Say Hi! Fukushima พาไปชิม Ramen ในตำนาน ที่ Kitakata!
ฟุคุชิมะ.. อีกครั้ง..!
ทริปนี้.. ผมได้มีโอกาสไปเยือน จังหวัดฟุคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อีกครั้ง! ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 กับบรรยากาศที่ดูแตกต่างไป เพราะครั้งแรกที่ผมไปเยือนนั้น เป็น ช่วงของใบไม้เปลี่ยนสี แต่ในครั้งที่ 2 นี้ ผมได้ไปเยือนใน ช่วงหน้าหนาว ที่มีหิมะโปรยปรายลงมา ทำให้ได้บรรยากาศ และความสวยงามไปอีกแบบ ที่สำคัญ คือ ผมได้ไปเที่ยวในช่วงที่มีการจัดเทศกาลหิมะของ จังหวัดฟุคุชิมะ ซึ่งเป็นเทศกาลที่น่าสนใจอีกด้วย!
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมมีจุดหมายที่ จังหวัดฟุคุชิมะ(Fukushima) ประเทศญี่ปุ่น โดยมีเวลาท่องเที่ยวทั้งหมด 7 วัน ในช่วงเวลาของ หน้าหนาว(Winter) ออกเดินทางลุยเดี่ยวเพียงคนเดียวอีกแล้ว.. ดังนั้น การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงเน้นการโดยสารรถขนส่งสาธารณะเช่นเคย ซึ่งก็เป็นอะไรที่ต้องวางแผนการเดินทาง ทั้งรถไฟ รถบัส ให้แม่นยำ และ การเดินทางครั้งนี้จะได้พบเจอกับประสบการณ์อะไรใหม่ๆ และ ได้รับความประทับใจอะไรกลับมาบ้าง? ตามมาเที่ยวกันได้เลยครับ!
ทำความรู้จัก กับ Fukushima กันก่อนนะ!
จังหวัดฟุคุชิมะ(Fukushima) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ห่างจากโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อย่างเช่น แหล่งน้ำพุร้อน ภูเขาไฟ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีตามสถานที่ต่างๆ(ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี) เทศกาลหิมะ(ช่วงหน้าหนาว) ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ยังคงวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเอาไว้ รวมไปถึงอาหารอร่อยๆ แบบฉบับดั้งเดิมของ จังหวัดฟุคุชิมะ ที่มาเที่ยวแล้วต้องลองชิมให้ได้!
โปรแกรมท่องเที่ยวในจังหวัดฟุคุชิมะ 7 วัน
7 Days in FUKUSHIMA [Winter : 2019]
- Day 1 : Kitakata / Higashiyama Onsen / Motoyu Ariyama Ryokan
- Day 2 : Aizu Wakamatsu / Tagoto Ryokan
- Day 3 : Mishima Town (Snow & Fire Festival) / Miyashita Onsen Eikokan Ryokan
- Day 4 : Tadami Town (Snow Festival)/ Yunoyado Matsuya Ryokan
- Day 5 : Tadami Town / Hayato Onsen Ryokan
- Day 6 : Yanaizu / Inawashiro Lake / Active Resort Urabandai Hotel
- Day 7 : Wakasagi Fishing / Hibara Lake
DAY #1 : 07.02.19
สวัสดี Fukushima!!
การเดินทางครั้งนี้ ผมจะใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบ 5 วัน จาก Tokyo นั่งรถไฟ Shinkansen มาลงที่สถานีรถไฟ JR Koriyama ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น
สำหรับ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบ 5 วัน (ใช้ได้แบบอิสระ 5 วัน ภายในระยะเวลา 14 วันนับจากวันที่เริ่มใช้) เป็นบัตรโดยสารรถไฟราคาพิเศษ สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตนอกเหนือจากญี่ปุ่น และพำนักระยะสั้นในญี่ปุ่นไม่เกิน 90 วัน สามารถซื้อกับตัวแทนจำหน่าย นอกประเทศญี่ปุ่น เช่น ประเทศไทย หรือจะซื้อในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ โดยมีราคา ดังนี้
- ซื้อจากต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 19,000 เยน /เด็ก 9,500 เยน
- ซื้อในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 20,000 เยน /เด็ก 10,000 เยน
สามารถใช้โดยสารได้อย่างอิสระในพื้นที่(Free Area)ที่ระบุไว้ กับรถไฟด่วนพิเศษ(รวมถึงชินคังเซ็น) ขบวนด่วน และขบวนธรรมดาแบบระบุที่นั่ง ในพื้นที่ 6 จังหวัดในเขตภูมิภาคโทโฮคุ อะโอโมริ(Aomori), อะคิตะ(Akita), อิวะเตะ (Iwate), ยะมะงะตะ(Yamagata), มิยะงิ(Miyagi), ฟุคุชิมะ(Fukushima) รวมถึง โตเกียว(Tokyo) ชิบะ(Chiba) คะนะงะวะ(Kanagawa) นีงะตะ(Niigata) ..มีพาสนี้ใบเดียวก็นับว่าได้เที่ยวคุ้มเลยครับ!
เมื่อเดินทางมาถึง สถานีรถไฟ JR Koriyama ผมก็จะเดินทางต่อไปยังเมือง Aizu Wakamatsu โดยจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Ban-etsu West Line และ จะไปเปลี่ยนสายรถไฟที่ สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu อีกครั้ง เพื่อไปยัง Kitakata ตามแผนการเดินทางของวันแรกนี้ครับ
ช่วงเวลาระหว่างที่รอขึ้นรถไฟไป Aizu Wakamatsu ภายใน สถานีรถไฟ JR Koriyama ก็มีร้านอาหาร ให้แวะเติมพลังมากมายหลายร้าน แต่ถ้าใครชอบความสะดวก และไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย เน้นความรวดเร็ว ต้องร้าน Ramen ยืนกินร้านนี้เลย
การสั่งอาหาร ก็ต้องไปกดคูปองที่ตู้จำหน่ายอัตโนมัติก่อนครับ อาจจะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่ก็ยังพอมีรูปภาพหน้าตาของอาหารให้เราเลือกกดได้อยู่..
เมื่อได้คูปองมาแล้ว ก็ไปยื่นให้กับพนักงานครับ เขาก็จะทำมาให้เรา โดยใช้เวลาในการทำ Ramen แบบรวดเร็วมาก ก็พร้อมเสิร์ฟทันที หน้าตาก็ดูน่ากินอยู่นะเนี่ย..
แล้ว.. ก็ ยืนกินไปด้วยความรวดเร็วครับ คนญี่ปุ่นที่แวะมากินที่ร้านนี้ ใช้เวลาในการกินไม่นานเลย รสชาติ Ramen ถือว่าอร่อยดีครับ มีน้ำเปล่าบริการฟรีอีกด้วย
แวะไปชิม Ramen ในเมืองแห่ง Ramen ที่ Kitakata!
อิ่มจาก Ramen แล้ว.. ก็ไปหา Ramen กินต่อ! แต่ความพิเศษของ Ramen ที่ผมจะไปกินนี้ เป็นสุดยอดของ Ramen ที่ต้องไปชิมให้ได้ โดยมีจุดหมายอยู่ที่เมือง Kitakata เมืองแห่ง Ramen ที่ใครมาเที่ยวแถวนี้ ก็ต้องแวะไปชิมครับ ซึ่งจุดประสงค์ของการไปชิม Ramen ในครั้งนี้ให้ได้ ก็เพราะครั้งที่แล้วผมพลาดไปครับ อดไปกิน เพราะว่าโปรแกรมเที่ยวมันแน่นไปจึงตัด Kitakata ออกไป พอมีโอกาสมาอีกครั้งคราวนี้ต้องไปพลาดครับ เตรียมรอรถไฟไปกันได้เลย..
จาก สถานีรถไฟ JR Koriyama ผมจะขึ้นรถไฟสาย Ban-etsu West Line ไปลงที่ สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu และ จาก สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu จะนั่งรถไฟต่อไปยัง Kitakata ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
เดินทางออกจาก สถานีรถไฟ JR Koriyama ในเวลา 09.38 น. ขึ้นชื่อว่ารถไฟญี่ปุ่นแล้ว ออกตรงเวลาเป๊ะมาก! ทางที่ดีควรรีบมารอล่วงหน้ากันสักนิดนะครับ และอย่าลืมกดเครื่องดื่มร้อนๆ หรือ กาแฟร้อนสักกระป๋องก่อนขึ้นรถไฟด้วยนะ เพราะวิวระหว่างทางสวยมาก จิบเครื่องดื่มชิลๆ ชมวิว เพลินเลย..
บรรยากาศระหว่างทางในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ขาวโพลนทั้งสองข้างทาง ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ก็จะถึง สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu
เมื่อถึง สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu แล้วก็จะเปลี่ยนสายเพื่อแวะไปเที่ยว Kitakata ในช่วงเช้าของวันนี้กันก่อนครับ
รถไฟ จาก สถานีรถไฟ Aizu Wakamatsu จะมุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ เพื่อต่อไปยังเมือง Kitakata ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น บรรยากาศบนรถไฟคนน้อยมาก ดูวิวสองข้างทางช่างสงบเงียบดีเหลือเกิน..
Kitakata เมืองแห่ง Ramen!
รถไฟมาจอดที่ชานชาลาของ สถานีรถไฟ Kitakata เอาจริงๆ ผมก็เกือบจะนั่งเพลินเลยสถานีไปซะแล้ว เพราะมัวแต่มองวิวเพลินไปหน่อย 55+
เดินลงจากรถไฟมาก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็น และความสงบของเมืองนี้ วันนี้..สภาพอากาศดีมาก ท้องฟ้าเปิด ฟ้าใสดีเชียว
บริเวณหน้า สถานีรถไฟ Kitakata
เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารของสถานีรถไฟ ก็จะเห็น ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ลองเข้าไปหาข้อมูลสถานที่เที่ยวของเมืองนี้กันก่อนนะครับ
มีข้อมูลท่องเที่ยวของเมือง Kitakata
พนักงานที่นี่ ให้บริการดีมากๆ เลยครับ แนะนำจุดท่องเที่ยวต่างๆ ให้อย่างดี ผมเลยให้เขาแนะนำจุดท่องเที่ยวที่เด่นๆ ที่สามารถไปเที่ยวได้ในเวลาที่จำกัด พนักงานก็เลือกจุดท่องเที่ยวเด่นๆ มาให้ 2-3 จุด พร้อมกับแผนที่ของเมือง Kitakata
พนักงานใจดี ให้แผนที่มาพร้อมกับ ขนมเซมเบ้ เตรียมพร้อมลุยเที่ยวเมืองนี้กัน! ซึ่งผมเองใช้วิธีการเดินเที่ยวเอาครับ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ สามารถเดินได้ หรือ ถ้าใครอยากนั่งรถบัสก็มีให้บริการ เป็นรถ Burarin–go เที่ยวละ 200 เยน(ผู้ใหญ่), 100 เยน(เด็ก) และ มีเป็นแบบ Day Pass ตั๋ววันไม่จำกัดเที่ยว 500 เยน(ผู้ใหญ่), 300 เยน(เด็ก) รถจะวิ่งชั่วโมงละคัน นอกจากนี้ก็สามารถ เช่าจักรยานปั่น วันละ 500 เยน ได้อีกด้วย
ภายในสถานีรถไฟ จะมี ที่ฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญ แบกเป้มาหนักๆ ขอฝากเอาไว้หน่อย จะได้เดินตัวปลิวแบบสบายๆ
ได้เวลาเดินสำรวจเมืองนี้กันครับ อากาศกำลังดี
ระหว่างทาง ที่เดินจะได้พบเห็นกับ อาคารโบราณ ที่มีความสวยงาม
นอกจาก จะขึ้นชื่อเรื่อง Ramen แล้ว ที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องของ สาเก(Sake) อีกด้วย สามารถพบเห็นร้านจำหน่ายสาเกได้ทั่วไป
Ramen Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ราเมง เป็นสถานที่สำคัญของเมืองนี้ที่ต้องแวะมาชม ภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะเป็นแหล่งข้อมูล ประวัติความเป็นมาของราเมง แต่น่าเสียดาย.. ที่ผมเดินทางมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับวันที่ปิดทำการพอดี
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว
- สถานที่ : Ramen Museum
- เวลาเปิดบริการ : 10.00 น. – 16.00 น.(ปิดวันพฤหัสบดี)
- เว็บไซต์ : https://www.gurutto-aizu.com/detail/index_278.html
- พิกัด : https://goo.gl/maps/JfNDoZSuJgw
Kai Residence บ้านโบราณ กับ เสื่อตาตามิ(Tatami)
ผมเดินชมเมืองมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว แนะนำมา จนมาถึงสถานที่สำคัญ ที่ชื่อว่า Kai Residence เป็นบ้านโบราณที่ไว้สำหรับรับรองแขกบ้านแขกเมืองในสมัยก่อน
- พิกัด : https://goo.gl/maps/SXPdLhRip2C2
จุดเด่นของที่นี่ คือ ภายในบ้านโบราณจะถูกปูด้วย เสื่อตาตามิ(Tatami) จำนวนมากถึง 51 ผืนเลยทีเดียว
ภายในอาคาร ไม่สามารถเดินเข้าไปได้นะครับ ได้แต่ยืนชมอยู่ข้างนอก สถานที่แห่งนี้เข้ามา ชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
Sake Brewery พิพิธภัณฑ์สาเก แวะชิมสาเกหลากรส!
เมือง Kitakata ก็ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตสาเกเช่นกัน ผมก็เลยแวะมาชม พิพิธภัณฑ์สาเก ของเมืองนี้ ชมฟรีครับ..
พอเดินเข้ามาใน พิพิธภัณฑ์สาเก ก็ได้รับการตอนรับอย่างดีจากพนักงานที่นี่ครับ พาชมสาเกในรูปแบบต่างๆ ที่วางโชว์อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์
ผมได้รับการเชื้อเชิญ ให้ลองชิมสาเกรสชาติต่างๆ ซึ่งก็มีมากมาย เช่น สาเกรสพีช สาเกรสโยเกิร์ต ฯลฯ สารพัดรสชาติจริงๆ
คุณน้าผู้ดูแลที่นี่ ก็รินสาเกให้แบบว่า ดื่มหมด แล้วรินให้อีก แบบไม่มีเวลาให้หยุดพักเลยทีเดียว ยกดื่มไปหลายรสแล้ว ก็เริ่มเคลิ้มๆ เหมือนกันนะเนี่ยยย.. 55+
ชิมสาเก จนรู้สึกหน้าเริ่มตึงๆ ก็มาเดินดูภายในพิพิธภัณฑ์กันดีกว่าครับ ภายในก็ได้รวบรวมเครื่องไม้เครื่องมือในการทำสาเก ในสมัยก่อน มีประวัติความเป็นมาต่างๆ ของสาเกให้ได้ศึกษากัน
เดินมาจนถึง โรงเก็บสาเก ที่ภายในรักษาอุณหภูมิห้อง และแสงสว่างให้พอเหมาะแก่การเก็บสาเก มีสาเกที่ถูกเก็บอยู่ในห้องนี้เยอะมากๆ ครับ ถ้าใครสนใจก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปสักขวดสองขวดก็ได้นะ รับรองมีฟิน! 55+
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว
- สถานที่ : Sake Brewery
- เวลาเปิดบริการ : 09.00 น. – 16.30 น.
- เว็บไซต์ : http://www.yauemon.co.jp/
- พิกัด : https://goo.gl/maps/CTJTNnEwGYB2
ชิม Ramen ในตำนานแห่งเมือง Kitakata!
ร้าน Ramen ในเมืองนี้มี 100 กว่าร้าน! แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็อุดมไปด้วยร้าน Ramen ให้เลือกชิมอย่างไม่หวาดไม่ไหว ที่นี่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ถือเป็นต้นตำรับ 1 ใน 3 ของ ญี่ปุ่น อันได้แก่ Sapporo Ramen – Miso Ramen, Hakata Ramen -Tonkotsu Ramen และ Kitakata Ramen – Shoyu Ramen
มาถึงถิ่นต้นตำรับ Kitakata Ramen ก็ต้องไม่พลาดลองชิมครับ แต่จะไปชิมร้านไหนนั้นก็เลือกกันตามสบายได้เลย เพราะ มีร้าน Ramen เยอะมากกกกก..
ผมได้ให้ พนักงานที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ช่วยจิ้มเลือกให้สักหนึ่งร้าน ร้านไหนก็ได้ เอาที่เด่นๆ และไม่ควรพลาด ก็เลยได้ร้านนี้มาครับ ชื่อร้าน Genraiken หน้าร้านสีแดงสังเกตุง่าย อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ สามารถเดินได้ ในระยะทางประมาณ 300 เมตร
เดินเข้ามาในร้านที่บรรยากาศโดดเด่นด้วย สีขาว-แดง มีคนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะพอสมควรครับ
ด้วยความที่ร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ จึงสื่อสารลำบากไม่รู้จะสั่งแบบไหนดี? ก็เลยวัดดวงให้เขาจัดอะไรก็ได้มา 1 ชาม ก็เลยได้ชามนี้(800 เยน) มามาตรงหน้า กลิ่นน้ำซุปนี่หอมมาก..
เส้น Ramen ทำเอง เป็นเส้นหยักๆ เหนียวนุ่ม เข้ากับน้ำซุปได้อย่างดี รสชาติอร่อยไม่มีที่ติ ซดจนน้ำซุปหมดชาม อิ่มกำลังดีเลย มาแล้วต้องลองครับ!
รายละเอียดร้านอาหาร
- ร้านอาหาร : Genraiken
- เวลาเปิดบริการ : 10.00 น. – 19.30 น.(ปิดวันอังคาร)
- เว็บไซต์ : http://www.ramenkai.com/list/detail.php?i=36
- พิกัด : https://goo.gl/maps/PFQYFwojhyo
ผมมีเวลาอยู่ที่ เมือง Kitakata ค่อนข้างที่จะจำกัด ราว 2 ชั่วโมง และต้องรีบนั่งรถไฟกลับไปที่เมือง Aizu Wakamatsu ซึ่งถ้าใครมาเที่ยว Kitakata ก็ดูรอบรถไฟไว้ก่อนก็ดีนะครับ จะได้บริหารเวลาในการเที่ยวได้อย่างลงตัว
กลับมานั่งรอรถไฟที่ สถานีรถไฟ Kitakata ไม่นาน ก็เตรียมนั่งรถไฟ กลับ Aizu Wakamatsu ครับ โดยช่วงบ่ายของวันนี้ จะไปเยือน Higashiyama Onsen เมืองออนเซ็นในหุบเขา ไปนอนเรียวกัง แช่ออนเซ็นกัน ติดตามการเดินทางได้ในตอนหน้าครับ!
>> EP2/11 : Higashiyama Onsen เมืองออนเซ็นกลางหุบเขา พัก Motoyu Ariyama Ryokan!
7 Days in Fukushima! | บันทึกการเดินทางเที่ยวฟุคุชิมะ 7 วัน
- 1/11 : Say Hi! Fukushima พาไปชิม Ramen ในตำนานที่ Kitakata!
- 2/11 : Higashiyama Onsen เมืองออนเซ็นกลางหุบเขา พัก Motoyu Ariyama Ryokan!
- 3/11 : เที่ยววนไปใน.. Aizu Wakamatsu ด้วย Loop Bus 1 วัน สุดคุ้ม!
- 4/11 : Aizu Painted Candle Festival เดินชิลในเทศกาลเทียน นอน Tagoto Ryokan!
- 5/11 : Mishima Snow & Fire Festival ชมเทศกาลหิมะและไฟ ในเมืองน่ารักบนเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก!
- 6/11 : Tadami Snow Festival เทศกาลหิมะเมืองทาดามิ พักเรียวกัง Yunoyado Matsuya(เจ้าของพูดไทยได้!)
- 7/11 : Hayato Onsen แช่ออนเซ็น นอนเรียวกังริมแม่น้ำ ท่ามกลางธรรมชาติ!
- 8/11 : Yanaizu แวะขอพร ณ วัด Enzo-ji ในบรรยากาศหน้าหนาว!
- 9/11 : Inawashiro Lake ชมวิวทะเลสาบ และเหล่าฝูงหงส์!
- 10/11 : Active Resort Urabandai Hotel ที่พักนอนสบายบน Urabandai!
- 11/11 : ตกปลา Wakasagi ใต้พื้นน้ำแข็งที่ Hibara Lake!
- FUKUSHIMA FESTIVAL : 3 เมือง 3 เทศกาลหิมะ บนเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก Tadami Line!
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
E-mail : chailaibackpacker@gmail.com
Website : www.chailaibackpacker.com