ทริปนี้ เราจะพาไปเที่ยว ฟุกุโอกะ (Fukuoka) กันอีกสักครั้ง ในช่วงเวลาที่เข้าสู่หน้าร้อนพอดี อากาศกำลังสบายๆ บรรดาสวนดอกไม้ต่างๆ ก็เริ่มบานและอวดสีสันต้อนรับหน้าร้อน รวมถึงมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ เป็นช่วงที่มีจุดเช็คอินและมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ
และ ข้อดีของหน้าร้อนแบบนี้ ก็คือ ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ เสื้อผ้าน้อย ไม่มีเสื้อกันหนาวให้เปลืองพื้นที่ จัดกระเป๋าได้อย่างสบายๆ ไม่หนัก เที่ยวได้อย่างชิลเลย
จองตั๋วรถไฟ JR KYUSHU PASS ได้ที่นี่!
การเดินทาง ครั้งนี้ เราออกเดินทางไปเที่ยว Fukuoka ด้วยสายการบิน Vietjet บินตรง จาก กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) สู่ ฟุกุโอกะ(Fukuoka) ประเทศญี่ปุ่น ประตูสู่ภูมิภาคคิวชู(Kyushu) เดินทางได้อย่างสะดวก ในราคาที่ประหยัดคุ้มค่า ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 5 ชั่วโมง 25 นาที เท่านั้น
ซึ่งในระหว่างการเดินทาง ก็จะมีพนักงานมาคอยให้บริการ และมีบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน(Sky Cafe’) ที่สามารถเลือกเมนูอาหารได้ตามความชอบ เดินทางถึงจุดหมายได้อย่างสะดวกสบาย
ตารางบิน เส้นทาง กรุงเทพฯ(BKK) สู่ Fukuoka(FUK) ทำการบินทุกวัน ตลอดทั้งสัปดาห์
● VZ810 : BKK – FUK : 00.30 – 07.55
● VZ811 : FUK – BKK : 08.55 – 12.35
จอง ได้ที่ : https://th.vietjetair.com/
(*ตารางบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบจากเว็บไซต์อีกครั้ง)
PASS ที่เกี่ยวข้องสำหรับท่องเที่ยวใน FUKUOKA(KYUSHU)
- JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) ซื้อ JR Pass คลิกเลย!
- Kyushu Rail Pass (ครอบคลุมพื้นที่ฝั่งเหนือ/ฝั่งใต้/ทั้งหมดในคิวชู) ซื้อ JR Kyushu Rail Pass คลิกเลย!
- Sanyo-San’in-Northern Kyushu Area Pass (7 วัน) ซื้อ JR Sanyo-San’in-Northern Kyushu Area Pass คลิกเลย!
สำหรับการเดินทางในเมือง “ฟุกุโอกะ” เราจะเน้นเที่ยวไปตามเส้นทางรถไฟใต้ดิน กับ ตั๋วแบบเหมา 1 วัน (640 เยน) สามารถขึ้นรถไฟใต้ดินวนเที่ยวได้แบบไม่อั้น!
วนเที่ยวในเมืองตามเส้นทางรถไฟใต้ดิน(Subway) จะใช้แบบตั๋ว 1 วัน(One Day Ticket = 640 เยน) ตกวันละประมาณ 162 บาทเอง ขึ้นได้ไม่อั้น ไม่จำกัดเที่ยว ขึ้นผิดลงผิดสถานี ก็ไม่ต้องกังวล ใช้เดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทาง Subway ก็ช่วยประหยัดค่าเดินทางดี สามารถซื้อได้ที่ที่จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟใต้ดินทุกสถานีได้เลย
“Kushida Shrine” ศาลเจ้าเก่าแก่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ
ศาลเจ้าคูชิดะ (Kushida Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองฟุกุโอกะ(Fukuoka) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นศาลเจ้าที่มีการออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามน่าเลื่อมใส ในแบบของศาสนาชินโต
บรรยากาศภายในศาลเจ้าช่วงหน้าร้อนแบบนี้ จะมีดอกไม้มาช่วยเพิ่มสีสันอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างเช่น “ดอกอาจิไซ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดอกไฮเดรนเยีย” ที่ขณะนี้กำลังบานสวยงาม
ในแต่ละวันศาลเจ้าแห่งนี้ จะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาไหว้ขอพร ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และอายุยืนยาว
ถ้าได้มาเที่ยว “ฟุกุโอกะ” ต้องหาโอกาสแวะมาไหว้ขอพรศาลเจ้ากันสักครั้งนะ ไม่มีค่าเข้าสถานที่ เดินทางมาง่าย สะดวก ด้วยรถไฟใต้ดิน
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ สถานี Kushida Shrine Station 櫛田神社前駅 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 150 เมตร
“Hakozaki Shrine” เทศกาลดอกอาจิไซ(ไฮเดรนเยีย)
ในช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงเวลาฤดูกาลของ “ดอกอาจิไซ” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ดอกไฮเดรนเยีย” กำลังเบ่งบานอวดสีสันต้อนรับหน้าร้อนเดือนมิถุนายนพอดี ซึ่งในเมือง “ฟุกุโอกะ” ก็มีจุดชมดอกอาจิไซ(ไฮเดรนเยีย) อยู่หลายจุด และหนึ่งในนั้นก็คือ ศาลเจ้าฮาโกซากิ(Hakozaki Shrine) ที่จะพามาเที่ยวชมกัน
ศาลเจ้าฮาโกซากิ(Hakozaki Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่เป็น 1 ใน 3 ของศาลเจ้าฮาจิมัน ซึ่งบูชาเทพเจ้าฮาจิมัน
ภายในบริเวณ “ศาลเจ้าฮาโกซากิ” จะมี “สวนดอกไฮเดรนเยีย” ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี จะมี “เทศกาลดอกอาจิไซ” (アジサイ祭り) โดยจัดแสดงดอกอาจิไซไว้กว่า 100 สายพันธุ์ จำนวนกว่า 3,500 ต้น ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ใครแพลนมาเที่ยว “ฟุกุโอกะ” ช่วงนี้ แนะนำให้มาที่นี่เลย เดินทางง่ายด้วยรถไฟใต้ดิน แวะมาถ่ายรูปเล่นๆ ก็เพลินดีนะ
การเดินทาง : จาก Hakata Station นั่งรถไฟใต้ดินมาลง สถานี Hakozakimiya-Mae Station (ทางออก 1) แล้วเดินต่อประมาณ 200 เมตร
“Fukuoka Castle Ruin” จุดชมดอกไฮเดรนเยีย ณ สวนไมซุรุ
สวนไมซุรุ(Maizuru Park) และ สวนโอโฮริ(Ohori Park) สวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ภายในมีจุดท่องเที่ยวสำคัญ อย่างเช่น Fukuoka Castle Ruin ซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ของ ปราสาทฟุกุโอกะที่เคยถูกทำลายจนปัจจุบันเหลือเพียงซากของกำแพงและฐานของหอคอย, Ohori Park Japanese Garden สวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามร่มรื่น
ในช่วงฤดูกาลต่างๆ ภายในสวน ก็จะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป อย่างช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้ชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมีซากุระให้ชม ส่วนในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ก็จะมี “ดอกไฮเดรนเยีย” กำลังบานให้ชมอีกด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Ohori Park(Fukuoka Art Museum) 大濠公園駅(福岡市美術館口)
“Momochi Beach” ชิลยามเย็นริมชายหาด
เที่ยว #ฟุกุโอกะ ในโหมดยามเย็น ก็ต้องมาเดินเล่นชมบรรยากาศดีๆ ริมทะเล ณ Momochi Beach ที่ผู้คนในเมืองมักใช้เวลาในช่วงเย็นแบบนี้ มาพักผ่อน เดินเล่น ออกกำลังกาย และชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ กัน ซึ่งบริเวณนี้ก็มีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ อย่างเช่น
● Fukuoka Tower : หอคอยสูงที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟุกุโอกะ มีความสูง 234 เมตร ด้านบนหอคอยก็สามารถขึ้นไปชมวิวบรรยากาศมุมสูงเมืองฟุกุโอกะ แบบ 360 องศา
● Momochi Seaside Park : สวนสาธารณะริมทะเล พื้นที่แห่งการพักผ่อนริมทะเล โดยมีการจัดสวน และเส้นทางเดินริมชายหาด เหมาะที่จะมาเดินเล่นตากลมริมทะเลในช่วงยามเย็น
● Marizon : แหล่งรวมร้านค้าริมชายหาด ที่เป็นเหมือนเกาะยื่นลงไปกลางทะเล ภายใน มีร้านอาหาร ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางทะเล ร้านขายของต่างๆ และยังเป็นสถานที่ไว้สำหรับจัดงานแต่งงานอีกด้วย
ไฮไลท์ คือ ช่วงเย็น บรรยากาศจะดีมาก มานั่งเล่นกินลมชมวิวริมหาด Momochi Beach อากาศสบายๆ ดี มีร้านอาหารให้ซื้อขนม ของว่าง เครื่องดื่ม มาจิบพร้อมชมบรรยากาศ ได้มาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่นี่ มันชิลดีจริงๆ นะ
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟใต้ดิน Nishijin เดินเล่นไปเรื่อยๆ 20 นาที ก็จะถึงชายหาด หรือ ถ้าไม่อยากเดินไกล จะนั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Fukuoka Tower(TNC Hoso Kaikan)(bus) 福岡タワー(バス) ก็ได้ ถึงจุดหมายเลย สะดวกและรวดเร็วกว่าด้วย
“ศาลเจ้าดาไซฟุ” (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่และมีชื่อเสียงใน จังหวัดฟุกุโอกะ สร้างขึ้นตั้งแต่ในยุคเฮอัน ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการเคารพในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ วัฒนธรรม และศิลปะตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีชื่อเสียงเกี่ยวกับการศึกษา ผู้คนที่มาเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะมาขอพรกันเรื่องการเรียน จึงพบเห็น วัยรุ่น วัยเรียน วัยนักศึกษา เข้ามาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันอย่างมากมาย
มาเที่ยว “ศาลเจ้าดาไซฟุ” รอบนี้ อาจจะดูแปลกตาไปสักหน่อย เพราะมีการซ่อมแซมตัวศาลเจ้า โดยมีการสร้างอาคารศาลเจ้าชั่วคราวไว้เป็นที่สักการะขอพร
สำหรับศาลเจ้าชั่วคราวนี้ ออกแบบโดยสถาปนิก Sousuke Fujimoto แนวคิดเหมือนป่าลอยน้ำ สื่อถึงความเป็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์รอบๆ ศาลเจ้าดาไซฟุ โดยบนหลังคามีการปลูกต้นไม้ รวมถึงต้นบ๊วยและพืชจากพื้นที่รอบๆ บริเวณศาลเจ้า เมื่อการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย ต้นไม้ต่างๆ ก็จะย้ายกลับไปยังป่าในบริเวณศาลเจ้าตามเดิม ซึ่งการซ่อมแซมจะใช้ระยะเวลา 3 ปี
ช่วงเข้าสู่หน้าร้อนแบบนี้ (เดือนมิถุนายน – กรกฏาคม) จะเป็นช่วงเวลาที่ ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ดอกอาจิไซ (Ajisai) เบ่งบานอวดสีสันสวยงามให้ได้ชมอีกด้วย
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Nishitetsu – Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitetsu-Futsukaichi จากนั้น เปลี่ยนสายไปลงที่สถานี Dazaifu Station ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง รวมใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 26 นาที (ค่าโดยสาร 420 เยน)
“Nanzoin Temple” พระพุทธรูปนอนสัมฤทธิ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก
มาไหว้พระขอพรที่ Nanzoin Temple อีกหนึ่งวัดขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุโอกะ ที่ภายในวัด มีพระพุทธรูปนอน ความสูง 11 เมตร ยาว 41 เมตร และหนักถึง 300 ตัน สวยงามอลังการมาก แวดล้อมด้วยต้นไม้เขียวๆ กำลังสดชื่นเลยทีเดียว
“Nanzoin Temple” สามารถเดินทางมาไหว้พระขอพรกันได้อย่างสะดวก เดินทางด้วยรถไฟมาอย่างง่ายมากๆ จากสถานีรถไฟ แล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงแล้ว เป็นอีกสถานที่ที่ควรจดไว้ในลิสเมื่อมาเยือน “ฟุกุโอกะ” เลย
มาถึงที่วัดแห่งนี้ทั้งที อย่าลืมชิม ซอฟท์ครีม (300 เยน) ด้วยนะ
ระหว่างทางเดิน จาก สถานีรถไฟ ไป Nanzoin Temple จะมีสะพานดนตรี The melody bridge ซึ่งตรงราวสะพานจะมีแป้นตัวโน้ต เราสามารถเอาไม้มาเคาะเกิดเป็นเสียงเมโลดี้ของเพลง
การเดินทาง : จาก เมือง “ฟุกุโอกะ” ขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Hakata Station สาย JR Fukukita Yutaka Line มาลงที่ สถานี Kido-Nanzōin-mae Station ใช้เวลาเดินทาง 26 นาที (ค่าโดยสาร 380 เยน) จากนั้น เดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร
Yanagibashi Rengo Market ตลาดเช้าอาหารทะเล
ตลาดเช้าอาหารทะเลใจกลางเมืองฟุกุโอกะ(Fukuoka) เดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน แหล่งที่กินอย่างดีสำหรับคนชอบอาหารทะเล แนะนำเลย!
ภายใน ตลาดปลา Yanagibashi Rengo Market จะเป็นซอยเล็กๆ มีความยาวแค่ 100 เมตรเท่านั้น แต่ก็มีร้านอาหารทะเลสดๆ กุ้ง หอย ปู ปลา ให้เลือกซื้อหลายร้าน และก็มีบางร้านที่สามารถนั่งทานในร้านได้
อย่างร้านแนะนำที่มีโอกาสได้มาลองชิมในครั้งนี้ ชื่อร้าน 古賀鮮魚 เปิดขายอาหารทะเลสดๆ และมีส่วนของร้านอาหารที่ให้นั่งทานได้ ซึ่งแม้จะอยู่ในตลาด แต่ร้านก็สะอาดดี มีเมนูอาหารทะเลให้ลองชิมมากมาย สด และอร่อยจริงๆ ใครมาย่านนี้ห้ามพลาดเลยนะ!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟใต้ดิน Watanabe-Dori Station เดินประมาณ 300 เมตร
Marugetta Tojinmachi ร้านพาสต้าเมนไทโกะ
“ไข่ปลาเมนไทโกะ” อีกหนึ่งเมนูเด็ดของ ฟุกุโอกะ ที่ต้องมาลองชิม ซึ่งร้านนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการนำเมนไทโกะมาประกอบเป็นเมนูอาหาร ดูน่าสนใจดี
เมนูหลักของ Marugetta Tojinmachi จะเป็น “พาสต้า” รสชาติเข้มข้น เสิร์ฟมาร้อนๆ ตัวซอสของพาสต้าเข้ากันกับเมนไทโกะได้อย่างดี อร่อยมาก ใครชอบเมนไทโกะหรืออยากลองชิม ก็ไปแวะร้านนี้กันได้นะ
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟใต้ดิน Tojinmachi Station เดินประมาณ 100 เมตร
“ปีกไก่ทอด” ร้านเด็ดฟุกุโอกะ
ร้านปีกไก่ทอด 博多手羽先横丁 薬院店 อยู่ในย่าน Yakuin เป็นร้านแนวอิซากายะ ที่มีเมนูหลัก คือ ปีกไก่ทอด ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ ปีกไก่กรอบฉ่ำ และมีให้เลือกถึง 6 รส อย่างเช่น รสดั้งเดิม สาหร่ายรสเค็ม รสธรรมดา รสแกงกะหรี่ เป็นต้น (ทางร้านแนะนำรสชาติดั้งเดิม) เริ่มต้นที่ 5 ชิ้น = 462 เยน
สำหรับใครอยากกินแบบจุใจ ก็เลือกแบบกินไม่อั้นได้ (อย่างคุ้ม!) ซึ่งจะรวมทั้งปีกไก่ทอด เครื่องเคียง และเครื่องดื่มไม่อั้นกว่า 30 ชนิด รวมทั้งหมดทุกอย่าง(รวมภาษี) = 2,750 เยน/คน (120 นาที)
“ปีกไก่ทอด” จะทยอยทอดตามจำนวนที่สั่งไป ทำให้ได้ปีกไก่ทอดเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ กินอร่อยดี กินได้ไม่อั้น มีหลายรสให้เลือก ค่อยๆ แทะกินไปเพลินมาก แถมได้เครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มตามเข้าไปด้วย อย่างฟินเลย
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟใต้ดิน Watanabe-Dori Station เดินประมาณ 250 เมตร