เที่ยว ฟุกุโอกะ และ คิวชูเหนือ เที่ยวง่าย วางแผนเที่ยวเองได้สบาย

SHARE!

Fukuoka (2023) ได้กลับมาเยือน “ฟุกุโอกะ” อีกครั้ง! เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ “ภูมิภาคคิวชู” ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงอาหารการกินที่มีเมนูอร่อยมากมาย แม้จะมากี่ครั้ง รับรองว่า.. ไม่มีเบื่อแน่นอน

และ “ฟุกุโอกะ” ครั้งนี้ เราได้กลับมาเยือนในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ ที่บรรดาดอกไม้มากมายเริ่มเบ่งบานอวดสีสันให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็น “ซากุระ” หรือ “ทิวลิป” รวมถึงดอกไม้อีกหลายสายพันธุ์ สภาพอากาศก็สบายๆ ถ่ายรูปสนุก เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เหมาะแก่การเที่ยวเป็นอย่างมาก ลองตามมาเที่ยวไปด้วยกันนะ

จองตั๋วรถไฟ JR KYUSHU PASS ได้ที่นี่!

ไปฟุกุโอกะไปกับแอร์เอเชีย

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว #ฟุกุโอกะ และภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ในทริปนี้ เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai AirAsia เส้นทางบินตรงจาก “ดอนเมือง” (DMK) สู่ “ฟุกุโอกะ” (FUK) ประเทศญี่ปุ่น เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และบินตรงเวลา โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 5 ชั่วโมง 40 นาที เท่านั้น

● DMK – FUK : FD 236 : 23.25 – 07.05

● FUK – DMK : FD 237 : 08.15 – 11.45

จองได้ที่ : https://www.airasia.com/th/th

มาขึ้นเครื่องที่ “สนามบินดอนเมือง” หลังจากสำรองที่นั่งเรียบร้อย ก่อนออกเดินทาง แนะนำให้ทำ Web Check in มาก่อนล่วงหน้า เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบิน ก็แค่มาตรวจเอกสาร และโหลดสัมภาระเท่านั้น ส่วนตัวชอบมาขึ้นที่ดอนเมืองแบบนี้ เพราะคนน้อยดี ไม่แออัด ในขั้นตอนการตรวจสัมภาระ หรือผ่าน ตม. ก็ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

ในระหว่างเดินทาง บนเครื่องก็จะมีพนักงานต้อนรับมาคอยให้บริการอย่างดี มีบริการจำหน่ายอาหารหลากหลายเมนู (ถ้าช่วงเข้าหน้าร้อนแบบนี้ ก็แนะนำ เมนูข้าวเหนียวมะม่วง / ชานมไข่มุก) เดินทางถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย ตามเวลาที่กำหนด มาถึงฟุกุโอกะในช่วงเช้า ก็พร้อมเที่ยวต่อได้เลย

และ การเดินทางใน “ฟุกุโอกะ” และ ภูมิภาคคิวชูเหนือ เราใช้บัตร JR Northern Kyushu Rail Pass ซึ่งเป็นพาสโดยสารรถไฟ JR ในพื้นที่คิวชูเหนือได้อย่างไม่จำกัด(แบบ 5 วันต่อเนื่อง) สามารถนั่งรถไฟท้องถิ่น, รถไฟด่วนพิเศษ และรถไฟชินคันเซ็น(คิวชูชินคันเซ็นเส้นทางระหว่างฮากาตะและคุมาโมโตะ) โดยมีพื้นที่บริการเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อย่างเช่น Fukuoka, Yufuin, Beppu, Kumamoto, Saga, Nagasaki, Kokura เป็นต้น

นอกจาก JR Northern Kyushu Rail Pass (คิวชูเหนือ) แล้ว ก็ยังมี JR Southern Kyushu Rail Pass (คิวชูใต้) และ JR All Kyushu Rail Pass(ทั่วภูมิภาคคิวชู) ทั้งแบบ 3 วันและ 5 วัน ให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการอีกด้วย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ JR Kyushu Rail Pass และจองออนไลน์ผ่าน Klook ได้ที่นี่!

PASS ที่เกี่ยวข้องสำหรับท่องเที่ยวใน FUKUOKA(KYUSHU)

FUKUOKA

ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruin) ปราสาทเก่าแก่ ในบรรยากาศแวดล้อมด้วยสวนอันร่มรื่น ซึ่งที่นี่เป็นปราสาทที่เคยถูกทำลาย จนปัจจุบันเหลือเพียงซากของกำแพงและฐานของหอคอยเล็กๆ เท่านั้น

● การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน มาลงที่สถานี Ohorikoen Station

และ ในบริเวณใกล้เคียงกับ ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruin) จะมีสวน Maizuru Park แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งในช่วงเวลาปลายเดือนมีนาคมแบบนี้ ดอกซากุระ กำลังบานสะพรั่งสวยงาม เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของเมืองฟุกุโอกะ

Uminonakamichi Seaside Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศถูกล้อมรอบด้วยทะเล มีพื้นที่กว้างขวาง โดยมีความยาวรอบด้านถึง 6 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้ง่ายจากตัวเมืองฟุกุโอกะ (ค่าเข้าชม : 450 เยน)

ภายใน จะมีโซนต่างๆ อย่างเช่น สวนสนุก สนามเด็กเล่น สวนดอกไม้ตามฤดูกาล พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ รวมถึงยังมีโซนสวนสัตว์ขนาดเล็ก(มีคาปิบาร่าด้วยนะ) ที่เด็กๆ สามารถมาชมความน่ารักของสัตว์ต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ทั้งครอบครัว

และ ในช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ บริเวณของสวนดอกไม้ ก็จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เพราะจะได้ชมความสวยงามของดอกไม้หลากชนิด ซึ่งนอกจาก ที่นี่จะเป็นจุดชมดอกซากุระ(Sakura) ของเมืองฟุกุโอกะแล้ว ยังมี ทิวลิป(Tulip), เนโมฟีล่า (Nemophila) และดอกไม้อื่นๆ ให้ชมอีกด้วย

● การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Hakata Station มาลงที่สถานี Uminonakamichi Station 海ノ中道駅 (ค่าโดยสาร 480 เยน) สามารถใช้พาส JR Northern Kyushu Rail Pass ขึ้นได้

Nokonoshima Island เกาะในจังหวัด #ฟุกุโอกะ ซึ่งเกาะแห่งนี้จะขึ้นชื่อเรื่อง “สวนดอกไม้” ที่มีให้ชมในแต่ฤดูกาล (มีสวนดอกไม้หมุนเวียนให้ชมตลอดทั้งปี!) เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่มักจะมีผู้คนมาปิคนิค นั่งกินลม ชมวิว ในบรรยากาศสบายๆ กัน

การเดินทาง : จาก เมืองฟุกุโอกะ(Fukuoka) เริ่มต้นที่ใจกลางเมือง ที่ สถานี JR Hakata สามารถเดินทางเป็น 3 ช่วง คือ

● รถบัส : จาก ป้ายรถบัส Hakata – ป้ายโนโกะโทเซ็นบะ สาย 301, 302 / หรือ จาก ป้ายหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน Meinohama Sta. North Entrance สาย 98

● เรือเฟอร์รี่ : จาก ท่าเรือเมโนฮามะ – ท่าเรือเกาะโนโกะโนะชิมะ (460 เยน) ใช้เวลานั่งเรือข้ามเกาะ 15 นาที

● รถบัส(บนเกาะ) : จาก ท่าเรือเกาะโนโกะโนะชิมะ – สวนดอกไม้ไอแลนด์พาร์ค (240 เยน)

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ Nokonoshima Island ก็จะดอกไม้ให้ชมอย่างเช่น “ดอกซากุระ” และ “ดอกนาโนะฮานะ” รวมถึง “ดอกทิวลิป” ที่มีการจัดสวนตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีมุมสำหรับถ่ายรูปเล่นกับสวนดอกไม้เพียบเลย

● ค่าเข้าชม Nokonoshima Island Park : ผู้ใหญ่ 1,200 เยน / เด็ก 600 เยน

นอกจากนี้ ในฤดูกาลอื่นๆ ก็สามารถมาเที่ยวชมดอกไม้บนเกาะ Nokonoshima แห่งนี้ได้ อย่างเช่น

● ดอกบ๊วย ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถึง ต้นเดือนมีนาคม

● ดอกซากุระ / ดอกนาโนะฮานะ สิ้นเดือนมีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน (พันธุ์โยชินะ และโอชิมะ)

● ดอกไฮเดรนเยีย เดือนมิถุนายน

● ดอกทานตะวัน ปลายเดือนกรกฏาคม ถึง ปลายเดือนสิงหาคม

● ดอกคอสมอส ต้นเดือน ถึง กลางเดือนตุลาคม

● ดอกซัลเวีย เดือนสิงหาคม ถึง ต้นเดือนธันวาคม ฯลฯ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม ดอกไม้ที่มีให้ชมในแต่ช่วงฤดูกาล ได้ที่นี่ : http://nokonoshima.com/en/

YUFUIN, OITA.

YUFUIN NO MORI ขบวนรถไฟสุดคลาสสิค ชมบรรยากาศธรรมชาติระหว่างทางสู่เมืองน่ารักอย่าง “ยูฟุอิน”

สำหรับการเดินทางไป Yufuin สามารถเดินทางไปด้วยรถไฟ โดยมีขบวนยอดนิยมอย่าง YUFUIN NO MORI ที่วิ่งระหว่าง Hakata Station(Fukuoka) ไป Yufuin Station ซึ่งเป็นขบวนที่ขึ้นชื่อว่าจอง(เวลาที่ถูกใจ)ได้ยาก และต้องจองล่วงหน้าร่วมเดือนเลยทีเดียว ถึงจะได้เวลาของเที่ยวรถที่เหมาะสมกับการเดินทาง

YUFUIN NO MORI ขบวนรถไฟสุดคลาสสิค ที่มีการตกแต่งได้อย่างสวยงาม พร้อมบริการต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

ภายใน ขบวนรถไฟมีที่นั่งที่กว้างนั่งสบาย มีหน้าต่างที่ใหญ่ สามารถมองเห็นวิวระหว่างทางได้อย่างชัดเจน มีตู้โดยสารที่มีบาร์เล็กๆ สำหรับจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกเกี่ยวกับ YUFUIN NO MORI

และ ยังมีพนักงานที่คอยให้บริการรถเข็นขายอาหารและเครื่องดื่ม มาบริการถึงที่นั่งอีกด้วย กินขนมไป จิบเครื่องดื่มไป พร้อมชมวิวไปด้วยเพลินมากเลย เป็นขบวนรถไฟที่ต้องหาโอกาสมานั่งกันสักครั้งนะ

วิธีการจอง YUFUIN NO MORI

1. ในทริปนี้ ใช้พาส JR Northern Kyushu Rail Pass โดยจองออนไลน์ล่วงหน้าผ่าน Klook เมื่อสั่งซื้อเรียบร้อยจะได้เลขของใบจองมาเป็น KLOOK Voucher(E-Ticket issued by KLOOK)

2. นำเลขใบจองที่ได้ KLOOK Voucher(E-Ticket issued by KLOOK) ไปจองที่นั่งของ YUFUIN NO MORI ในเว็บไซต์ของ https://kyushurailpass.jrkyushu.co.jp/reserve/

3. กรอกรายละเอียดข้อมูล ผู้โดยสาร วัน เวลา เดินทาง เพื่อจองที่นั่ง ซึ่งจะมีค่าบริการจองที่นั่ง = 1,000 เยน/ที่นั่ง สามารถดูวิธีการกรอกข้อมูลโดยละเอียดได้ที่นี่ https://www.jrkyushu.co.jp/english/booking/manual_e.pdf

4. หลังจาก ได้รับอีเมล์ยืนยันการจองที่นั่งแล้ว ในวันเดินทาง ตอนไปแลกพาสที่ JR Ticket Office เจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วสำหรับ YUFUIN NO MORI ให้ด้วย ก็เตรียมไปขึ้นรถไฟตามเวลาที่จองมาได้เลย

5. YUFUIN NO MORI จะให้บริการวิ่งระหว่าง สถานี Hakata Station(Fukuoka) กับ สถานี Yufuin Station ใช้เวลาเดินทางในแต่ละเที่ยว 2 ชั่วโมง

● Hakata – Yufuin : Yufu No.1 (7:43) / Yufuin no Mori No.1 (9:17) / Yufuin no Mori No.3. (10:11) / Yufu No.3 (12:13) / Yufuin no Mori No.5 (14:38) / Yufu No.5 (18:30)

● Yufuin – Hakata : Yufu No.2 (9:07) / Yufuin Mori No.2 (12:01) / Yufu No.4 (14:15) / Yufin no Mori No.4 (15:56) / Yufuin no Mori No.6 (17:11) / Yufu No.6 (19.26)

ปล.สามารถใช้พาส JR Northern Kyushu Rail Pass ขึ้นได้

ยูฟุอิน (Yufuin) เมืองเล็กๆ ในจังหวัด โออิตะ(Oita) เป็นอีกเมืองที่มีบรรยากาศน่ารัก น่าเที่ยว ที่หลายคนต้องหาโอกาสมาเยือนกันสักครั้ง ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ และสิ่งปลูกสร้างที่ได้บรรยากาศกลิ่นอายของยุโรป มีร้านค้า ร้านอาหารน่ารักมากมาย และมีมุมถ่ายให้ได้มาถ่ายรูปเล่นกัน

นอกจาก จุดเช็คอินยอดนิยม อย่าง Yufuin Floral Village แล้ว แนะนำให้เดินไปริมแม่น้ำ Oita River ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล (จากหน้าสถานี Yufuin Station เดินต่อประมาณ 700 เมตร) ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระบาน บรรยากาศชิลๆ ริมแม่น้ำ มีฉากหลังเป็นทิวเขา จะได้ชมทั้งซากุระบาน(สีชมพู) และดอกนาโนะฮานะ(สีเหลือง) สีสันตัดกันสวยงาม มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นเพียบเลย

KUMAMOTO

ปราสาทคุมาโมโตะ” (Kumamoto Castle) แลนด์มาร์คและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง(นั่งชินคันเซ็นจาก Fukuoka แค่ 38 นาที เท่านั้น)

● การเดินทาง : จาก Fukuoka ขึ้นรถไฟ Shinkansen ที่สถานี Hakata Station มาลงที่ Kumamoto Station ใช้เวลา 38 นาที (สามารถใช้พาส JR Kyushu Rail Pass ขึ้นได้) จากนั้น นั่งรถรางมาลงที่ สถานี Kumamoto Castle/City Hall Station

Kumamoto Castle (ปราสาทคุมาโมโตะ) เป็นปราสาทที่ตั้งเด่นบนเนินเขาอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งก่อนเข้าไปในบริเวณของพื้นที่ปราสาท ก็ต้องมีการซื้อบัตรเข้าชมตรงทางเข้าเสียก่อน

● ค่าเข้าชม : 800 เยน

เริ่มตั้งแต่ ประตูทางเข้าจะมีทางเดินเป็นเหมือนสะพานมีขอบรั้วสูงพร้อมป้ายบอกทาง สำหรับเดินชมรอบบริเวณพื้นที่ของปราสาท ซึ่งจะทำให้เห็นส่วนต่างๆ เช่น กำแพง คูน้ำ อาคารเก่าแก่ เป็นต้น และในช่วงดอกซากุระบานแบบนี้ บนทางเดินก็จะได้ชมซากุระในมุมสูงได้อย่างใกล้ชิด กำลังบานสะพรั่งสวยงามมากเลย

เมื่อเข้าสู่ ภายใน ตัวปราสาท Kumamoto Castle ซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับปรุงใหม่(เปิดให้เข้าชมได้แล้ว) จะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และรวบรวมของใช้โบราณไว้ให้ได้ชม เข้ามาถึงภายในตัวปราสาททั้งที แนะนำให้ใช้เวลาให้เต็มที่ ค่อยๆ เดินชมดูในแต่ละส่วนไปนะ

และ เมื่อขึ้นไปถึงยังชั้นบนสุด ก็เป็นจุดชมวิวเมืองคุมาโมโตะ สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของเมืองได้อย่างสวยงามอีกด้วย

เมื่อได้มาเที่ยวเมือง #คุมาโมโตะ ก็ต้องมาหาของอร่อยกินที่ #Josaien (ใกล้กับปราสาทคุมาโมโตะ) แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารมากมายที่เป็นเมนูแนะนำของเมืองคุมาโมโตะ

ร้านแนะนำ Kumamon’s “Ningyoyaki” ร้านขนมหวานที่มีคนมาแวะเวียนต่อคิวซื้อกันเยอะมาก เพราะใครได้เห็นความน่ารักของขนมหวานร้านนี้ ก็ต้องอยากลองแวะชิมกัน

“Ningyoyaki” เป็นขนมที่มีส่วนผสมของแป้งจากข้าวเมือง Kumamoto ไข่ นม ถั่วเหลือง และน้ำตาล มาหยอดลงในพิมพ์เป็นรูปหมีคุมะมง แล้วสอดไส้ต่างๆ เช่น ถั่วแดง, ช็อกโกแลต, ชีส, คัสตาร์ดครีม เป็นต้น แป้งเนื้อนุ่ม หอม รสชาติหวานอร่อย ราคาชิ้น(ตัว)ละ = 300 เยน

และ อีกหนึ่งเมนูเด็ด “ข้าวหน้าเนื้อแดง” (Kumamoto Red Beef Bowl) ก็จะมีเสิร์ฟเป็นชุด พร้อมเครื่องเคียง ราคา 1,700 เยน โดยมีเนื้อแดงที่สุกแค่ผิวนอกหั่นแล้วโปะมาบนข้าว ได้รสชาติของเนื้อแบบเต็มๆ

สำหรับร้านที่มีเมนู Kumamoto Red Beef Bowl ก็มีอยู่มากมาย แนะนำให้ลองมาชิมที่ร้าน Yamami Chaya ที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาทคุมาโมโตะ เพราะสะดวกดี ใกล้ย่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

Karatsu, SAGA.

ปราสาทคะรัตสึ (Karatsu Castle) ปราสาทประจำเมือง Karatsu จังหวัด Saga ตั้งอยู่บนเนินเขาริมอ่าว Karatsu Bay ตัวปราสาทมี 5 ชั้น โดยภายในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปราสาท รวมถึงมีการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตมาแสดงให้ชมอีกด้วย

บรรยากาศโดยรอบปราสาทก็ดีมาก มองเห็นวิวท้องทะเล และบ้านเรือนที่อยู่ริมทะเล น่ามาเดินเล่น กินลมชมวิวดีนะ และในช่วงต้นปีแบบนี้ดอกซากุระกำลังบานเต็มที่เลย สวยงามมาก

● การเดินทาง : เมือง Karatsu จังหวัด Saga สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟ โดยมาลงที่ สถานีรถไฟ Karatsu Station (จาก Fukuoka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที)

● อ่านบทความ : รีวิวที่พักใน Karatsu (AKARIYA) ได้ที่นี่ https://chailaibackpacker.com/akariya-karatsu-saga/

Karatsu Burger からつバーガー ร้านเบอร์เกอร์ ในบรรยากาศป่าสน อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจ ของเมือง Karatsu ได้มาเที่ยวเมืองนี้ทั้งที ก็ต้องแวะไปสักหน่อย เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศป่าสน ที่ปลูกทอดยาวตลอดแนว ริมชายทะเล อากาศเย็นสบายดี

เมนูอาหาร ก็จะเป็นเบอร์เกอร์ และเครื่องดื่มร้อนเย็นต่างๆ ราคาเบอร์เกอร์ก็ไม่แพง เริ่มต้น 390 เยน เท่านั้น และรสชาติก็อร่อยดีด้วย

Yobuko Morning Market จังหวัด Saga ตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือริมทะเล โดยตลอดแนวของตลาดจะมีอาหารทะเลทั้งสดและแห้ง มาวางขายทั้งสองฝั่งตลอดแนวยาว 200 เมตร

การเดินทาง : นั่งรถบัสจาก สถานี Bus Terminal ในเมือง Karatsu มาลงที่ ป้าย Yobuko ใช้เวลาประมาณ 30 นาที(760 เยน)

อยากลองชิมอะไรก็ลองซื้อได้เลยนะ น่ากินทุกอย่าง บางร้านก็มีบริการปิ้งย่างให้ด้วย หรือ จะลองชิมแบบซาชิมิสดๆ ก็ได้ เด็ดเลย!

เมนูแนะนำ ต้องลอง #Sazae หอยซาซาเอะย่าง 3 ตัว 500 เยน ย่างแบบร้อนๆ จากเตา ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้แวะลองชิม ยิ่งตอนเช้าอากาศเย็นๆ ได้หอยมากินแก้หนาวอย่างนี้ ฟินเลย

อูนิ หรือ ไข่หอยเม่น ที่สามารถแกะให้กินได้แบบสดๆ ตรงหน้าร้านเลย ในราคา 3 ตัว = 1,000 เยน ใครอยากได้บรรยากาศมาเดินเล่น ชิมอาหารทะเลแบบสดๆ ต้องลองมาที่ตลาดแห่งนี้สักครั้งนะ

นอกจากนี้ “ฟุกุโอกะ” และ ภูมิภาคคิวชู ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย

ใครอยากมาเที่ยวแบบสบายๆ วางแผนเที่ยวเองได้ง่าย ก็ลองมาที่นี่กันได้นะ รีบจองตั๋ว แล้วมาเที่ยวกัน!