เที่ยวญี่ปุ่น จังหวัด Toyama ด้วยพาสสุดคุ้ม Kansai-Hokuriku Area Pass

SHARE!

ทริปเที่ยว “ญี่ปุ่น” ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 (ของปี 2024) ที่เราได้มีโอกาสกลับมาเที่ยวกันที่ จังหวัดโทยามะ(Toyama) ภูมิภาคโฮคุริคุ(Hokuriku) กันอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่า.. “ชอบบรรยากาศการท่องเที่ยวในเมืองนี้มาก” เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลย!

Kansai-Hokuriku Area Pass

การเดินทาง จาก Osaka ไป Toyama ในครั้งนี้ เราใช้ Kansai-Hokuriku Area Pass (7 Days) พาสสำหรับโดยสารรถไฟที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างภูมิภาค Kansai และ Hokuriku สามารถใช้เดินทางจาก Kansai Airport สู่ Osaka, Fukui, Ishikawa และ Toyama ได้อย่างสะดวกสบาย เที่ยวได้อย่างสุดคุ้ม โดยสามารถมาแลกพาสที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือที่เคาน์เตอร์ Midori no Madoguchi ที่สถานีรถไฟก็ได้เช่นกัน

และ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป Hokuriku Shinkansen ได้มีการขยายเส้นทางไปจนถึงสถานี Tsuruga ทำให้การเดินทางจากสถานี Osaka Station สามารถนั่ง Thunderbird ไปได้ถึง Tsuruga จากนั้น จากสถานี Tsuruga Station นั่ง Hokuriku Shinkansen ไปลงที่ Toyama Station ได้เลย สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม

เนื่องจากเราจอง Kansai-Hokuriku Area Pass มาก่อนแล้วล่วงหน้า เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน Kansai Airport ผ่านตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อย ก็เดินไปตามทางเชื่อมเข้าสู่อาคารสถานีรถไฟ Kansai Airport Station จากนั้น ก็มองหาตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติสีเขียว(Midori no Madoguchi) เพื่อแลกพาส โดยเราจะใช้ QR Code ที่จองออนไลน์ล่วงหน้า(จะ Print เป็นกระดาษหรือแคปจากหน้าจอมือถือก็ได้) นำมาสแกนแลกที่ตู้นี้ได้เลย

สำหรับวิธีการแลกพาส ที่ตู้อัตโนมัติ(Midori no Madoguchi) ก็ง่ายมาก เพราะมี “เมนูภาษาอังกฤษ” ให้เลือก ทำให้เข้าใจได้ง่าย จากนั้น ก็ทำตามขั้นตอนจากหน้าจอได้เลย เริ่มจากการสแกน QR Code, สแกน Passport, เลือกวันเริ่มต้นการใช้พาส ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ได้พาสตัวจริงมาไว้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว สะดวกมากๆ เลยนะ

Hello Kitty Haruka

Hello Kitty Haruka รถไฟลายน่ารักในธีม Hello Kitty เป็นขบวนที่ให้บริการ จาก สนามบิน Kansai Airport เข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า ซึ่งถ้ามีพาส Kansai-Hokuriku Area Pass ตามข้างต้นอยู่แล้ว ก็สามารถใช้ขึ้น Hello Kitty Haruka ได้เช่นกัน

ในกรณีที่ไม่ได้ถือ Kansai-Hokuriku Area Pass ก็สามารถขึ้นขบวนนี้ได้ โดยซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือ จองตั๋วออนไลน์มาก่อนล่วงหน้า(One Way Ticket) ก็สามารถนำ QR Code การจอง มาออกตั๋วรถไฟได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้

วิธีการแลกตั๋ว Hello Kitty Haruka(One Way Ticket) มาแลกได้ที่ตู้อัตโนมัติ(Midori no Madoguchi) เริ่มจากเลือก เมนูภาษาอังกฤษ ทำการสแกน QR Code และสแกน Passport จากนั้น ก็เลือกเที่ยวรถขบวน Hello Kitty Haruka ตามเวลาที่ต้องการได้เลย

Hello Kitty Haruka ขบวนรถไฟในธีม Hello Kitty ที่ภายนอก และภายในตัวขบวนรถไฟถูกตกแต่งด้วยลายคิตตี้น่ารักๆ ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ที่นั่ง ผนัง หน้าต่าง ห้องแต่งตัว และห้องน้ำเป็นลายคิตตี้ รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็จะมีลวดลายคิตตี้ตกแต่งประดับไว้อยู่ บรรยากาศน่ารักๆ ที่อยากให้ลองมานั่งกันสักครั้ง

OSAKA STATION

จากสนามบิน Kansai Airport เราก็เดินทางมาถึงสถานีรถไฟ Osaka Station ศูนย์กลางการเดินทางของเมืองโอซาก้า ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานีใหญ่ของเมืองโอซาก้าแล้ว ภายในยังประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า ที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย ผู้มาใช้บริการรถไฟก็สามารถแวะมาทานอาหาร หรือ ช้อปปิ้งกันได้อย่างสะดวกสบาย โดยมีศูนย์การค้าที่อยู่ภายในสถานี อย่างเช่น LUCUA, EKI MARCHÉ, 16Gourmet

ก่อนที่จะเดินทางไปที่อื่นกันต่อ เราก็ขอมาแวะหาอะไรทานกันก่อน พร้อมกับแนะนำร้านค้าและร้านอาหาร ที่อยู่ภายในสถานีรถไฟ Osaka Station แห่งนี้ไปในตัวด้วย ซึ่งมีร้านต่างๆ ให้เลือกมากมายเลยทีเดียว

LUCUA Osaka ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในสถานีรถไฟ Osaka Station ประกอบด้วยอาคาร 2 ฝั่ง คือ “LUCUA” อาคารฝั่งตะวันออก และ “LUCUA 1100” อาคารฝั่งตะวันตก มีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างทั้ง 2 ฝั่ง เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก และเป็น Shopping Complex ติดสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ภายใน LUCUA Osaka จะมีร้านค้ามากมายหลายประเภท อย่างเช่น

● ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น แหล่งรวมเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์ให้เลือกช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบาย

● ร้านหนังสือและคาเฟ่ (ชั้น 9) ร้านหนังสือที่มีร้านกาแฟอยู่ตรงกลาง ให้แวะมาจิบกาแฟ อ่านหนังสือ เป็นมุมพักผ่อนอย่างดี

● ร้านอาหาร Lucua Dining North Gate (ชั้น 10) รวมร้านอาหารอร่อยจากนานาชาติ ทั้ง อาหารจีน เกาหลี ไทย สเปน อิตาลี เป็นต้น

● Food Hall ชั้น B2 แหล่งรวมอาหารสด ผัก ผลไม้ และเบเกอรี่

นอกจากนี้ LUCUA Osaka ยังมีร้านค้าให้เลือกช้อปปิ้งกันอีกมากมาย โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.lucua.jp/en/

● ที่อยู่ : 3 Chome-1-3 Umeda, Kita Ward, Osaka, 530-8558 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 10.30 น. – 20.30 น.(แล้วแต่ร้าน)

● โทร : +81 6-6151-1111

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Q2SAZG1LC9c2efmK9

EKI MARCHÉ Osaka ห้างสรรพสินค้าในสถานีรถไฟ Osaka Station ภายในมีร้านค้าประมาณ 70 ร้าน ทั้งร้านอาหาร, ร้านขนม, ร้านเครื่องสำอาง, ร้านขายของที่ระลึก โดยเฉพาะในส่วนของร้านอาหารจะมีร้านที่จำหน่ายเมนูอาหารที่ขึ้นชื่อของโอซาก้า อย่าง ทาโกะยากิ และเมนูอร่อยอื่นๆ ให้เลือกชิมอีกมากมาย

ตัวอย่าง ร้านค้าแนะนำ ของ EKI MARCHÉ Osaka ก็อย่างเช่น ร้านทาโกะยากิ(Takoya Dotonbori KUKURU), ร้านซูชิสายพาน(GANKO), ร้านหม้อไฟเครื่องใน(Hakata Motsunabe YAMAYA), ร้านราเม็ง(Hakata Ikkosha) เป็นต้น

นอกจากนี้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EKI MARCHÉ Osaka ได้ที่เว็บไซต์ https://osaka.ekimaru.com/en

● ที่อยู่ : 3 Chome-1-1 Umeda, Kita Ward, Osaka, 530-0001 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 10.00 น. – 22.00 น.(แล้วแต่ร้าน)

● โทร : +81 6-4799-3828

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/sHVSxJhzW6KQqCvV7

16Gourmet แหล่งรวมร้านอาหาร อยู่ที่ชั้น 16 ของ South Gate Building Osaka Station City ซึ่งเป็นชั้นที่รวบรวมอาหารไว้ จำนวน 16 ร้าน มีเมนูอาหารให้เลือกชิมหลากหลายประเภท อย่างเช่น ชาบู, ทงคัตสึ, เทปันยากิ, ซูชิ, หม้อไฟ, เบเกอรี่ เป็นต้น เป็นชั้นที่มีร้านอาหารน่าทานทุกร้าน มาชั้นเดียวมีให้ลองชิมหลายเมนูเลยทีเดียว

สำหรับร้านอาหารของ 16Gourmet สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมของทั้ง 16 ร้านอาหาร ได้ที่เว็บไซต์ https://osakastationcity.com/16gourmet/ (เวลาเปิด-ปิด แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน) ซึ่งถ้าใครมีโอกาสได้ผ่านไปใช้บริการสถานีรถไฟ Osaka Station ก็สามารถแวะไปทานเมนูอร่อยๆ ที่ 16Gourmet กันได้นะ

ปราสาทโทยามะ (Toyama Castle)

จาก โอซาก้า(Osaka) เราเดินทางมาที่ จังหวัดโทยามะ(Toyama) โดยใช้พาส Kansai-Hokuriku Area Pass ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย

“ปราสาทโทยามะ” (Toyama Castle) ปราสาทในสวนสาธารณะ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโทยามะ เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของเมือง บรรยากาศร่มรื่น และเงียบสงบ ภายในตัวอาคารหลักจะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้ ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี

และ มีส่วนของพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Sato Memorial Museum of Art ที่ก่อตั้งโดย Sato Sukekuro นักธุรกิจและผู้ชำนาญด้านพิธีชงชา โดยภายในจัดแสดงภาพวาดโบราณ งานศิลปะ ของ Sato Sukekuro รวมถึงยังมีส่วนของห้องน้ำชาดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ที่มีชุดน้ำชา(530 เยน) ไว้บริการอีกด้วย

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ “ดอกซากุระ” ในบริเวณรอบสวนสาธารณะปราสาทโทยามะก็จะบานสะพรั่ง โดยสามารถชมดอกซากุระทั้งภายในสวน และมีบริการล่องเรือ Matsukawa River Cruises ชมบรรยากาศไปตามแม่น้ำมัตสึคาวะ(Matsukawa River) ที่ทอดยาวผ่านสวนสาธารณะใกล้ๆ กับปราสาทอีกด้วย(สำหรับในวันนี้ 21.04.2024 ที่เรามาซากุระได้โรยไปหมดแล้วนะ)

นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่บรรยากาศดีติดริมน้ำ อย่าง Matsukawa River Cafe’ (松川茶屋) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมัตสึคาวะ ซึ่งจะมีบริการเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ให้ได้เลือกมานั่งทานอาหาร ขนมหวาน หรือ จิบเครื่องดื่มชิลๆ โดยมีเมนูแนะนำอย่าง Toyama Castle Matcha Parfait (780 เยน) รสชาติเข้มข้นที่ใครๆ ก็ต้องสั่งมาชิมกัน!

การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Toyama Station เดินประมาณ 10 นาที

● ที่อยู่ : 1-62 Honmaru, Toyama, 930-0081 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 09.00 น. – 16.30 น.

● โทร : +81 76-432-7911

● เว็บไซต์ : https://www.city.toyama.toyama.jp/etc/muse/index.html

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7LoViGJzwVwf5FLh9

Tonami Tulip Park

เราเดินทางมาเที่ยว จังหวัดโทยามะ(Toyama) ในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ “ดอกทิวลิป” กำลังบานสวยงาม โดยจะมีการจัดงานเทศกาลดอกทิวทิป Tonami Tulip Fair 2024 ที่ถือว่าเป็นอีกงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโทยามะ

Tonami Tulip Fair 2024 งานเทศกาลดอกทิวลิป ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่ Tonami Tulip Park ในเมือง Tonami ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด โดยจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

ภายในงานมีการจัดสวนดอกทิวลิปให้ชมกว่า 3 ล้านดอก รวม 300 สายพันธุ์ ดอกทิวลิปหลากสีสันสวยงาม มีมุมถ่ายรูปสวยๆ โดยมีจุดเช็คอินที่น่าสนใจ อย่างเช่น

Tulip Tower – หอคอยสัญลักษณ์ของสวนทิวลิป มีความสูง 13 เมตร ด้านบนสามารถมองเห็นวิวสวนทิวลิปได้โดยรอบ

Flower Otani – ทางเดินดอกทิวลิปความยาว 30 เมตร สูง 4 เมตร จำลองมาจาก Tateyama Kurobe Alpine Route จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดโทยามะ

Colored Garden – สวนดอกทิวลิป 300 สายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ของจังหวัดโทยามะ

Circular Flower Bed – แปลงดอกทิวลิปที่มีอนุสาวรีย์ทิวลิปขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง มีดอกทิวลิปสีสันสดใส 12 สายพันธุ์ จำนวน 37,000 ดอก

นอกจากนี้ ก็ยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ และกิจกรรมในงานอีกมากมาย ใครสายถ่ายรูป อยากถ่ายรูปกับดอกทิวลิปสวยๆ มาเที่ยวโทยามะ ก็ต้องมาเที่ยวชมงานนี้เลย!

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 200 เยน

การเดินทาง : เริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Shin – Takaoka Station มาลงที่ สถานีรถไฟ Tonami Station (ช่วงจัดงานบริการมีรถรับ-ส่ง ฟรี จากหน้าสถานีรถไฟ Tonami Station ไปยังพื้นที่จัดงาน หรือ เดินประมาณ 10 นาที)

● ที่อยู่ : 1-32 Hanazonomachi, Tonami, Toyama 939-1382 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 09.00 น. – 17.30 น.

● โทร : +81 763-33-7716

● เว็บไซต์ : https://fair.tulipfair.or.jp/en/

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/xYGoH1goKbgC7t4s8

พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมโคชิโนะคุนิ (Koshinokuni Museum of Literature)

ยามบ่ายชิลๆ เราแวะมานั่งเล่นใน พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมโคชิโนะคุนิ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นพื้นที่สงบๆ เหมาะแก่การหลบมาอยู่เงียบๆ อ่านหนังสือ พักผ่อนหย่อนใจไปกับวิวสวนร่มรื่นสบายตา

พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมโคชิโนะคุนิ (Koshinokuni Museum of Literature) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานวรรณกรรม ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากจังหวัดโทยามะ โดยรวบรวมงานวรรณกรรมไว้หลายประเภท ทั้งงานวรรณกรรมคลาสสิคของกวี Manyo ไปจนถึงวรรณกรรมสมัยใหม่ รวมถึงงานในสาขาต่างๆ มากมาย อย่างเช่น หนังสือภาพ ภาพยนตร์ มังงะและแอนิเมชั่น และที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คือ งานจากศิลปินมังงะชื่อดัง Fujiko F. Fujio กับผลงาน “โดราเอมอน” ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี

สำหรับตัวอาคารของ พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมโคชิโนะคุนิ ออกแบบได้อย่างเรียบง่าย อยู่ท่ามกลางสวนอันร่มรื่น บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือ พักผ่อนแบบเงียบๆ ซึ่งภายในจะมีโซนห้องสมุด ที่มีหนังสือหลากหลายประเภท ที่เราสามารถมาหยิบหนังสือไปนั่งอ่านได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ก็มีตู้ถ่ายรูปแบบอัตโนมัติ ที่มีกรอบภาพเป็นลวดลายของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดโทยามะ สำหรับมาถ่ายรูปด้วยตัวเอง และนำกลับไปเป็นที่ระลึกได้ เพียงรูปละ 100 เยน เท่านั้น

การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Toyama Station เดินต่อประมาณ 15 นาที หรือ จากสถานีรถราง Kenchō-mae Station เดินต่อประมาณ 5 นาที

● ที่อยู่ : 2-22 Funahashiminamicho, Toyama, 930-0095 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 09.30 น. – 18.00 น.(ปิดวันอังคาร)

● โทร : +81 76-431-5492

● เว็บไซต์ : https://www.koshibun.jp/

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QktVw7ZfnQZs8Vtw5

Ainokura Village

ในวันที่อากาศดีๆ แบบนี้ เราเดินทางออกมานอกเมืองกันสักหน่อย โดยมีจุดหมายที่หมู่บ้านโบราณสไตล์ “กัสโซ-สึคุริ” ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหมู่บ้าน “ชิราคาวาโกะ” แต่ไม่ไกลกันในพื้นที่ของจังหวัดโทยามะ ก็มีหมู่บ้านโบราณ Ainokura Village ที่มีลักษณะเหมือนกัน และน่าเที่ยวไม่แพ้กันเลย

Ainokura Village หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งท่ามกลางหุบเขาในเมือง Gokayama จังหวัด Toyama เป็นหมู่บ้านโบราณที่ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก บรรยากาศรายล้อมด้วยทิวเขาและธรรมชาติ ภายในมีบ้านอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 หลัง ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 100 – 350 ปี โดยบ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของชาวบ้านในหมู่บ้าน บางส่วนได้เปลี่ยนไปเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และบางหลังก็เปิดเป็นที่พักสำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

จุดเด่น ของบ้านที่นี่ จะเป็นสไตล์ “กัสโซ-สึคุริ” คำว่า “กัสโซ” แปลว่า “พนมมือ” เนื่องจากหลังคาบ้านมีลักษณะคล้ายการมือพนมเข้าหากัน และมีความชันของหลังคา 60 องศา ทำให้เวลาหิมะตกลงบนหลังคาบ้าน จะได้ไหลลงมาง่ายๆ ไม่สะสมมากจนเกินไป

เราเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ “ดอกซากุระ” กำลังบาน ทำให้ได้เห็นบรรยากาศสีสันของฤดูใบไม้ผลิ อากาศกำลังดี เดินเล่นชมบรรยากาศภายในหมู่บ้านได้แบบสบายๆ โดยส่วนตัวเราชอบความสงบของที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเหมือนชิราคาวาโกะ เที่ยวได้อย่างชิลเลย

ภายในหมู่บ้าน Ainokura Village มีจุดเที่ยวชมที่น่าสนใจ อย่างเช่น Ainokura Folklore Museum พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน, Gokayama Washi Paper Making Experience Hall ศูนย์เรียนรู้ Workshop การทำกระดาษวาชิผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่

นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายรูปเช็คอินที่ไม่ควรพลาด คือ จุดชมวิวหมู่บ้าน(Viewpoint) ที่ต้องเดินขึ้นเนินไปตามทางราว 300 เมตร เป็นจุดที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขารายล้อม ได้เห็นบรรยากาศของหมู่บ้านในมุมสูง ดูสงบเงียบ และวิวสวยงามมาก

การเดินทาง : จาก เมือง Toyama เริ่มต้นออกเดินทางที่ สถานีรถไฟ Shin-Takaoka Station มารอขึ้นรถบัสโดยสารที่ป้ายหมายเลข 4 โดยจะมีรถให้บริการในเส้นทางผ่าน Ainokura Village จำนวน 4 เที่ยวต่อวัน ลงรถได้ที่ป้าย Ainokuraguchi Bus Stop ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 10 นาที ค่าโดยสาร 1,000 เยน

● Shin-Takaoka Station >> Ainokuraguchi Bus Stop 相倉口(バス)08:25 09:50 11:00 13:35

● Ainokuraguchi Bus Stop 相倉口(バス)>> Shin-Takaoka Station 12:30 14:35 15:30 16:45

● ที่อยู่ : Ainokura, Nanto, Toyama 939-1915 ญี่ปุ่น

● เวลาเปิด : 08.30 น. – 17.00 น.

● โทร : +81 763-66-2123

● เว็บไซต์ : https://gokayama-info.jp/

● พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jGU7petVvuE38DMd9

Tateyama Korube Alpine Route

มาเที่ยว “โทยามะ” (Toyama) เรามีอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องมาเยือนในครั้งนี้ให้ได้ กับเส้นทาง Tateyama Korube Alpine Route ที่เพิ่งเปิดให้เที่ยวประจำฤดูกาลนี้ เมื่อ 15 เมษายน ที่ผ่านมานี้เอง ไหนๆ ได้มีโอกาสมาช่วงที่เพิ่งเปิดให้เที่ยวใหม่ๆ ก็ต้องลองขึ้นไปสัมผัสหิมะที่ “กำแพงหิมะ” กันสักหน่อยเนอะ!

Tateyama Korube Alpine Route เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม ที่สามารถมาชมความสวยงามอลังการของเจแปนแอลป์เทือกเขาสูงกว่า 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นเส้นทางท่องเที่ยวระหว่าง Tateyama ในจังหวัด Toyama ไปจนถึง Ogisawa ในจังหวัด Nagano รวมระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร โดยใช้พาหนะทั้ง รถไฟ รถบัส เคเบิ้ลคาร์ และกระเช้าไฟฟ้า ผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆ อย่างเช่น

เขื่อนคุโรเบะ(Kurobe Dam) เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ที่ราบมุโระโด(Murodo-daira) เส้นทางเดินเขารอบบึง Mikurigaike ชมบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ

กำแพงหิมะ(Snow Wall) เปิดให้ชมตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน – ปลายเดือนมิถุนายน โดยกำแพงหิมะจะมีความสูงที่สุดในช่วงที่เพิ่งเปิดให้ชม จากนั้น ความสูงจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จากการละลายของหิมะ

การเดินทาง : เนื่องจากเราพักอยู่ที่ตัวเมือง โทยามะ(Toyama) ก็เลยเลือกเส้นทางแบบ Round Trip จาก Toyama ขึ้นไปถึง Murodo (สถานีจุดสูงสุดและจุดไฮไลต์กำแพงหิมะ) แล้วย้อนกลับเข้าเมืองโทยามะเหมือนเดิม โดยซื้อตั๋วล่วงหน้าแบบ Round Trip ผ่านเว็บไซต์ Tateyama Kurobe Alpine Route WEB Ticket ก็สะดวกดี (9,840 เยน) จองเสร็จก็เอา QR Code ไปรับตั๋วที่เครื่องอัตโนมัติในสถานี แล้วใช้ตั๋วใบเดียวผ่านตลอดเส้นทางที่เลือกจองได้เลย โดยตั๋วจะรวมค่าเดินทาง เส้นทางไป – กลับ ระหว่าง Toyama และ Murodo ดังนี้

● Dentetsu Toyama (Train) ~ 1 ชั่วโมง

● Tateyama Cablecar = 7 นาที

● Tateyama Highland Bus = 50 นาที

เริ่มต้นที่เมือง Toyama เราออกเดินทางตั้งแต่เช้ามาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Dentetsu-Toyama Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง Tateyama Station แล้วไปรอขึ้น Tateyama Cablecar ตามรอบเวลาที่จองมา(ของเราจองรอบ 10.20 น.) ใช้เวลาเดินทาง 7 นาที จากนั้น ต่อด้วยรถบัส Tateyama Highland Bus อีก 50 นาที ก็จะขึ้นไปถึง Murodo Station (สถานีจุดสูงสุดและจุดไฮไลต์กำแพงหิมะ) ซึ่งเราจะมีเวลาอยู่ที่ Murodo ประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับลงไปในช่วงเย็น

Murodo Station มีจุดไฮไลต์ คือ “กำแพงหิมะ” สามารถเดินออกจากตัวอาคารไปยังจุดชมกำแพงหิมะได้ ซึ่งปีนี้(2024) กำแพงหิมะ มีความสูง 14 เมตร และใกล้ๆ กันยังมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติรอบบึง Mikurigaike ที่ใช้เวลาในการเดินรอบบึงประมาณ 1 ชั่วโมง

สำหรับอาหารมื้อกลางวัน เราเดินมาที่ Mikurigaike Onsen ใกล้กับ Mikurigaike เพราะที่ Murodo Station นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะมาก แต่ที่ Mikurigaike Onsen จะคนน้อยกว่า ดูชิลๆ หน่อย ภายในมีร้านอาหาร และคาเฟ่ให้นั่งอุ่นๆ อีกด้วย

สรุป Tateyama Korube Alpine Route ในครั้งนี้ น่าเสียดายที่มีเมฆมากและมีฝนในบางช่วง ทำให้ทัศนวิสัยในการชมวิวไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าโอเคที่ได้กลับมาสัมผัสหิมะอีกครั้ง ใครอยากไปเจอหิมะญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว ก็ต้องที่นี่เลย!

Kitokito Market TOYAMARCHE : Toyama Station

ถ้าพูดถึงแหล่งรวมร้านอาหาร และร้านของฝากขึ้นชื่อของเมืองโทยามะ แบบครบที่เดียวจบและเดินทางสะดวก ก็ต้องมาที่ Kitokito Market TOYAMARCHE ที่อยู่ในสถานีรถไฟ Toyama Station นี่เอง แค่เดินเข้ามาข้างใน ก็จะเห็นบรรดาร้านค้าประมาณ 60 ร้าน ทั้ง ร้านอาหาร และร้านของฝาก ที่มีสินค้าของฝากมากมายให้เลือกซื้อกัน สามารถเดินชมได้อย่างเพลินเลยทีเดียว

สำหรับอาหารที่ขึ้นชื่อ ของโทยามะ ก็อย่างเช่น หมึกหิงห้อย, กุ้งขาว(Shiro Ebi) กุ้งสีขาวตัวเล็ก รสชาติอร่อย กินเพลิน ซึ่งมีสินค้าเกี่ยวกับ Shiro Ebi อยู่มากมาย ทั้งแบบสด แช่แข็ง และผลิตภัณฑ์แปรรูป

ภายใน Kitokito Market TOYAMARCHE มีร้านอาหารให้บริการ ซึ่งเรามีโอกาสมาชิมเมนูจาก Shiro Ebi ที่ร้าน Shiroebi-tei 白えび亭 とやマルシェ店 อีกหนึ่งร้านยอดนิยมของที่นี่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอคิวอยู่พอสมควร แต่ก็คุ้มค่าการรอคอยมาก

เมนูที่เราสั่งไป เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน คือ “ข้าวหน้าเทมปุระกุ้งขาว” เป็นข้าวหน้ากุ้งขาว Shiro Ebi รสชาติอร่อยเข้ากันดีกับข้าวร้อนๆ ถ้าใครมีโอกาสมาที่ Toyama Station ขอแนะนำให้แวะมาลองชิมที่ร้านนี้เลย

นอกจากนี้ ภายใน Toyama Station ก็มีร้านอาหารน่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งเราก็ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลเลย แค่เดินเข้าสถานีรถไฟก็มีร้านอาหารหลากหลายเมนูให้เลือกชิมแล้ว อย่างเช่น ร้านซูชิสายพาน, Shinjidai ร้านหนังไก่ทอดยอดนิยม ที่มีหลายสาขาในญี่ปุ่น เป็นต้น

ก่อนที่จะเดินทางกลับ จาก “โทยามะ” (Toyama) เราก็ได้หาซื้อของฝากกันที่สถานีรถไฟ Toyama Station

แนะนำใครมีโอกาสมาเที่ยวโทยามะ ลองมาหาซื้อของฝากที่ Kitokito Market TOYAMARCHE กันได้นะ! https://www.toyamashi-kankoukyoukai.jp/?tid=100287