนจุใจแล้ว ก็หาร้านนั่งชิลล์ ฟังเพลงสบายๆ จิบเบียร์ บางๆ ในบรรยากาศริมโขงได้ครับ
สุดท้าย.. นอกเหนือจากที่ได้รวบรวม “10 สิ่งที่ไม่ควรพลาด เมื่อไป.. นครพนม” มาข้างต้นแล้ว ก็อยากบอกว่า.. นครพนมยังมีอะไรให้เราไปรู้จักมากกว่านี้อีกเยอะแยะมากมาย ยังมีอีกหลายสถานที่ที่ยังไม่ได้ไปเยือน..
และ การได้มาเที่ยว “นครพนม” ทำให้รู้สึกประทับใจ อะไรหลายๆ อย่างเลยครับ ไม่เบื่อ..ที่จะมาหลายๆ รอบ ชอบวิถีชีวิตที่ช้าๆ ไม่เร่งรีบ ในบรรยากาศของธรรมชาติริมฝั่งโขง ชิลล์ๆ สบายๆ ซึ่งถ้ามีโอกาส.. ต้องได้กลับไปเยือนอีกแน่ๆ ครับ!
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9