เที่ยว “มะนิลา” ประเทศฟิลิปปินส์ กับโปรบิน 0 เปโซ!!
การเดินทางสู่ มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยโปรฯ 0 เปโซ ทริปนี้เป็นรีวิว แนวๆ เหมือนอ่านการ์ตูนครับ มะนิลา นี่เป็นอีกเมืองเลยครับที่ ไฉไลแบ๊คแพ๊คเกอร์ ถูกใจเป็นอย่างมาก เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพง สามารถเที่ยวอย่างประหยัดได้เลย ถ้าสามารถหาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ได้ก็ประหยัดไปได้เยอะเลยครับ .. เริ่มต้นออกเดินทางกันดีกว่า!!!
เดินทางไปกับ โปร Cebu 0 เปโซ ครับ…คุ้มค่ามากเลยกับการเดินทาง 3 ชม. นั่งเครื่องมาเที่ยวในหน้ามรสุมของฟิลิปปินส์เช่นนี้ก็มีเสียวๆบ้างเหมือนกันครับ…แต่ก็ราบรื่นดีครับ หลับสบายกันไป..
สักพักแอร์ฯ สาวสวยก็จะมาแจกแบบฟอร์มเข้าเมืองให้กรอกครับ..เพื่อความรวดเร็วกรอกไว้เลยก็ได้ครับ..
แต่ตอนนี้เราของีบเอาแรงก่อนล่ะกัน..สักพักก็เดินทาง ถึง แล้วครับ สนามบินนินอย เมืองมะนิลา..
มาถึงมะนิลาก็เช้าพอดีครับ เราออกมาจากสนามบิน แล้วเลี้ยวขวาตามข้อมูลที่ได้มา เพื่อนั่งรถแท็กซี่เข้าเมืองครับ… เป็นแท๊กซี่ สีเหลือง ครับ มีเจ้าหน้าที่คอยจัดการดูแลให้อย่างดีครับ..จุดหมายแรกของเราคือไปหาที่พักครับ..จะไปอยู่แถวๆ ย่าน Makati ครับ นับเป็นย่านธุรกิจของมะนิลาเลย อีกอย่างรู้สึกอุ่นใจ และรู้สึกปลอดภัยดีครับ..
นั่งแท็กซี่ไม่นานก็มาถึงครับ ย่าน Makati รู้สึกว่าประมาณ 100 เปโซ เห็นจะได้ครับ.. 1 เปโซ = 0.7 บาทครับ โดยประมาณ ย่านนี้นับเป็นย่านธุรกิจของที่นี่เลย มีตึกสูงๆ เยอะแยะไปหมด..
เราได้ติดต่อพัก โรงแรมในย่านนี้ครับ ในราคาประมาณ 1500 บาท + เตียงเสริม ครับ ก็ถูกใจดีครับ รู้สึกปลอดภัย และก็อยู่สบายๆ ดีครับ ใจกลางเมืองเลย หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราก็ออกเดินเล่นชมเมืองมะนิลาครับ จะเห็นรถโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย เป็นรถสองแถวครับ สีสันฉูดฉาด และมีเยอะมากๆครับ…
อยากลองนั่งรถโดยสารดูครับ แต่มีหลายสาย และหลายสี(สัน) เหลือเกิน..ก็เลยโบกแท็กซี่เอาครับ.. จะไปดูทะเลก่อนเป็นที่แรก ไป “มะนิลา เบย์” ครับ..
วันหยุดแบบนี้ ชาวมะนิลาจะพาครอบครัวมาเที่ยว พักผ่อนแถวนี้เยอะมากๆครับ..รูปร่างหน้าตา นี่จะเหมือนคนไทยมากๆเลยครับ เราสามารถเนียนๆ ไปเดินเล่น ไปเที่ยวเหมือนคนประเทศเขาได้เลย พอได้ยินเราพูดภาษาไทยกัน เขาจะหันมามองกันเป็นแถวเลยครับ คงงงพวกนี้พูดภาษาอะไรกัน ฮ่าๆ
จุดหมายของเราต่อไป คือการไปดู “ภูเขาไฟ TAAL” กันครับ ซึ่งอยู่ตอนใต้ของมะนิลาไปประมาณ 60Km ซึ่งคำแนะนำจาก โรงแรมคือให้เหมารถไปอย่างเดียวเลยครับ..ก็แพงเอาการอยู่เหมือนกันครับ.. ระดับมาลุยเองแล้ว หารถต่อไปเองดีกว่าครับ..ฮ่าๆ..ก็เลยหาท่ารถก่อนดีกว่า แล้วหารถไปอีกที…ก็เลยลองถามสาวๆ แถว มะนิลาเบย์นี่แหละครับ..
คำตอบ(ที่เขาบอกมา) ก็คือ ไม่มีรถไปที่ภูเขาไฟโดยตรงเลย ต้องไปหารถต่อเอาอีกที ก็โอเค ลุยๆ ไปก่อนล่ะกันครับ..
มาถึงท่ารถจนได้ครับ เป็นรถคล้ายๆ รถ ป.2 บ้านเรา ก็ลองนั่งๆดู เปิดแผนที่ดูมั่วๆไป เอาไปให้ใกล้ที่สุดก่อน แล้วค่อยหาต่อรถกันไป มั่วมากๆ ฮ่าๆ ก็นั่งรถออกนอกเมืองมาสักพักครับ.. ตอนนี้เริ่มรู้สึกระวังตัวกันบ้างแล้วครับ เพราะไม่ค่อยแน่ใจในความปลอดภัยสักเท่าไหร่ (หรือคิดไปเองก็ไม่รู้ ฮ่าๆ)…
ออกมาได้สัก 1 ชม. เด็กรถก็ชี้มือให้ลงครับ..ให้ไปต่อรถสองแถวต่อ..เขาให้ลงเราก็ลงสิครับ..เดินไปท่ารถสองแถวแบบงงๆ..เขาก็บอกให้ขึ้นรถได้เลย..เอาล่ะ..ได้นั่งซะทีรถสองแถวมะนิลา ค่าโดยสารถูกมากๆครับ นั่งสบายๆ ไปชิลๆ..ชาวมะนิลาที่นั่งรถไปด้วยก็ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย..^^
ต่อรถสองแถวมาสักพัก ก็มาถึงเมือง ตาเกตา ครับ.. เป็นท่ารถที่สำหรับต่อรถวินมอไซค์(พ่วง) รับจ้างลงไปดูภูเขาไฟครับ..ก็เลยลองติดต่อไปครับ คิดประมาณคนละ 100 บาทไทยครับ..ต้องลงเขาลัดเลี้ยวไปอีกพอประมาณเลย ก็เลยลองดูครับ..นั่งไปนี่เหมือนขบวนการห้าสีเลย…รอแปลงร่าง ฮ่าๆ…
ระหว่างทางไปพี่วินแกซิ่งฝุ่นตลบจริงๆครับ..เข้าโค้งตามไหล่เขานี่..เสียวใช้ได้เลยทีเดียวเชียว!!
ไม่นานก็มาถึงครับ ภูเขาไฟ TAAL ครับ…เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ มองจากมุมนี้ก็สวยดีครับ…บริเวณนี้จะมีร้านอาหารให้นั่ง พร้อมบริการนั่งเรือข้ามไปดูที่ปากปล่องเลย..อยากไปมากครับ แต่ต้องพับโครงการนี้ไป เพราะกลัวจะกลับมาไม่ทันครับ ถ้าเข้าถึงเมืองดึก เราจะซวยแน่ๆครับ..ก็เลยขอผ่านไปก่อน ขอชมอยู่ไกลๆตรงนี้แหละ..^^
จากนั้นพี่วินก็แนะนำให้ไปที่สวนสาธารณะครับ..เพราะจะมีจุดชมวิวภูเขาไฟ และมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเผื่อจะถูกใจครับ ก็เลยไปดู ที่นี่ก็เช่นกันครับ ชาวมะนิลาก็ออกมาพักผ่อนกันเยอะแยะเลยครับ..
ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำกันเยอะแยะเลยครับ..เช่น โหนสลิง คงจะเสียวดีเหมือนกันนะครับเนี่ย..คนเล่นกันเยอะเลย..
จากนั้นก็กลับกันครับ เลยถามคนแถวนั้น..เขาก็บอกให้ไปที่ป้ายรถเมล์ครับ มีรถเข้าเมืองมะนิลา..เลย..ก็โอเคเลยครับ นั่งรอกันแป้บเดียว รถก็มาครับ เป็นคล้ายๆ รถ ป.2 ตอนขามา ก็นั่งมากันครับ แต่ขากลับนี่รถติดมากๆ เลยครับ อีกทั้งฝนก็ตกลงมาอีก ฝนตกรถติด เหมือนบ้านเราเลย..อยากกลับให้ถึงมะนิลาก่อนค่ำ ครับ..
ขากลับใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะถึงในเมือง 3 ชม.กว่าๆ ที่นั่งรถมา!! หิวกันมากมายครับ..กลับมาถึงมะนิลาก็หาอะไรทานกันครับ..เป็นเซต ข้าว+ไก่ย่าง ครับ..ราคา 109 เปโซ ขอบอกว่าถูกใจมากเลย เพราะเพิ่มข้าวได้ไม่อั้นครับ..อย่างนี้ก็อิ่มแน่นอนครับ..เพราะเราก็ไม่ยั้งเหมือนกัน ฮ่าๆ
เรื่องรสชาตินี่ขึ้นชื่อว่า “ไก่ย่าง” ถูกใจคนไทยอย่างเราแน่นอนครับ..อร่อยมากๆ ครับ..ทานกับข้าวร้อนๆ ห่อใบตอง กลิ่นนี่เยี่ยมยอดไปเลย..บีบมะนาว เครื่องเคียงลงไปบนเนื้อไก่หน่อยนะ หูยยย..อร่อยอย่าบอกใครเชียว..แซ่บๆ..!!
หลังจากที่เราทานกันเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปโรงแรมกันครับ ระหว่างทางคนจรจัดจะเยอะมากๆ เลยครับ… ต้องระวังตัวและสิ่งของมีค่าให้ดีๆ ครับ ขอทานนี่เข้ามาขอประชิดตัวเลยครับ ต้องระวังตัวให้ดี นี่ขนาดดึกไม่มาก ยังออกมากันเยอะเลยครับ แตกต่างกับเมื่อตอนกลางวันเลย.. กลับมาถึงโรงแรม ก็อาบน้ำ ดูทีวี ตั้งใจจะออกไปชมราตรีมะนิลากันสักหน่อย แต่ก็นอนหลับกันไปโดยไม่รู้ตัวเลยครับ.. คร่อกกกกก..
ราตรีสวัสดิ์ …มะนิลา…
เช้าวันใหม่ วันที่ 2 .. ที่มะนิลานะครับ ตื่นมาด้วยร่างกายที่สดชื่น เนื่องจากนอนกันเยอะมาก เข้านอนตั้งแต่ประมาณ 1 ทุ่ม มาตื่นกัน เกือบ 10 โมงเช้า นอนกันมาราธอนมาก..ฮ่าๆ วันนี้จะไปเที่ยว “อินทรามูรอส” เมืองเก่าที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนมะนิลาครับ..
จัดการแลกเงิน พร้อมออกเที่ยวในวันนี้ครับ ในเมืองจะมีร้านรับแลกเงินอยู่พอสมควรเลยครับ..แต่ว่าบ้านเมืองนี้เขาตื่นสายกันจังนะ.. แล้วก็ผับบาร์ที่นี่ เปิดกันถึงเช้าเลยครับ..สายๆ ขนาดนี้ ยังเห็นปาร์ตี้ กันอยู่เลย..
เช้าๆ มาแบบนี้ อยากหาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ร่างกายสดชื่นสักหน่อย ก็เลยข้าวไก่ย่างเหมือนเดิม ที่ทานกันเมื่อวานครับ แต่ว่าคนละร้าน ร้านนี้ไม่มีเพิ่มข้าวไม่อั้นครับ..ก็เลยสั่งข้าวไก่ย่าง +คล้ายๆ น้ำกะทิราด ลงไปนิดๆด้วยครับ..อร่อยใช้ได้ทีเดียว..พร้อมด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ เป็น“มะนิลาเบียร์” ครับ..ราคาประหยัดถูกใจ มาถึงมะนิลาแล้วต้องลองชิมบ้าง อิอิ..บรรจุขวดละลิตรเลย ขวดเลยใหญ่มากๆ…^^
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็โบกแท็กซี่ไปสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดครับ..เป็น สถานี Buendia ครับ…จะนั่งรถไฟฟ้าไปอินทรามูรอสกัน จะนั่งไปลงที่ Taft เพื่อไปเปลี่ยนอีกสายครับ..ราคาประหยัดถูกใจ ประมาณ 7.50 บาทไทย.
วันหยุดเช่นนี้ คนมะนิลาออกมาเที่ยวนอกบ้านกันเยอะมากเลย..ลักษณะท่าทาง จะเหมือนคนไทยมากๆ เลยครับ..เราเลยเนียนๆ ไปกับชาวมะนิลาได้เลย..แต่พอเราคุยกัน นี่จะหันมาทั้งโบกี้เลย ประมาณว่า“พวกเอ็งพูดภาษาอะไรกันว่ะ…” ฮ่าๆๆ
ยืนมาได้สักพัก ก็ต้องลงมาเปลี่ยนสายแล้วครับ..รถไฟฟ้าที่นี่ สร้างมาตั้งแต่ ปี 2527 นับมานานมากเลยทีเดียวครับ..เป็นบริการขนส่งมวลชนที่ได้รับความนิยมมากๆเลย..ราคาประหยัด..เดินทางสบาย..ถูกใจจริงๆ..
เราซื้อตั๋วเปลี่ยนสายไปลงที่ สถานี United Nation เนื่องจากดูในแผนที่แล้วน่าจะอยู่ใกล้ “อินทรามูรอส” ที่สุดแล้วครับ..จากนั้นก็เดินกันต่อครับ..เดินๆ หลงๆ ดูแผนที่กันไป…
คนมะนิลา นี่ใจดีกับนักท่องเที่ยวนะครับ..เพราะจะคอยให้ความช่วยเหลือตลอดเลย..เพราะเราก็ดูแผนที่ หา“อินทรามูรอส” ก็หลงๆ คลำทางไปไม่ถูก..ก็คอยมาช่วยชี้ทางให้ครับ..
เดินผ่านคล้ายๆ สนามหลวงของเราครับ..ที่นี่คนมาพักผ่อนเยอะมากครับ..มีวิ่งว่าว เหมือนที่บ้านเราด้วย..
คนมาพักผ่อนกันเยอะ ก็มีร้านค้าออกมาขายของ ขายอาหารกันเยอะแยะ..อากาศร้อนๆ ก็ลองซื้อไอติมคลายร้อนกันสักหน่อย..
และแล้วก็เดินมาถึง“อินทรามูรอส” จนได้ครับ..ระหว่างเดินมาก็ต้องระวังตัวกันหน่อยนะครับ เพราะคนจรจัด ขอทาน นี่จะมีอยู่ประปรายเลย..จะคอยเดินเข้ามาหาตลอด ก็พยายามเลี่ยงๆเดินให้ห่างๆไว้นะครับ..สิ่งของมีค่า ก็พยายามเก็บไว้ให้ดีครับ..
ถึง “อินทรามูรอส” เมืองเก่า ดูสวยคลาสิคดีครับ..^^
“อินทรามูรอส” มาเยือนกันแล้ว…ตอนนี้จะมีพวกสามล้อรับจ้าง พาเที่ยวรอบๆ เมืองเก่าแห่งนี้ครับ..แต่พวกเราอยากเดินครับ..เดินเล่นชมเมืองเก่าไปเรื่อยๆ…
เนื่องจากแผนที่ ที่ปริ๊นเตรียมข้อมูลไปไม่ค่อยชัดเจนครับ..ก็เลยต้องอาศัยพี่น้อง ชาวมะนิลานี่แหละ ถามทางเอา..ตอนนี้อยากกระชับเวลาแล้วครับ..ไปแต่จุดที่สำคัญๆ…พี่น้องชาวมะนิลานี่ใจดีจริงๆเลย ^^
ตึกและอาคารในเมืองเก่านี้ ดูสวยและคลาสสิคมาก ๆ
อาคารสีสันสดใสก็มีให้ชมครับ…แต่ทางด้านหลังๆ นี่จะติดกับชุมชนแออัดนะครับ..ต้องระวังบ้างครับ.. เพราะเด็กวิ่งกรูมารุมขอเงินกันเพียบเลยครับ ทั้งดึงเสื้อ ทั้งยื้อ เพื่อจะขอเงิน ถึงขนาดเราต้องรีบเดินหนีกันทีเดียว และก็ตื้อไม่หยุดด้วยครับ..พอเดินมาถึงที่คนเยอะๆ จะไม่กล้าตามมาแล้วครับ..
“โบสถ์ซานอากุสติน” จะเป็นโบสถ์ที่ดูยิ่งใหญ่ เด่นเป็นเอกลักษณ์เลยครับ..ดูภายนอกก็สวยงดงาม…เข้าชมฟรีด้วยนะ!
จากนั้นเราก็ไป “ป้อมซานดิเอโก” ครับ..ซึ่งอยู่ในเขตเมืองเก่านี่แหละครับ..ป้อมจะอยู่ติดกับแม่น้ำครับ..ต้องเสียค่าเข้าชมด้วยครับ คนละ 75 เปโซ..
ที่นี่จะเป็นที่ กักขัง เชลยศึก ด้วยครับ..
ตรงติดกับแม่น้ำจะเป็น “คุกน้ำ” ครับ..ไว้กักขังเชลย…และเป็นที่ประหารไปในตัวครับ โดยขณะที่น้ำลด เชลยจะโดนต้อนนำเข้าไปขังในคุกน้ำแห่งนี้ครับ..จนรอเวลาน้ำขึ้น น้ำก็จะค่อยๆขึ้นจนทำให้เชลย ค่อยๆ จมน้ำตาย..เป็นการประหารที่ดูเลือดเย็นมากเลย…
ตกเย็นพอดี เดินผ่าน “สนามหลวง” ที่เดิม คนเยอะมาก เลยขอนั่งเล่นพักผ่อนแถวนี้สักหน่อย..
ที่นี่เป็นศูนย์รวมหลากหลาย กิจกรรมยามเย็นเลย..ทั้งออกกำลังกาย.. ทั้งพักผ่อน.. พาครอบครัวมาปิคนิค..
นั่งรถไฟฟ้า กลับเข้าในตัวเมืองมะนิลาครับ..จัดการเก็บของ เตรียมกลับบ้านกันแล้วครับ..
ก็เลยมาชวนชิมมื้อสุดท้าย ของมะนิลา ที่นี่ครับ…ข้าวไก่ย่าง เหมือนเดิม ฮ่าๆ.. แต่ร้านนี้ เพิ่มข้าวไม่อั้นครับ น้ำดื่มฟรี ก็เป็นอันถูกอกถูกใจกันทีเดียว..!!
เพิ่มข้าวได้ตามสบายเลยครับ..วันนี้เดินเหนื่อยๆ หิวๆ ทานกันไม่ยั้งเลยทีเดียว..น้องๆ เด็กเสริฟ ตักข้าวให้แทบไม่ทัน ฮ่าๆ…ต้องเอาให้อิ่ม ให้คุ้มก่อนกลับสิครับ..อิอิ..
หลังจากนั้น มีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยก่อนที่จะกลับ ก็เลยมานั่งเล่นชิลๆ..ชมสีสันเมืองมะนิลายามค่ำคืนสักหน่อย..กับผู้สนับสนุนหลักเจ้าเดิม “มะนิลาเบียร์”…ชิลๆ กันไป ^^
หลังจากได้เวลาอันพอสมควรแล้วก็กลับกันครับ…ก็โบกแท็กซี่ไปสนามบินครับ..ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสนามบิน..
ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว…นับเป็นทริปสั้นๆ ที่คุ้มค่าจริงๆเลยครับ..จนต้องวางแผนว่าจะกลับมาเยือนที่นี่ใหม่ในโอกาส กันเลยทีเดียว…ขอจบทริป”มะนิลา” เพียงเท่านี้นะครับ..ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ…!!
ช่วย Like ช่วย Share ติดตามการเดินทางสนุกสนานเฮฮาสนุกสนานสำราญของ ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ กันได้นะครับ.