ทริปนี้ เราเดินทางไปเที่ยว “ญี่ปุ่น” กัน(อีกแล้ว!) ซึ่งครั้งนี้ กลับมาเที่ยวแถบ “โอซาก้า” และ ภูมิภาคคันไซในบรรยากาศช่วงหน้าร้อนกันสักหน่อย
ครั้งนี้ เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Vietjet กับเส้นทางบินตรง จาก “เชียงใหม่” (CNX) สู่ “โอซาก้า” (KIX) ประเทศญี่ปุ่น ทำการบิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สามารถเลือกเดินทางตามวันที่ต้องการจากตารางบินได้ ซึ่งถ้าใครอยู่เชียงใหม่ (หรือโซนภาคเหนือ) ก็จะได้ไปเที่ยว “ญี่ปุ่น” กันอย่างสะดวกสบาย แถมราคาก็ประหยัดและมีโปรโมชั่นดีๆ ออกมาเรื่อยๆ อีกด้วย บินสะดวก ราคาประหยัดต้องไทยเวียตเจ็ทเลย
ตัวอย่าง จุดเช็คอิน กิน เที่ยว ในทริปนี้
● OSAKA : Dotonbori(ย่านช้อปปิ้งโดทงบุริ), Kuromon Ichiba Market(ตลาดคุโรมง)
● WAKAYAMA : Kuroshio Fish Market(ตลาดปลาคุโระชิโอะ), Tama Densha(รถไฟทามะ), Wakayama Castle(ปราสาทวาคายามะ)
● NARA : Todai-ji Temple(วัดโทไดจิ), Kofuku-ji(วัดโคฟุกุ), Nara Park(สวนสาธารณะเมืองนารา)
● KYOTO : Kiyomizu-dera Temple(วัดน้ำใส), Yasaka Pagoda(เจดีย์ยาซากะ), Fushimi Inari Taisha(ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ) เป็นต้น
เชียงใหม่ – โอซาก้า บินไปกับ Vietjet
เริ่มต้น การเดินทาง จริงๆ เรานั่งเครื่องมาจาก สุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) มาลงที่ สนามบินเชียงใหม่ เพื่อมารอต่อเครื่อง ไปยัง “โอซาก้า” อีกครั้ง ซึ่งถ้าลองเปรียบเทียบราคาค่าเดินทางโดยรวม ก็ถือว่าประหยัดดี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
ใน สนามบินเชียงใหม่ เคาน์เตอร์เช็คอิน เปิดก่อนเวลา 3 ชั่วโมง โดยจะมีพนักงานมาคอยดูแลให้คำแนะนำระหว่างทำการเช็คอิน มีผู้โดยสารทยอยเข้ามาเช็คอิน และโหลดสัมภาระอยู่เรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานก็เช็คอินเสร็จเรียบร้อย
สำหรับ ตารางบิน “เชียงใหม่ – โอซาก้า” เที่ยวบินเวลา 23.00 น. จะถึงปลายทางที่ “โอซาก้า” ตามตารางเวลา 06.20 น. เวลากำลังดี ไปถึงเช้าได้เที่ยวต่อพอดี โดยระหว่างการเดินทาง ก็จะมีพนักงานต้อนรับมาคอยให้บริการ และมี บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน(Sky Cafe’) ที่สามารถเลือกเมนูอาหารได้ตามความต้องการ
สรุป การเดินทางของเที่ยวบินสู่ “โอซาก้า” (VZ822) ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 20 นาที มาถึงปลายทางตามกำหนด พร้อมเที่ยวต่อได้เลย!!
ตารางบิน (4 เที่ยวบิน/สัปดาห์)
● ขาไป CNX – KIX : VZ822 : 23.00 – 06.20(+) (ทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์)
● ขากลับ KIX – CNX : VZ823 : 09.05 – 13.05 (ทำการบินทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์)
จองได้ที่ : https://th.vietjetair.com
Kuroshio Fish Market | ชิมอาหารทะเลสดๆ พร้อมดูโชว์แล่ปลาทูน่า!
ประเดิมที่เที่ยวแรกของทริปนี้ ที่ “ตลาดปลาคุโระชิโอะ” (Kuroshio Fish Market) หลังจากเราลงเครื่องที่ สนามบินนานาชาติคันไซ(Kansai International Airport) เมื่อเช้า ก่อนที่จะเข้าเมืองโอซาก้า เราก็ขอแวะเที่ยวในจังหวัดวาคายามะ(Wakayama) กันก่อน เป็นจังหวัดที่เดินทางจากสนามบินมาไม่ไกล นั่งรถไฟสาย Nankai Line เพียง 40 นาที เท่านั้น
ตลาดปลาคุโระชิโอะ (Kuroshio Fish Market) เป็นตลาดจำหน่ายอาหารทะเล แหล่งรวมอาหารทะเลแบบสดๆ จากชาวประมง ตั้งอยู่ในพื้นที่ริมทะเล ในจังหวัดวาคายามะ(Wakayama) เป็นตลาดอาหารทะเลที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
ภายใน “ตลาดคุโระชิโอะ” จะมีร้านค้าจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ อยู่หลายร้าน ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ มีให้เลือกชิมเพียบ สามารถลองชิมอาหารทะเลแบบสดๆ กันได้เลย มีมุมม้านั่งริมทะเลสำหรับไว้นั่งทานอาหารอีกด้วย
และ ใครที่ชอบการปิ้งย่างบาร์บีคิว ก็จะมีร้านที่เตรียมวัตถุดิบเสียบไม้ไว้ให้พร้อม สามารถเลือกซื้อวัตถุดิบได้ตามต้องการจากร้านค้าต่างๆ แล้วชำระเงินให้เรียบร้อย จากนั้น ก็ไปนั่งที่โต๊ะที่มีเตาปิ้งย่างเตรียมไว้ให้ ซึ่งเราสามารถปิ้งย่างได้ฟรี..!!
สำหรับ ไฮไลท์ ของการมาเที่ยว ตลาดปลาคุโระชิโอะ คือ การชมโชว์แล่ปลาทูน่าสดๆ จากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะมีการอธิบายขั้นตอนในการแล่ปลา และจะได้เห็นวิธีการแล่ส่วนต่างๆ ของตัวปลา ซึ่งจะได้ชิ้นส่วนของปลาที่มีคุณภาพ สดๆ ใหม่ๆ น่าลองชิมเลยทีเดียว
ตารางเวลา การโชว์แล่ปลาทูน่า
● 12.30 น.(ทุกวัน)
● 12.30 น. และ 15.00 น.(วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
มาเที่ยว “ตลาดปลาคุโระชิโอะ” (Kuroshio Fish Market) ในวันนี้ เราก็ได้อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารทะเลหลายอย่างเลย มีของให้เลือกชิมเพียบจริงๆ ได้มาปิ้งย่าง ในบรรยากาศริมทะเล ชิลดีเหมือนกันนะ ซึ่งถ้าใครที่ชอบอาหารทะเลสดๆ แบบนี้ แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลย!
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ Wakayamashi Station 和歌山市駅 นั่งรถบัสหน้าสถานี สาย 42, 117 มาลงที่ป้าย Marina City ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที(ค่าโดยสาร 520 เยน)
Tama Densha | นั่งรถไฟทามะไปหานายสถานีแมว
เส้นทางรถไฟธีมแมวเหมียวสุดน่ารัก ที่เต็มไปด้วยแมวเหมียว ที่ต้องมาลองนั่งกันสักครั้ง!
รถไฟทามะ ขบวนแมวเหมียว หรือ Wakayama Electric Railway Kishigawa Line เป็นสายรถไฟสายสั้นๆ ในจังหวัดวาคายามะ (Wakayama) มีระยะทาง 14.5 กิโลเมตร วิ่งระหว่างเมือง Wakayama (JR Wakayama Station) ไปสุดสายที่เมือง Kinokawa (Kishi Station) โดยตลอดเส้นทางมีทั้งหมด 14 สถานี และที่เป็นไฮไลท์ของรถไฟสายนี้จะอยู่ที่สถานี Kishi Station และ Idakiso Statio ซึ่งจะมีนายสถานีแมวปฏิบัติหน้าที่ ประจำอยู่ที่สถานีรถไฟ ถ้าใครอยากเจอนายสถานีแมว ก็อย่าลืมเช็ควันและเวลาเข้างานกันด้วยนะ
ตารางการทำงานของ TAMAⅡ NITAMA
● สถานีรถไฟ : Kishi Station
● วันทำงาน : จันทร์ / อังคาร / ศุกร์ / เสาร์ / อาทิตย์
● เวลาทำงาน : 10.00 น. – 16.00 น.
ตารางการทำงานของ YONTAMA
● สถานีรถไฟ : Kishi Station และ Idakiso Station
● วันทำงาน : Kishi Station(พุธ / พฤหัสบดี) และ Idakiso Station(อังคาร / เสาร์ / อาทิตย์)
● เวลาทำงาน : 10.00 น. – 16.00 น.
และ วันที่เราเลือกเดินทางกัน เป็นวันอังคาร เพราะอยากเจอกับนายสถานี TAMAⅡ NITAMA กับ YONTAMA ที่ทำงานประจำสถานีทั้งสองสถานีเลย โดยเริ่มต้นเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Wakayama Station ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 9
- แนะนำ : ให้ซื้อตั๋วแบบ One day ticket (800 เยน) ที่สามารถใช้เดินทางในรถไฟสายนี้ได้อย่างไม่จำกัดใน 1 วัน จะช่วยประหยัดค่าเดินทาง สามารถขึ้น-ลงรถไฟ ได้ตลอดทั้งวัน
สำหรับรถไฟสาย Wakayama Electric Railway Kishigawa Line นอกจากมีขบวนรถไฟธีมแมวเหมียวแล้ว ก็ยังมีขบวนธีมน่ารักอื่นๆ อีกด้วย
● Tama Train : รถไฟทามะ รถไฟธีมน่ารัก ที่มีทามะ 101 ตัว วาดอยู่บนตัวรถไฟ และภายในก็ตกแต่งได้อย่างน่ารัก เป็นขบวนยอดนิยมที่ใครๆ ก็อยากขึ้นมากที่สุด
● Ichigo (Strawberry) Train : รถไฟสตอเบอรี่เป็นรถไฟธีมน่ารักสดใส มีพื้นรถไฟที่ปูด้วยไม้ รวมถึงม้านั่ง เคาน์เตอร์บริการ และโต๊ะที่ทำจากไม้ธรรมชาติ
● Omocha (Toys) Train : รถไฟของเล่น ที่มีของเล่นมากมายในรถไฟสีแดง เป็นที่ถูกใจของเด็กๆ ที่จะสนุกสนานไปกับของเล่นตลอดการเดินทาง
● Umeboshi Train : รถไฟบ๊วย ออกแบบมาจากบ๊วยของจังหวัดวาคายามะ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายนอกสีแดงที่ได้แรงบันดาลใจจากบ๊วยแห้งอุเมะโบชิ ได้บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น
เมื่อนั่งรถไฟมาสุดสายที่สถานี Kishi Station ก็จะพบกับอาคารสถานีรถไฟที่ออกแบบได้อย่างน่ารัก โดยมีนายสถานี TAMAⅡ NITAMA กำลังทำหน้าที่ คอย(นอน)ต้อนรับนักท่องเที่ยว
นอกจากจะได้มาหานายสถานีแล้ว ภายในสถานีก็ยังมีคาเฟ่ธีมแมวเหมียว และสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนายสถานีทามะจำหน่ายอีกด้วย
การเดินทาง : จาก สถานีรถไฟ JR Wakayama Station ขึ้นรถไฟขบวนทามะ(รถไฟสาย Wakayama Electric Railway Kishigawa Line) ที่ชานชาลาหมายเลข 9 โดยสามารถนั่งรถไฟท่องเที่ยวไปสุดสายที่ Kishi Station
Wakayama Castle | ปราสาทวาคายามะ
ปราสาทวาคายามะ(Wakayama Castle) สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง มีจุดถ่ายรูปเช็คอิน ที่ใครๆ ก็ต้องมาเก็บภาพ กับ มุมถ่ายภาพที่เห็นตัวปราสาทและสะพาน Ohashiroka Bridge
โดยสะพาน Ohashiroka Bridge เป็นสะพานไม้ที่มีลักษณะลาดเอียงปิดทึบด้วยกำแพง ไว้สำหรับพวกขุนนางใช้เป็นทางเข้าออกระหว่างตัวปราสาทกับภายนอกในสมัยก่อน
OSAKA | เดินเล่นย่าน DOTONBORI บรรยากาศผู้คนคึกคัก และของกินเพียบ!
กลับเข้าสู่เมือง Osaka ซึ่งไม่ว่าจะมาเที่ยว #โอซาก้า กี่ครั้ง ก็ต้องมาเดินเล่นย่าน #Dotonbori ทุกครั้งไป
และครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เราได้แวะมาเดินเล่นกันที่ย่านช้อปปิ้งแห่งนี้ หาอะไรกินเพลินๆ ซึ่งก็มี ร้านค้า ร้านอาหาร สารพัดเมนูให้เลือกมากมาย อะไรๆ ก็ดูน่ากินไปหมดจริงๆ
สำหรับการเดินทาง ใน “โอซาก้า” จะใช้รถไฟใต้ดิน(Subway)เป็นหลัก โดยมีเส้นทางรถไฟครอบคลุมทั่วเมือง ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย และก็ยังมีตั๋วแบบ 1 Day Pass (820 เยน) ที่ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินได้แบบไม่จำกัด ภายใน 1 วัน อีกด้วย คุ้มมาก!
เมนูที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่ DOTONBORI ก็คือ “Takoyaki” ที่มีอยู่หลายร้านในย่านนี้ ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีคนต่อคิวยาวรอซื้อกันเพียบเลย
ครั้งนี้ เราลองเปลี่ยนมาชิมที่ร้าน Takoyaki Dotonbori Kukuru Konamon Museum กันบ้าง เป็นร้านที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยหน้าร้านจะเห็นวิธีขั้นตอนการทำ Takoyaki แบบสดๆ ร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้อยากลองชิม
- วิธีการซื้อ : เริ่มจากการมาต่อแถวเข้าคิวเพื่อสั่งอาหาร / เลือก Size ที่ต้องการ / ชำระเงิน / จากนั้น ก็รอ Takoyaki ร้อนๆ ได้เลย / สามารถเข้าไปนั่งทานในร้านได้ มีโต๊ะที่นั่งให้บริการ แอร์เย็นสบาย
ราคา Takoyaki : Kukuru Konamon Museum
● Size M = 890 เยน
● Size L = 1,090 เยน
● Size XL = 1,290 เยน
นอกจากนี้ ยังมีแบบเพิ่มท้อปปิ้งโรยหน้าต่างๆ อย่างเช่น สาหร่ายทะเล ต้นหอมญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ราคาจะแตกต่างกันไป อยากลองชิมแบบไหนก็เลือกได้ตามความชอบได้เลย
ร้านปิ้งย่าง Yakiniku ในย่าน DOTONBORI คอร์สเนื้อย่าง + ดื่มไม่อั้น เริ่ม 3,300 เยน/คน(2 ชั่วโมง) ได้มาเที่ยวโอซาก้า ในย่าน Dotonbori ทีไร ก็เป็นอันต้องแวะมากินปิ้งย่างร้านนี้!
Iroriya (Dotonbori) เคยมีโอกาสได้มาลองกิน และก็ยังได้มาซ้ำร้านเดิมนี้อีกหลายครั้งที่ได้มาเที่ยวโอซาก้า ส่วนตัวแล้วก็เป็นร้าน Yakiniku ที่ถือว่า.. โอเคดีนะ ราคารับได้ คุณภาพเนื้อดี และสำหรับสายดื่ม(อย่างเรา) ก็มีแบบคอร์สเนื้อย่าง รวมดื่มไม่อั้น ในราคาเบาๆ อีกด้วย
เมนู ก็มีเนื้อหลายชนิดให้เลือก รวมไปถึงบรรดาเครื่องในต่างๆ ซึ่งสามารถกดสั่งผ่านหน้าจอ ที่อยู่บนโต๊ะได้เลย โดยจะมีเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วย สั่งอาหารได้เข้าใจง่าย สะดวก อยากกินอะไรก็กดสั่ง พนักงานก็นำมาเสิร์ฟได้อย่างรวดเร็วดีนะ
แนะนำ คอร์สเนื้อย่าง + ดื่มไม่อั้น 2 ชั่วโมง(Last Order 90 นาที) โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามปริมาณ และชนิดของเนื้อ(ราคาต่อคน)
● คอร์ส 3,300 เยน + ดื่มไม่อั้น
● คอร์ส 4,400 เยน + ดื่มไม่อั้น
● คอร์ส 5,500 เยน + ดื่มไม่อั้น
ปล. เราเลือกคอร์สเริ่มต้น 3,300 เยน ก็รู้สึกคุ้มดีนะ เพราะเน้นดื่มมากกว่า ดื่มแบบรัวๆ เลย!
ตลาดคุโรมง(Kuromon Market) | ตลาดปลาใจกลางเมืองโอซาก้า แหล่งรวมอาหารทะเล มีให้เลือกชิมเพียบ!
Kuromon Ichiba Market ตลาดปลาใจกลางเมืองโอซาก้า แหล่งรวมอาหารทะเลมากมาย ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา มีให้เลือกครบ ภายในตลาดมีร้านค้าจำหน่ายอาหารทะเล รวมถึง ร้านผัก ผลไม้ และร้านขนมท้องถิ่น เรียงรายไปตามซอยต่างๆ สามารถเดินชมและเลือกซื้อได้ตามต้องการได้เลย
สำหรับร้านจำหน่ายอาหารทะเลบางร้าน ก็จะมีบริการปิ้งย่างให้กินแบบสดๆ อีกด้วย หรือจะลองเป็นแบบซาชิมิ/ซูชิ ก็มีเช่นกัน สามารถสั่งแล้วชิมแบบสดๆ ที่ร้านได้เลย มีที่นั่งไว้ให้บริการนั่งกินได้อย่างสบายๆ ซึ่งโดยรวมแล้วราคาอาหารทะเลภายในตลาดแห่งนี้ อาจจะดูสูงหน่อยเมื่อเทียบกับที่อื่น ก็ต้องลองเลือกตามความคุ้มค่าของแต่ละคนนะ(บางร้านช่วงใกล้ปิดร้าน ก็มีลดครึ่งราคาด้วย)
ใครที่ชอบทานอาหารทะเล มีโอกาสมาเที่ยว “โอซาก้า” ลองแวะมาที่นี่กันได้ ตลาดตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน ขึ้นจากสถานี เดินอีกหน่อย ก็จะเจอกับทางเข้าตลาดเลย
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ สถานี Nippombashi Station 日本橋駅 (ทางออก 10)
NARA | นั่งรถไฟกวางไปหาน้องกวาง
เที่ยว “นารา” สวนที่เต็มไปด้วยฝูงกวาง อีกเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ที่อยู่ไม่ไกลจากโอซาก้า นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น!
ถ้าโชคดีแบบเรา ก็จะได้นั่งขบวนรถไฟ(สาย Kintetsu Nara Line) ในธีมกวางด้วยนะ ตกแต่งได้แบบน่ารักมากเลย
สวนสาธารณะนารา(Nara Park) คือ จุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนารา ซึ่งที่นี่เราจะได้พบกับบรรดาฝูงกวางนับพันตัวที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ กระจายตัวอยู่รอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นตามทางเดิน หรือ ตามมุมต่างๆ ของสวนแห่งนี้
สำหรับใครอยากให้อาหารน้องกวาง ก็มีจุดจำหน่ายอาหารกวาง(ชุดละ 200 เยน) สามารถให้อาหารได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้น้องกวางงับสิ่งของต่างๆ ของเราด้วยนะ
ภายในบริเวณใกล้เคียงกับ สวนสาธารณะนารา(Nara Park) มีจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ อย่างเช่น
● วัดโทไดจิ(Todai-ji) วัดในศาสนาพุทธ ที่มีพระพุทธรูปหลวงพ่อโต(หรือ ไดบุตสึ) ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยประดิษฐานในวิหารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
● วัดโคฟุกุ(Kofuku-ji) วัดในศาสนาพุทธ ที่มีความเก่าแก่ ตั้งแต่ยุคสมัยที่นาราเป็นเมืองหลวง ซึ่งวัดประจำตระกูล Fujiwara ตระกูลขุนนางใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในสมัยนั้น โดยมีจุดเด่น คือ เจดีย์ 5 ชั้น ที่มีความสูงเป็นอันดับสองของประเทศญี่ปุ่น
● ศาลเจ้าคะซุงะ(Kasuga Taisha) ศาลเจ้าเก่าแก่และมีสำคัญของเมืองนารา มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสวยงาม แวดล้อมด้วยบรรยากาศธรรมชาติ
การเดินทาง : จากเมือง “โอซาก้า” นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line มาลงที่สถานีรถไฟ Kintetsu-Nara Station 近鉄奈良駅 ใช้เวลาเดินทาง 35 นาที
KYOTO | เยือนเมืองเก่าญี่ปุ่น ในบรรยากาศช่วงหน้าร้อน
จาก “โอซาก้า” เรานั่งรถไฟออกมาเที่ยวที่เมือง “เกียวโต” แบบไปเช้า-เย็นกลับ เที่ยวเกียวโตแบบ 1 วัน และพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาที่นี่ เดี๋ยวจะไม่มาถึงเกียวโต
“วัดคิโยมิสึเดระ” (Kiyomizu-dera Temple) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ “วัดน้ำใส” เป็นวัดเก่าแก่กว่า 1,000 ปี และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของเมือง “เกียวโต” โดยชื่อวัดของวัดมีที่มาจากน้ำพุธรรมชาติที่ไหลมาจากเขา “โอโตวะ” ที่มีความใสสะอาด บริสุทธิ์ และมีความเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
ที่นี่ ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองเกียวโต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ “วัดคิโยมิสึเดระ” ก็คือ อาคารหลักที่สร้างอยู่บนไหล่เขา มีลานระเบียงไม้ขนาดใหญ่ยื่นออกไป โดยมีเสาไม้ซุงคอยรับน้ำหนักอยู่ด้านล่าง ถือเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล อย่างเช่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมดอกซากุระบาน ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ก็จะเห็นวิวต้นไม้เขียวขจีได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ระหว่างทางมาที่ “วัดคิโยมิสึเดระ” จะเป็นการเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ โดยจะผ่านร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกมากมาย รวมถึงจุดถ่ายภาพสวยๆ ให้เก็บบรรยากาศของความเป็นเมืองเก่าของ “เกียวโต” อีกด้วย!
- การเดินทาง : จากเมือง “โอซาก้า” นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ Kyoto Station จากนั้น ต่อรถบัสมาลงที่ป้าย Kiyomizumichi ใช้เวลา 20 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
อีกหนึ่ง จุดเช็คอิน และจุดถ่ายภาพยอดนิยมระหว่างทางที่เดินไป “วัดคิโยมิสึเดระ” ก็คือ เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) ที่อยู่ในบริเวณวัดโฮคันจิ (Hokanji Temple) เป็นเจดีย์สูง 46 เมตร ตั้งโดดเด่นอยู่ในย่านเมืองเก่า ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของย่านนี้
นอกจากนี้ ใกล้กันกับ เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) ก็มี วัดเล็กๆ อย่าง Yasaka Koshindo ที่มีความโดดเด่นของลูกบอลสีสันสดใสจำนวนมาก ซึ่งผู้ขอพรจะเขียนคำอธิษฐานลงบนลูกบอลผ้าหลากสีสัน แล้วนำมาผูกแขวนไว้ เพื่อให้สมความปรารถนา
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)
มาถึง “เกียวโต” ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับเสาโทริอิสีแดงส้มนับพันต้น ที่ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) แห่งนี้ด้วย
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความเก่าแก่กว่าพันปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.711 ซึ่งที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องเสาโทริอิสีแดงส้มนับพันต้น ตั้งเรียงรายเป็นเหมือนอุโมงค์ขึ้นไปตามเชิงเขา
ภายใน ศาลเจ้ามีเส้นทางเดินลอดเสาโทริอิ ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่น่าสนใจดีนะ แต่ในบางช่วงนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ถ่ายภาพไม่ค่อยสะดวก (เพราะเป็นเส้นทางเดินแบบทางเดียว) แนะนำให้เดินเข้าไปลึกๆ สักหน่อย จะพอมีระยะห่างให้พอที่จะถ่ายภาพได้
สำหรับการเดินทางมาที่ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ก็สามารถมาได้อย่างสะดวก ทั้ง รถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Inari Station และสาย Keihan Main Line มาลงที่สถานี Fushimi-Inari Station จากนั้น ก็เดินต่ออีกนิดก็จะถึงทางเข้าศาลเจ้า
สิ้นสุดทริป การเดินทางเที่ยว “โอซาก้า” และภูมิภาคคันไซ ขอขอบคุณสายการบิน Thai Vietjet กับเส้นทางบินตรง จาก “เชียงใหม่” (CNX) สู่ “โอซาก้า” (KIX) ประเทศญี่ปุ่น ทำการบิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ บินสะดวก ราคาประหยัดต้องไทยเวียตเจ็ทเลย!
#เที่ยวนี้บินเวียตเจ็ท
#เวียตเจ็ทตัวจริงสุวรรณภูมิ
#ThaiVietjet #Vietjet