คิดถึงคอทเทจ : โฮมสเตย์บรรยากาศน่ารัก ณ เกาะกลาง จ.กระบี่
รู้มั้ย? ว่า.. “ความคิดถึง” มันหน้าตาเป็นเช่นไร..
ฉันไม่รู้หรอก.. แต่ฉันก็รู้สึก..
ไม่บ่อยนัก.. ที่ในทุกๆ การเดินทาง จะทำให้ผมหวน “คิดถึง” สถานที่ท่องเที่ยว หรือ สถานที่เดิมๆ ที่เคยไปมา ทั้งนี้.. ความรู้สึกดังกล่าวที่เกิดขึ้นมานั้น อาจเป็นเพราะว่า สถานที่เหล่านั้น เป็นที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายใจ และผ่อนคลาย จนทำให้เกิดความรู้สึก “คิดถึง” ที่จะไปสถานที่นั้นๆ อีกครั้ง
และ 1 ในนั้น ก็คือ.. “คิดถึงคอทเทจ” โฮมสเตย์น่ารักๆ บรรยากาศสบายๆ ตั้งอยู่ บน เกาะกลาง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่หนึ่งที่ทำให้รู้สึก “คิดถึง” อยู่เสมอ ด้วยความที่อยู่ท่ามกลางชุมชนที่ผู้คนเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใจ จึงทำให้ที่นี่รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ประกอบกับธรรมชาติโดยรอบที่ยังอุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะที่จะมาพักผ่อน และเรียนรู้วิถีชุมชนกันสักครั้ง..
บ้านแห่งความทรงจำ ที่ทำให้กลับมา เพราะความ…”คิดถึง”
ผมได้รู้จักกับ พี่มัตถ์ และ พี่มูนา เจ้าของโฮมสเตย์น่ารักๆ แห่งนี้ ซึ่งจากการพูดคุยกันจึงทำให้ผมได้รู้เรื่องราว และวิถีชีวิตต่างๆ ของชาวบ้านที่ชุมชนเกาะกลาง ที่ถือว่า.. ยังคงรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ และก็ยังมีอีกหลายมุมที่น่าสนใจ จนมาถึงความเป็นมาของ “คิดถึงคอทเทจ” ที่ผมคิดว่า.. จะต้องมีเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ ก่อนที่จะเปิดมาเป็นโฮมสเตย์เปิดให้เข้าพักอย่างเช่น ปัจจุบัน
ซึ่ง พี่มัตถ์ ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ว่า..
“.. หลายครั้งที่เพื่อนๆ หรือญาติๆ จากกรุงเทพฯบ้าง เชียงใหม่บ้าง อุดรฯบ้าง แวะมาเยี่ยมเยียนก็จะรู้สึกประทับใจในบรรยากาศ ความร่มรื่น ความอบอุ่น และวิถีของเกาะกลาง …เสมือนที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศของพวกเขากันเลยทีเดียว
แต่แล้ววันนึง เมื่อทุกคนในครอบครัวต่างต้องทยอยย้ายกันไปอยู่ในตัวเมืองด้วยหน้าที่การงาน รวมทั้งผมและมูนาด้วยที่ต้องไปทำงานสถาปัตย์ของตัวเอง ทุกคนจึงจำใจปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้
ตลอดเวลา 1 ปีที่แทบไม่มีใครในครอบครัวได้กลับมาดูแล แต่ยังพอได้ยินข่าวคราวจากคนในเกาะและคุณครูโรงเรียนข้างๆบ้านบอกผ่านมาว่า…“บ้านน่าสงสาร”
จนวันนึงที่เป็นจุดพลิกความคิด เมื่อญาติจากกรุงเทพฯ ลงมาเที่ยวที่กระบี่ แล้วแวะมาเยี่ยม “บ้าน” เหมือนเช่นเคยแล้วบอกว่า…ใจหาย สลดใจ ภาพแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและคิดถึงบรรยากาศแบบครั้งก่อนๆที่เคยเจอ
ย้อนกลับดูตัวเองว่า ในขณะที่เรากำลังพัฒนาอสังหาฯและทรัพย์สินให้คนอื่นๆ แต่กลับทิ้งเรื่องราวและรากเหง้าของตัวเองให้รกร้าง แบบนี้มันไม่ใช่แน่ๆ… ถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่างกับบ้านแห่งความทรงจำหลังนี้แล้ว และ มูนา ก็เห็นด้วยเพราะบ้านหลังนี้ก็มีบรรยากาศที่ทำให้มูนาคิดถึงบ้านเกิดที่ขอนแก่นด้วยเช่นกัน
จึงเป็นที่มาของ “คิดถึง” เพราะคือความรู้สึกของเราเองที่ห่างหายบ้านหลังนี้มาตั้งแต่มัธยมต้นจนทำงาน คือ ความประทับใจของใครหลายๆคนที่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนกัน และ เราก็ยังมีหลายเรื่องราวที่อยากจะบอกเล่า และเชื่อว่าจะทำให้คนอื่นๆได้ “คิดถึง” ที่แห่งนี้เช่นกัน..”
เป็นเรื่องราวที่ได้ฟังจาก พี่มัตถ์ ที่ ทำให้รู้สึกว่า.. ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ที่พักเพียงชั่วคราว ที่มาแวะพักแล้วก็กลับไป แต่สำหรับที่นี่.. นอกจากจะได้มาพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แล้ว.. เราก็จะได้ ความผูกพัน และ มิตรภาพดีๆ กลับไปอีกด้วย..
ตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ เมื่อมาพักที่ “คิดถึงคอทเทจ“
- กิจกรรมทำขนมแบบท้องถิ่น
มาพักที่ “คิดถึงคอทเทจ” จะได้เรียนรู้วิธีการทำขนมแบบท้องถิ่น จากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น ได้ลองลงมือทำด้วยตัวเอง
- การชิมอาหารเมนูท้องถิ่น
หลากหลาย เมนูท้องถิ่น รสชาติ จัดจ้านแบบปักษ์ใต้แท้ๆ ปรุงสุดฝีมือ จาก พี่มูนา เจ้าของโฮมสเตย์ “คิดถึงคอทเทจ”
- กิจกรรมหาหอยมาทำอาหาร
ยามเช้า ออกไปทำกิจกรรมหาหอย เพื่อมาทำเป็นอาหารเมนูต่างๆ ซึ่งหอยที่เก็บมาก็มีอยู่หลายประเภท เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุกดีนะ!
- กิจกรรมระบายสีโปสการ์ดโดยใช้สีจากธรรมชาติ
กิจกรรมสบายๆ ในโฮมสเตย์ สร้างสรรค์ผลงาน การทำโปสการ์ด โดยใช้สีที่ได้จากธรรมชาติ มาวาดลวดลายระบายไปตามจินตนาการ
การเดินทาง จาก กระบี่ สู่ ชุมชนเกาะกลาง
การเดินทางจาก ตัวเมืองกระบี่ ไปยัง ชุมชนเกาะกลาง สามารถนั่งเรือไปได้ 2 ท่า คือ
1. ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ค่าโดยสารประมาณ 10 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ชาวบ้านมักจะใช้ท่าเรือนี้ ซึ่งเรือจะมาจอดที่ ท่าเรือท่าเล(เกาะกลาง) แล้วต่อมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เพื่อเข้าสู่ “คิดถึงคอทเทจ”
2. ท่าเรือเจ้าฟ้าฯ จะอยู่บริเวณใกล้กับลานปูดำ ขึ้นที่ท่าเรือนี้จะสะดวกกว่า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ราคาแล้วแต่ตกลง เรือจะมาจอดที่ ท่าเรือท่าหิน(เกาะกลาง) ที่อยู่ติดกับร้านอาหารบ้านม๊ะหญิง แล้วเดินเข้าไปอีกไม่เกิน 100 เมตร ก็จะถึง “คิดถึงคอทเทจ”
เพื่อความสะดวก ผมใช้บริการจาก ท่าเรือเจ้าฟ้าฯ ที่อยู่ใกล้กับ ลานปูดำ ถึงแม้เรือข้ามสู่เกาะกลางอาจจะไม่มีตารางเวลาที่แน่นอน แต่ก็จะเห็นเรือข้ามไปมากันแทบจะตลอดเวลา นั่งเรือชมบรรยากาศไม่ถึง 15 นาที ก็มาถึงท่าเรือท่าหิน เดินออกจากท่าเรือ มาไม่เกิน 100 เมตร ก็จะเห็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ แต่ดูอบอุ่น น่าอยู่.. อยู่ทางขวามือ และนี่ล่ะ คือ.. คิดถึงคอทเทจ
เดินเข้ามาเจอกับ เจ้าถิ่น ของที่นี่.. เป็นเจ้าบ้านที่คอยนั่งเฝ้าบ้านอย่างดีไม่มีหนีหายไปไหน
พี่มัตถ์ กับ พี่มูนา ต้อนรับด้วยขนมท้องถิ่น ที่ผมไม่เคยลิ้มลองที่ไหนมาก่อน
ด้วยความที่ “คิดถึงคอทเทจ” อยู่ท่ามกลางชุมชน จึงได้เห็นรอยยิ้ม และมิตรภาพดีๆ จากคนในชุมชน
“คิดถึงคอทเทจ” เป็นบ้านสองชั้น ที่ต้องอยู่ร่วมกันกับเจ้าของบ้าน ชั้นล่างจะเป็นห้องโถง เปิดโล่ง มีมุมพักผ่อนนั่งเล่นนอนเล่น
ที่นี่จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน หากเกิดอาการง่วงนอน ก็มาหลบงีบได้สบายๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง
มุมไว้สำหรับนั่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆ
ส่วนของ ห้องครัว ที่ไว้ใช้ประกอบอาหาร ซึ่งสามารถนำวัตถุดิบมาประกอบอาหารได้เอง หรือ มาเรียนรู้วิธีการประกอบอาหารแบบท้องถิ่นของที่นี่ก็ได้
ยาสามัญประจำบ้าน ป่วย เป็นไข้ ไม่สบาย สบายใจได้ หายห่วง
มุมนั่งเล่นที่อยู่ในบริเวณบ้าน จากวัสดุธรรมชาติ ใช้สำหรับนั่งเล่น หรือ นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน
ความพิเศษอย่างหนึ่ง ของการมาพักที่นี่ ก็คือ จะได้ทานอาหารท้องถิ่น ที่บางเมนูอาจไม่เคยลิ้มลองจากที่ไหนมาก่อน อย่างเช่น อาหารมื้อเช้า (รวมกับค่าที่พักแล้ว) มื้อนี้..ผมได้ทานขนมจีน ที่มีน้ำยารสจัดจ้านพร้อมเครื่องเคียง ไก่ย่างแบบสูตรท้องถิ่น พร้อมด้วยผลไม้ เป็นเซตอาหารเข้าที่ดูน่ารัก น่ารับประทานดี..
หรือ อาหารมื้อเที่ยง ซึ่งแม้ไม่ได้รวมอยู่ในค่าที่พัก(แต่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้) ก็จะได้ลองทานอาหารพื้นบ้านที่หลากหลายขึ้น ซึ่งเมนูอาหารต่างๆ เหล่านี้ ก็ได้วัตถุดิบที่สด ใหม่ จากภายในชุมชนเกาะกลางนี้เอง นำมาประกอบอาหารโดยฝีมือของ พี่มูนา ซึ่งทุกเมนูอร่อยทุกอย่างจริงๆ แต่ที่ดูจะถูกใจผมที่สุด ก็คงจะเป็น.. ปลากระเบนทอดกระเทียม กับ หอยหลักไก่ต้มตะไคร้ อร่อยสุดยอดเลยล่ะ!
ตบท้ายด้วยของหวานเย็นๆ ดับความร้อนของบรรยากาศภายนอกกันสักหน่อย..
ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองไปหาอะไรทานนอกบ้านกันบ้าง เดินไม่ไกลจาก “คิดถึงคอทเทจ” พี่มัตถ์ กับ พี่มูนา พาผมมาที่ร้านส้มตำ ริมน้ำ ที่อยู่ติดกับท่าเรือนี่เอง เป็นร้านส้มตำแบบง่ายๆ ปูเสื่อนั่งพื้น บรรยากาศแบบสบายๆ
หลังจากคุ้นเคย ร้านส้มตำสไตล์อีสาน มานักต่อนัก.. ก็ขอลองมาทานร้านส้มตำแบบภาคใต้กันบ้าง มีเมนูน่าสนใจ อย่างเช่น ตำแตงกวา ลาบไก่ ไก่ทอด ซึ่งความพิเศษของไก่ทอดร้านนี้ก็คือ จะไม่ทอดทิ้งไว้.. นอกจากจะสั่งถึงจะทอดให้เป็นชิ้นๆ ไป ได้ไก่ทอดแบบร้อนๆ มาทานแน่นอน .. และก็ ที่นี่จะโรยกระเทียมเจียวมาบนข้าวเหนียวด้วย ..ก็ได้รสชาติไปอีกแบบเหมือนกันครับ!
ยามเย็น ที่ คิดถึงคอทเทจ มีบริการเตาปิ้งย่าง บาร์บิคิว ไว้บริการด้วย จะซื้อของสดมาเอง หรือ ติดต่อสอบถามกับพี่มัตถ์ไว้ก่อนก็ได้ และ ยามดึก หากรู้สึกหิว พี่มัตถ์ ก็แนะนำ ร้านโรตี ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล มีทั้งโรตีหลากหลายไส้ จะใส่กล้วย ใส่นม ..ก็ตามใจชอบ พร้อมด้วยเครื่องดื่มต่างๆ อย่างเช่น นมแพะอินทผาลัม ที่ดื่มให้สบายท้องก่อนนอน..
ห้องพัก ของ คิดถึงคอทเทจ
ห้องพัก ภายในบ้าน จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ห้อง ตามความต้องการของผู้เข้าพัก ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ พักผ่อนได้อย่างสบาย บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านจริงๆ ซึ่งรูปแบบห้องต่างๆ แบ่งได้ ดังนี้
1. ห้องเตียงเดี่ยว สำหรับ 2 คน ภายในห้อง มีเตียงขนาดใหญ่สำหรับนอน 2 คน พร้อมโต๊ะไว้นั่งทำงาน
2. ห้องครอบครัว สำหรับ 4 คน ภายในห้อง มีเตียงขนาดใหญ่สำหรับนอน 2 คน และ เตียง 2 ชั้น
3. ห้องก๊วนแก๊ง มาแบบกลุ่มเพื่อน 6 คน ภายในห้อง มีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง นอนได้ทั้งหมด 6 คน ได้อารมณ์เหมือนนอนหอพักสมัยเรียน
ทั้งนี้.. สามารถเลือกเข้าพัก ได้ตามความต้องการ ซึ่งค่าที่พักก็ราคาไม่แพง โดยจะคิดเป็นคน คนละ 550 บาท(รวมอาหารเช้า) เท่านั้น!
กิจกรรมท่องเที่ยว บน เกาะกลาง
มาถึงชุมชนเกาะกลางทั้งที ก็ต้องออกไปเรียนรู้วิถีชุมชุน เที่ยวรอบเกาะกลางกันสักหน่อย ซึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง? ก็ลองตามมาดูกันครับ!
ชมวิถีชีวิตชาวประมงชุมชนเกาะกลาง
นั่งเรือออกมาชมวิถีชีวิตชาวประมงการจับสัตว์น้ำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ซึ่งรูปแบบในการจับสัตว์น้ำก็แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท โดยใช้วิธีการจับที่หลากหลาย เช่น การทอดแห ซึ่งใช้วิธีการทอดแห เพื่อจับกุ้ง ได้กุ้งกันมาเยอะเลยทีเดียว
นั่งเรือพลีสไปลอบปู
เรือพลีส เป็นเรือขนาดเล็กกะทัดรัด นั่งได้ 2 คน มีความยาวประมาณ 3 เมตรครึ่ง กว้าง 75 เซนติเมตร ทำด้วยไม้ และติดเครื่องยนต์ไว้ด้านหลัง สามารถใช้พายก็ได้(ตอนอยู่น้ำตื้น) หรือใช้เครื่องยนต์ก็ได้(ตอนอยู่น้ำลึก) แล้วแต่สถานการณ์ เพราะ ขนาดเรือที่เล็กจึงแทรกตัวไปได้ทุกที่ เพื่อไปทำการวาง ลอบปู โดยใช่เหยือล่อเอาไว้ภายใน แล้วปล่อยทิ้งไว้ จากนั้นเมื่อได้เวลาก็เข้าไปเก็บอีกรอบ ได้ปูตัวใหญ่มาเยอะเหมือนกัน..
หาหอยริมหาด
เป็นกิจกรรมหาหอยในบริเวณชายหาดที่น้ำลด ในช่วงเช้า หรือ เย็น หอยที่พบส่วนมาก เช่น หอยหลักไก่ หอยจุ๊บแจง หอยหวาน หอยปากหนา หอยแครง เป็นต้น สามารถใช้มือเปล่าจับได้เลย ซึ่งหอยที่ได้มา จะนำมาประกอบอาหาร โดยมีเมนูที่น่าสนใจอย่าง หอยต้มตะไคร้ ซึ่งได้ลองชิมแล้ว กินเพลินเลยทีเดียวล่ะ ต้องลอง!
การสักหอย
การ “สักหอย” ซึ่งเป็นวิธีการหาหอยที่น่าสนใจ ของวิถีชุมชนบ้านเกาะกลาง โดยขั้นตอนการสักหอย จะนำไม้แหลมกลมๆ ยาวพอเหมาะ มาเดินแทงลงบนพื้นชายหาด เพื่อให้กระทบกับเปลือกหอย ซึ่งต้องใช้วิธีสังเกตกันพอสมควร..
การผลิตเรือหัวโทงจำลอง
ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเรือหัวโทงจำลอง เกาะกลาง กลุ่มนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการสืบสานวิถีชีวิตของชาวเกาะกลางสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันเริ่มพบเห็นได้น้อยลง เรือหัวโทงแบบดั้งเดิมเริ่มจะหายไป ชาวบ้านเลยรวมกลุ่มกันเพื่อทำเรือหัวโทงจำลองขึ้น เพื่ออนุรักษ์ และพัฒนา เรือหัวโทงจำลอง จนมาเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน..
การทำผ้าปาเต๊ะ
การรวมกลุ่มกัน เพื่อผลิตผ้าปาเต๊ะ ส่งขายหารายได้เสริม ขั้นตอนการผลิตผ้าปาเต๊ะ ตั้งแต่เริ่มต้นจากผ้าสีขาว นำมาปั๊มลายด้วยเทียน แล้วนำมาขึงให้ตึง วาดลวดลายเติมสีสันลงไป จากนั้นต้องทิ้งไว้ 1 วันให้สีแห้ง ก่อนจะนำไปย้อมทั้งผืน แล้วผึ่งให้แห้งอีกครั้ง ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะออกมาไว้จำหน่าย สร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งนี้.. สามารถทดลองทำผ้าปาเต๊ะขนาดเล็กได้ ในราคา 50 บาท นำมาลงสีสันได้ตามใจชอบ..
การแข่งขันนกกรงหัวจุก
จะมีการแข่งขันนกกรงหัวจุก ในทุก วันศุกร์ และ วันอาทิตย์ หากสนใจสามารถแวะไปดูได้ครับ
ข้าวสังข์หยด
ข้าวสังข์หยดของชาวเกาะกลาง เป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว โดยคนในชุมชนเอง ซึ่งมีความพิเศษตรงที่พื้นที่ปลูกข้าวนั้นมีความเค็มของน้ำทะเลผสมอยู่ ทำให้มีความแตกต่างจากที่อื่น หุงแล้วนุ่ม มีรสชาติดี และ มีคุณค่าทางอาหารสูง
โป๊ะน้ำตื้น
โป๊ะน้ำตื้น เป็นวิธีการจับปลาโดยอาศัยน้ำขึ้น น้ำลง อุปกรณ์ก็มี.. อวนขนาดยาวขึง เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่มาก เปิดโล่งไว้หนึ่งด้าน พอช่วงน้ำขึ้นปลาก็เข้ามาว่ายเวียนวนอยู่ข้างใน แต่พอถึงช่วงน้ำลง น้ำค่อยๆ ลดลงช้าๆ บรรดาปลาทั้งหลาย ก็ค่อยๆ ไหลไปกองรวมกันตรงมุมปลายอวนที่อยู่ลึกที่สุด.. ที่เรียกว่า ลูกขัง ข้างในจะเต็มไปด้วยสัตว์น้ำที่มากองรวมกัน อย่างปลา ปูม้า หมึกกล้วย กุ้ง เป็นตัน
ปัจจุบัน ทางการได้สั่งให้ชาวบ้านยุติการจับสัตว์น้ำด้วยวิธีนี้ เพราะ ทำให้สัตว์น้ำตัวเล็กๆ หรือ ตัวโตไม่เต็มที่ ถูกจับไปด้วย แต่ทั้งนี้.. ก็หาทางออกร่วมกันโดยการผ่อนปรนให้ใช้อวนตาข่ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อไม่ให้สัตว์น้ำตัวเล็กๆ ถูกจับไปด้วย
ชมพระอาทิตย์ตก
กิจกรรมส่งท้ายยามเย็น.. ด้วยการไปชม พระอาทิตย์ตก นั่งมองทะเล ท้องฟ้าสวยๆ ในบรรยากาศเงียบสงบ ดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าไป
จะเห็นว่า.. กิจกรรมท่องเที่ยวบนเกาะกลางมีมากมาย.. ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และ ฤดูกาล ด้วย บางกิจกรรม ต้องอาศัยน้ำขึ้น น้ำลง ต้องไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งโดยรวมๆ แล้วก็รู้สึกสนุก แถมได้ความรู้ไปในตัวด้วยครับ ทั้งนี้.. กิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรงกับพี่มัตถ์ได้เลยนะครับ (คิดถึง คอทเทจ – kidthung cottage)
การได้มาเยือน “เกาะกลาง” และได้มีโอกาสมาพักที่ “คิดถึงคอทเทจ” ในครั้งนี้ ทำให้ผมได้รับประสบการณ์มากมาย และได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ในการมาเที่ยววิถีชุมชนของจังหวัดกระบี่ ผมได้มิตรภาพที่ดีจากเจ้าบ้าน อย่าง พี่มัตถ์ และ พี่มูนา ที่คอยดูแลอย่างดี เหมือนเป็นคนหนึ่งในครอบครัว รู้สึกอบอุ่น และมีความสุขมากๆ ซึ่งถ้ามีโอกาสต้องกลับเยือนอีกครั้งแน่นอน.. ครับ!
และ.. หากใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางวิถีชุมชน เช่นนี้ ก็ขอแนะนำเลยครับ แล้วจะ.. เข้าใจ ความหมายที่ว่า.. กี่ครั้ง.. ก็ยัง “คิดถึง”
ติดต่อ : คิดถึงคอทเทจ
Tel : 081 494 7470
E-mail : kidthung.cottage@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/kidthung.cottage
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com