พาไปปั่น/กิน/เที่ยวแบบ Slow life ที่ หลวงน้ำทา สปป.ลาว
มันเริ่มขึ้น จากบทสนทนาแชทกลุ่มบน Facebook ที่คุย เรื่องสัพเพเหระตามประสาของกลุ่มเพื่อนผู้ชาย คุยกันเรื่อยเปื่อย จนมาถึงเรื่องออกทริปกัน เมื่อมีใครคนหนึ่ง เสนอ ขึ้นมาว่า.. ไปเที่ยว “ลาว” มั้ย?
วันที่สอง – เที่ยวในเมืองหลวงน้ำทา (หรือ ไปเที่ยวที่เมืองสิงห์ด้วย)
วันที่สาม – เดินทางทั้งวัน ในการเดินทางกลับ
(ดูเหมือน จะเหนื่อยเลยนะครับ ฮ่าๆ ใช้เวลาไปกับการเดินทางอย่างเดียวเลย)รีวิวนี้จึง เป็นรีวิวสั้นๆ.. ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะพาไปเที่ยว “หลวงน้ำทา” แบบสบายๆ นะครับ อาจจะเก็บที่เที่ยวไม่ครบทุกที่ เป็นทริปที่ออกเที่ยว ไปหาที่สงบๆ พักผ่อน เสียมากกว่า.. ทริปนี้ผมออกเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คน ครับ รวมเป็นทั้งหมด 3 คน ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ เราก็ทำการบ้านมาพอสมควรกับการเดินทางในเส้นทางนี้ แต่ก็อย่างว่า ตามข้อมูล ที่รอบรถ จากข้อมูลในอินเตอร์เนต อาจจะไม่ได้อัพเดต หรือมีการเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องอาศัยไปดูที่ “หน้างาน” เอาครับ ตามสถานการณ์จริงๆ ดังนั้น.. เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา… แบกเป้ ออกเดินทาง ไปกับพวกเรา กันเลยครับ.. !!!
มาดูรอบรถ ตามข้อมูลรู้สึกจะมีรถโดยสารระหว่างประเทศ จากเชียงราย ข้ามไปถึง บ่อแก้ว(ลาว)
ขณะนี้เวลาประมาณ 11.00 น. เราพลาดรถเที่ยวเช้าเข้าบ่อแก้ว อย่างจัง!! จะมีอีกทีก็ตอนช่วงบ่ายๆ ซึ่งถ้าถึง “บ่อแก้ว” แล้ว ก็ไม่น่าจะทัน รอบรถ จากบ่อแก้ว ไป หลวงน้ำทา อย่างแน่นอนในขณะ ที่ยังคิดว่าจะเอายังไงต่อดี แต่แล้ว..ก็ได้ยินเสียงสวรรค์ พี่พนักงานขายตั๋ว ตะโกนถามมาว่า …“จะนั่งยาวไป หลวงน้ำทาเลยมั้ย? มีรถ เชียงใหม่-หลวงพระบาง จะแวะมาที่นี่ มีที่นั่งว่างพอดี” เราตกลงโดยทันทีเลยครับ รถจะมาถึงตอนเที่ยงตรง ได้นั่งยาวจากเชียงรายไปถึงหลวงน้ำทาเลย ไม่ต้องไปต่อรถที่บ่อแก้ว ก็สะดวกสบายดีเหมือนกันนะ..
ซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย ก็หาข้าวหาปลากินกันครับ อาจจะใช้เวลาเดินทางนานหน่อยกว่าจะถึง ต้องกินให้อิ่มเต็มที่กันไปเลย..ไม่นานนักรถก็มาถึงครับ ตรงเวลาเป๊ะ! เป็นรถ เชียงใหม่ – หลวงพระบาง ครับ
ตั๋วจากเชียงราย ไป หลวงน้ำทา ราคา 500 บาท คิดว่าคุ้มเหมือนกันนะครับ ไม่ต้องไปต่อรถ หรือ ลงเรือข้ามฝั่ง ให้เสียเวลา นั่งยาวๆ ไปถึง หลวงน้ำทา เลย.. ต้องใช้พาสปอร์ต ในการซื้อตั๋วด้วยนะครับ..
บนรถจะระบุที่นั่งมาเลยครับ ที่ใครที่มัน ไม่มีแย่งกันแน่นอน นั่งพอเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึง “ด่านเชียงของ” รถจะจอดให้เราเอาพาสปอร์ตไป ปั๊ม เพื่อออกนอกเมืองครับ..
เสร็จแล้วก็นั่งรถ ข้าม สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย(บ่อแก้ว) ข้ามไปยังด่านฝั่งลาว รถก็จอดให้เราไป ปั๊มพาสปอร์ต เพื่อเข้าลาวช่วงนี้เป็นช่วงที่เสียเวลาค่อนข้างมากครับ เป็นชั่วโมงเลย กว่าจะเสร็จกันหมดทุกคน
ขาดไม่ได้ เมนูหลัก “ส้มตำ+ผัดหมี่”
พวกลูกชิ้นปิ้งย่าง ไม้ละ 2000 กีบ (8 บาท)อาหารที่ลาว ขึ้นชื่อว่า แพงอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเมืองไหน 55+ (แต่ก็รับได้อยู่นะ ฮิฮิ^^)
เผื่อใครสนใจจะซื้อหาเป็นของฝากได้..^^อย่างเช่น “สุราบ่อแก้ว” ขวดนี้ 20000 กีบ หรือ 80 บาท
ถ้ามีโอกาสคงได้มาเยือนอีกรอบนะ และคงได้ผ่านไปเที่ยวถึงเมืองงอยด้วย (เพราะครั้งนี้ไปไม่ถึง 55+) และ คงได้มีโอกาสผ่านไปเที่ยวจีน (ในอนาคต ฮิๆ) ก็เป็นรีวิวสั้นๆ ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ พาไปเที่ยว แบ่งปันข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนๆ ที่สนใจไปเที่ยวกันนะครับ อย่าลืมกดแชร์ชวนเพื่อนๆ ไป Slow Life กันได้นะ!! ..ขอจบรีวิว การเดินทางเที่ยว “หลวงน้ำทา” เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณที่เข้ามาชมกันนะครับ..ไว้เจอกัน ทริปหน้าเด้อ ซี ยู อะ เกน.. สะบายดี!