นั่งรถไฟ..ไป “ซาปา” เที่ยวฮานอย ประเทศเวียดนาม
ถ้าพูดถึงสถานที่ในฝันของใครหลายๆ คนที่สักครั้งในชีวิตต้องไปเยือนให้ได้ หนึ่งในนั้นก็คงเป็นเมือง “ซาปา” ประเทศเวียดนาม ด้วยความที่เมืองที่มีความสวยงามของธรรมชาติ และบรรยากาศที่ดีมากๆ จนได้ฉายาว่า “เมืองแห่งม่านหมอก” ประกอบกับสถานที่นี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก และไม่เกินกำลังที่จะไปเยือนได้ สามารถวางแผนเที่ยว แบกเป้ไปเยือนได้อย่างประหยัดๆ รีวิวนี้ ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวประเทศเวียดนามกันครับ.. โดยทริปนี้เราจะพาไปเยือนถิ่นเวียดนามเหนือกัน..โปรแกรมของเรา ก็คือ ไปลงที่ฮานอยครับ..แล้วต่อรถไฟไปเที่ยวซาปา เมืองในม่านหมอก (ช่วงฤดูฝน) แล้วก็จะกลับมาเที่ยวฮาลองเบย์กันครับ..!
โปรแกรมการเดินทางของทริปนี้!!
วันแรก ซิตี้ทัวร์ฮานอย(นอนรถไฟ)
วันที่สอง เที่ยวซาปา
วันที่สาม เที่ยวซาปา(นอนรถไฟ)
วันที่สี่ ทัวร์ฮาลองเบย์
วันที่ห้า เดินทางกลับ
สมาชิกที่ร่วมไปกันในทริปนี้ทั้งหมด 6 ท่านครับ..จากการจองตั๋วโปรหางแดงครับ.. ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุย เวียดนาม กันดีกว่าครับ…!!!
เดินทางถึงฮานอยแล้ว..ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง.. ที่นี่…“สนามบินนอยไบ” …ฮานอย…!!
จากนั้นเราจัดการแลกเงินกันครับ.. เราได้แลกเงินดอลล่า ถือมาจากที่ไทยแล้วครับ.. ได้ข้อมูลว่าแลกที่สนามบินเลยจะได้เรตดีก็เลยจัดกันซะที่นี่เลย..^^
จากนั้นเราก็เดินออกมาจากสนามบินครับ.. เพื่อที่จะหารถเมล์ สาย 17 เพื่อเข้าไปยัง โอลควอเตอร์ ซึ่งเป็นย่านที่พัก และซื้อทัวร์ต่างๆได้ครับ.. เดินออกจากสนามบินมา รถจะจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ.. ต้องข้ามถนนไป…หาไม่ยาก..
ค่าโดยสาร ก็ 5000 ดองครับ.. ไม่แพงเลย..ประมาณ 7-8 บาทไทย.. นั่งไปเกือบชั่วโมง ก็นับว่าคุ้มเลยครับ เพราะไกลพอสมควรเลย..
พอรถข้ามสะพานใหญ่ๆ ก็เตรียมลงได้แล้วครับ.. ผู้โดยสารที่ขึ้นมาก็นักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ครับ
เดินหาร้านทัวร์ว่าจะหาซื้อตั๋วรถไฟ ก็เลยมาจบที่ทัวร์นี้ ครับ.. เนื่องจากได้ข้อมูลจากไกค์บุ๊คมาพอสมควร.. ก็เลยเลือกที่นี่เลย PRINCE57 HOTEL ก็บริการดีครับ…ให้ขึ้นไปอาบน้ำ เล่นเนต ได้สบาย.. เราจัดการซื้อตั๋วไปกลับ รถไฟไปซาปา นั่งจากสถานี “ฮานอย” -ไปลงที่สถานี “เลาไก” ที่นี่เลยครับ.. ได้ราคามา ประมาณ 1700-1800 บาท ไม่รู้ว่าถูก หรือ แพง แต่ก็เอาครับ..เพราะอยากออกไปภายในคืนนี้เลย.. แล้วเรายังซื้อ ทัวร์ฮาลองเบย์ ในราคา 17 US กับเช่าห้องพัก คืนสุดท้าย อีกสองห้อง ห้องละ 300 บาทไทย/3คน พร้อมกับ แถม บริการรถรับ-ส่ง ไปสถานีรถไฟด้วยครับ..
จากนั้นก็เดินเล่นแถวโอลควอเตอร์แหละครับ.. หาของแปลกๆใหม่ๆ ลองชิมกัน..^^
เรียกแท็กซี่ ..ไป เที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ภายในตัวเมืองฮานอยครับ โดยจะให้ไปส่งที่ “สุสานโฮจิมินส์”
เห็นแถวนั้นมีร้านขายของที่ระลึก มีร้านขายเสื้อด้วย ถ้าซื้อพร้อมหมวก คนขายจะลดราคาให้ ก็เลยจัดมาคนละชุด เสื้อ+หมวก เปลี่ยนชุดกันเลย!
จากนั้น..กำลังเที่ยวสนุกไม่ทันได้ฉุกคิด ก็โบกแท็กซี่กลับครับ ก็โดนจนได้สมตามคำร่ำลือ นั่นก็คือการโดนฟัน “หัวแบะ” นั่นเอง…!!
“มันเป็นอะไรที่น่าเจ็บใจมากเลยครับ….เอากันหน้าด้านๆ แบบนี้เลย…” ผิดสังเกตตั้งแต่มิเตอร์ไหลปริ๊ดด แล้วละครับ…มาเริ่มสงสัย ให้ไปส่งร้านทัวร์ที่เราจองตั๋วรถไฟ แล้วไม่ยอมไปส่งครับ..จะส่งแถวหน้าปากซอยท่าเดียว.. แล้วเรียกเงินแบบจะเอาให้ได้ครับ.. ขาไป เสียไป 90 บาทไปไทย ขากลับ พี่แกล่อไปเกือบ 1500 บาท..!! หัวแบะ!! กับระยะทางนั่งไม่พอได้เย็นแอร์…โดนเข้าจังๆ จริง.. เรียกตำรวจมาคุย ตำรวจก็ส่ายหน้า ช่วยอะไรไม่ได้..!! เมื่อช่วยอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมจ่ายล่ะครับ.. เอาความปลอดภัยไว้ก่อน เพราะไม่รู้ต้องโดนอะไรมั้ง.. เนื่องจากมันไม่ยอมจอดรถเลย..และเริ่มพาไปในที่ที่ลับหูลับตาผู้คน จึงยอมจ่าย แล้วมันก็จอดให้ลง…แถมต้องเดินกลับอีก.. ตอนนั้นเซ็งชีวิตสุดๆ..ไปเลย..!
กลับมาเดินรอบ ทะเลสาปคืนดาบ ครับ..ตอนนี้อารมณ์ของเหล่ามิตรสหายผู้ร่วมเดินทาง เริ่มจะไม่ค่อยมีอารมณ์เที่ยวแล้วครับ.. เพราะทรัพย์หายไปส่วนหนึ่ง อย่างไม่หวนคืน ฮาๆ.. แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญเลยครับ ที่ทำให้หลังมานั้น เราจะระวังตัวกันสุดๆ ไปเลย.. (อารมณ์เริ่มเซ็งประเทศเวียดนาม แบบประมาณว่า.. “อะไรกันว่ะไอ้ประเทศนี้ ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลย..” – เซ็งแค่ไหนดูจากเสื้อเวียดนามสีแดงที่ใส่กันอยู่ ตอนนี้ถอดเก็บ เปลี่ยนไปเป็นชุดเดิมกันหมดเลย..ฮ่าๆ)
ข้ามมาที่ วัดหง็อกเซิน ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาปกันครับ.. มาดูเต่ากัน…แก้เซ็งกันที่นี่ต่อ สีหน้าแต่ละคน ดูสนุกกันจริงๆ เนอะ ฮ่าๆ !!
เดินเล่นแถวทะเลสาป อยู่สักพักก็จะไปดู หุ่นกระบอกน้ำ ต่อก็โดนทัวร์จองเหมารอบหมด…อดดูเลย… อะไรกันเนี่ย? ชีวิตในการเที่ยวเวียดนามวันแรก โฮะๆ !!
กลับมาที่ร้านทัวร์ เพื่อรับตั๋วรถไฟไปเลาไก ที่ได้จองเอาไว้ และขึ้นไปอาบน้ำ อาบท่า (ที่ร้านทัวร์เขามีบริการห้องอาบน้ำฟรีสำหรับลูกค้าด้วยนะ อิอิ) เตรียมขึ้นรถไฟไปที่ “เลาไก” กันครับ….
กิน “เฝอ” หน้าสถานีรถไฟเพิ่มพลังกันก่อนขึ้นรถไฟ ออกเดินทางกันครับ.. ร่วมวงกับบรรดาป้าๆ ชาวเวียดนาม
เข้ามาในสถานีรถไฟครับ…เตรียมออกเดินทางสู่เลาไก.. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปซาปา ดีกว่าๆ…^^
รถไฟมาแล้ววว..ๆ.. เนื่องจากเราอยากนอนรวมกันหมดทุกคน ขาไป เราเลยได้ตู้นอนตู้เดียวกันครับ.. เป็น ฮาร์ดสลีฟ เตียงสามชั้น หกเตียง ในห้องเดียว.. สำหรับผู้ชายตัวโตหกคน ห้องแคบไปดูถนัดตาเลยครับ..แต่ก็อบอุ่น และเป็นส่วนตัวดี….ก็กินขนม ปาร์ตี้ พูดคุยกันได้อย่างสบายใจเลยครับ.. เราจะอยู่บนรถไฟนี้ไปตลอดคืนเลยครับ..จะไปเช้าที่สถานีเลาไกพอดีครับ..^^
และแล้วก็เช้าวันใหม่ครับ… เดินทางมาถึงสถานีเลาไกแล้ว…เช้าพอดีเลย…ก่อนถึงสักประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็จะมีคนมาเคาะปลุกครับ ประมาณว่า “เตรียมตัวลงได้แล้ว จะถึงที่หมายแล้ว!!”
แวะกินอาหารเช้า แถวๆ สถานีเลาไก แล้ว.. จากนั้นเราจึงหารถตู้โดยสารต่อไปยังเมืองซาปาครับ..ใช้เวลาจากสถานีเลาไกไป “ซาปา” อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง..จะมีรถตู้บริการเยอะแยะครับ…ควรสอบถาม และตกลงค่าโดยสารให้ดีก่อนนะครับ.. กันการ“หัวแบะ” ราคาค่าโดยสาร ที่เราไปกันก็คนละประมาณ 50000 ดอง ครับ..
บรรยากาศสองข้างทางระหว่างเดินทางไปซาปาที่สวยงามมากครับ.. ทั้งนาขั้นบันได้ ภูเขา หมอกปกคลุม…สวยจริงๆ..^^
เราให้รถตู้โดยสารมาส่งเราที่นี่ครับ รร.ซาปา ซัมมิท.. ซึ่งรถตู้จะตระเวณส่งนักท่องเที่ยวตามที่พักต่างๆให้เลยครับ..เราไม่ได้จองที่พักมาก่อน ใช้วิธีวอคอินเข้ามาเลย.. ก็เลยได้มา สองห้องติดกันครับ..ราคาห้องอยู่ที่ห้องละ 600 บาทต่อคืน..เป็นเตียงเดี่ยวหนึ่ง เตียงคู่อีกหนึ่งครับ..นอนกันห้องละสามคนพอดี..ที่นี่ บรรยากาศดีมากครับ..เพราะ รร.ตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา บรรยากาศดีมาก..^^ (ช่วง 2558 นี้รู้สึกว่าโรงแรมนี้จะปิดให้บริการชั่วคราวมาสักระยะนึงแล้วนะครับ)
แต่ว่าที่ “ซาปา” ช่วงนี้ ฝนกระหน่ำมากเลยครับ..แต่ไม่ถึงกับตกแรง.. จะตกแค่ปรอยๆ หยิมๆ..พวกเราเลยแปลงร่างกันเป็นชุดอย่างที่เห็น ออกเที่ยวซาปา กันครับ.. เราซื้อเสื้อกันฝนจากทาง รร.ครับ ตัวละ 1 US ได้อารมณ์อีกแบบครับ.. อากาศหนาวๆ ชื้นๆ แบบนี้..สนุกดีเหมือนกัน.. และก็ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ กันครับ คันละ 150 บาท ต่อวันครับ..น้ำมันก็เติมเอง..รถมาส่ง ถึงที่เลยครับ ตอนจะคืนก็คืนกับทาง รร. ได้เลย สะดวกดีเหมือนกัน… ไปลุยเมืองซาปา กันดีกว่า..!!
ฝนก็ตกพรำๆ ตลอดเวลา บางจังหวะก็ตกแรงซะด้วย ก็เลย ขับแวะเข้าไปแถว “จตุรัสซาปา” กันครับ.. จะไปหามื้อเที่ยงกันทาน แถวๆนี้..อยากลองอาหารพื้นเมืองแถบนี้มานานแล้ว..ฮี่ๆ…
เรามาทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านนี้ครับ…จัดการสั่ง “เหลา” ครับ.. คล้ายๆ กับ ชาบู… มีผักพื้นเมือง และก็บรรดาเนื้อต่างๆ…สั่งตามต้องการเลยครับ.. ว่าต้องการเนื้อ หมู ไก่ กุ้ง อันนี้แล้วแต่ความชอบได้เลย..^^
มื้อนี้อิ่มๆ สุดๆ จัดกันแบบเต็มที่ ไม่รู้ว่าหิวมาจากไหนกัน 55+ บิลมาหมดไปทั้งหมด ประมาณ 1500 บาท ครับ..
อิ่มแล้ว ๆๆ… ฝนหยุดตกพอดี เราก็เลยถือโอกาสไปชม หมู่บ้าน Cat Cat กันครับ..อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองซาปามากนัก…บรรยากาศจะดีมากเลยครับ…ทั้งภูเขา ม่านหมอก…ภูเขาที่เต็มไปด้วยนาขั้นบันได จะสวยมากๆ…
แว๊นซ์ฟ๊อออ.. หล่อเฟี๊ยววววว.. มี ผม 6 คน รูปหล่อ จริงๆ นะเนี่ยยยยย..!! (หราาาาาา??)
เดินทางมาเที่ยวช่วงฤดูฝนก็ดีแบบนี้เองครับ แม้ว่าฝนจะเป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยว และการเดินทางบ้าง แต่ก็เป็นช่วงที่ “นาขั้นบันได” ที่ซาปาแห่งนี้ กำลังเขียวขจี ได้ที่เลยครับ ประกอบกับบรรยากกาศชื้นๆ เย็นๆ มันให้ความรู้สึกที่สดชื่น บริสุทธิ์ แบบบอกไม่ถูกเลยล่ะ !
ตอนนี้ฝนก็ได้หยุดตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไว้ใจอะไรไม่ได้เหมือนเดิม เพราะจู่ๆ มันอยากตกมันก็ตกลงมาอีก สลับกันไปเรื่อยๆ บางทีบางจังหวะ หมอกก็ลงหนาซะงั้น แล้วก็ค่อยๆ จางไป แล้วฝนก็โปรยปรายลงมาอีก บางทีก็มีแสงแดด โผล่มาแจมด้วย เอ้าา!! ครบทุกรสชาติสภาพอากาศจริงๆ.. ก็แว๊นซ์กันกลับมาที่ใจกลางเมือง ที่จตุรัสซาปา แห่งนี้!
บริเวณทะเลสาปใจกลางเมือง ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่บรรยากาศดี และ โรแมนติค เหมือนกันนะครับ นั่งเล่นข้างๆ ทะเลสาป บรรยากาศด้านหลังเป็นบ้านเรือนตึกทรงสวยงาม ขึ้นตามเนินเขา ยามเย็นแบบดีอากาศดีมากเลยล่ะ !
ไม่นานก็ได้เวลา “มื้อเย็น” อาหารการกินที่ซาปาไม่ต้องห่วงครับ มีให้เลือกเพียบเลย จะเอาไปปิ้งย่าง หรือจะเหลา ก็แล้วแต่ความต้องการล่ะ แต่รู้สึกว่าอยากจะกิน “ข้าว” กันซะมากกว่า อยากกินแบบที่เป็น “ข้าว” ชอบอะไรก็จัดกันไปครับ!
ตื่นมากับเช้าวันใหม่ที่ “ซาปา” เราถูกปลุกด้วยสายฝนที่ตกแบบกระหน่ำ คือ แบบตกกระหน่ำไม่ยั้งจริงๆ ความตั้งใจที่จะไปเทรคกิ้ง เดินเล่นบนเขาก็ต้องพับโครงการไป เปลี่ยนมาเป็นเดินเล่นแถวๆ ในเมืองนี้แทน เพราะมันตกหนักจริงๆ ไม่ลืมหูลืมตากันเลย..
จะนอนอยู่แต่ โรงแรมก็กระไรอยู่.. ก็เลยออกมาเดินเล่นในเมืองซาปา ใกล้ๆ โรงแรมที่พักนั้นแหละครับ อารมณ์ออกมาเล่นน้ำฝนซะมากกว่า พูดง่ายๆ ฮ่าๆ เย็นสบายสดชื่นดีจริงๆ !!
รู้สึกว่าโรงแรมจะตั้งอาหารเช้า ตั้งแต่เช้าจนเกือบถึงตอนเที่ยง ช่วงเช้าๆ ก่อนออกมาเดินเล่น เราไม่ค่อยหิวกัน ก็เลยกะจะรวบกินเป็นมื้อเดียวไปเลย ดังนั้น .. ต้องรีบกลับไปกินก่อนที่จะปิด!
อาหารมีเหลือเยอะแม้จะมาสายมากแล้ว แต่ก็เป็นอาหารที่ดูจะไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ พวกขนมปัง อาหารเส้นๆ พาสต้า เฝอ ข้าวผัดผักแบบแห้งๆ ผัดผักต่างๆ ไข่ดาว แฮม ฯลฯ แต่จังหวะนี้ก็ทำให้อิ่มท้องได้นะ อิอิ!
ฝนก็ยังโปรยปรายเหมือนเดิม เราก็เลยมาเดินเล่นกันที่ “ตลาดซาปา” วันนี้ฝนตกแบบไม่มีทีท่าจะหยุดบ้างเหมือนเมื่อวานเลย ในตลาดก็ขายสินค้าทั่วไป ผัก ผลไม้ ดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ
แวะเข้ามากินร้านแถว “จตุรัสซาปา” อีกครั้ง ก็ถือว่าหาที่หลบฝนไปด้วยในตัว มาหาเหลากินร้อนๆ ซดกันให้หายหนาว แถวนี้ร้านให้เลือกเยอะมาก บางเมนูก็แปลกตาเลยล่ะ !
แถวๆ ในเมืองมี “ซาปามิวเซียม” ด้วยนะ.. พิพิธภัณฑ์ซาปาที่ให้ความรู้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ ทั้งประวัติ ความเป็นมา ชนเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ มีการจัดแสดงเป็นนิทรรศการ จำลองบ้านชาวเขา และประเพณี ต่างๆ ที่ยังถือปฎิบัติสืบมายังปัจจุบัน มีภาพถ่ายเก่าๆ ของเมืองซาปา รวมไปทั้ง ภาพ ในช่วงที่มีหิมะตกหนักปกคลุมเมืองนี้ด้วย!
ช่วงบ่ายๆ ก็กลับมาโรงแรมเก็บของเตรียมเดินทางกลับไปยัง ฮานอย แล้วครับ ตอนนี้ฝนก็เริ่มหยุดแล้ว ฟ้าเริ่มเปิด เริ่มมองเห็นวิวทิวทัศน์บ้าง แต่หมอกก็ยังปกคลุมหนาอยู่เป็นระยะๆ ตามกระแสลม
แล้วรถก็มารับกลับไปที่ “สถานีเลาไก” ครับ ฝนก็ยังตกโปรยปรายบ้าง เป็นระยะๆ อากาศสบายๆ ได้บรรยากาศจริงๆ สองข้างทางก็วิวดีมากๆ เห็นนาขั้นบันได มากมายเต็มไปหมด
มาถึง “เลาไก” แล้ว ก็ต้องเติมพลังกันสักหน่อยนะ เพราะว่าคืนนี้ทั้งคืนต้องนอนกันบนรถไฟ ก็หาอะไรกินง่ายๆ ไป (แต่ก็เบื่ออาหารพวกนี้เหมือนกันครับ อยากกินข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวมากๆ เลยตอนนี้ 55+)
ที่ สถานีรถไฟเลาไก คนมาใช้บริการเยอะมาก วุ่นวายสุดๆ ที่ยืนยังแทบไม่มี เดินเบียดเสียดกันไปมา ผู้โดยสารที่เดินทางจริงๆ อ่ะ ไม่เยอะหรอก แต่คนมารับมาส่ง คนติดตามมานี่แหละ ที่เยอะ 55+ เขาก็จัดการดีนะ ขบวนไหนให้ไปรอที่ตรงไหน ก็เดินหากันไป..
ขากลับ นั่งแบบ ซอฟสลีฟ กลับครับ ห้องนึงมีทั้งหมด 4 เตียง.. กว้างขวางนอนสบายกว่าขามา เตียงเบาะนุ่ม แอร์เย็นสบาย ซึ่งก็ต้องมี 2 คนที่ต้องแยกไปนอนห้องอื่นครับ แต่ก่อนนอนก็มารวมกัน ปาร์ตี้กันเล็กน้อย ได้! (ฮานอยเบียร์ไม่มีขาดดด อิอิ)
เช้าวันต่อมา..ก็เดินทางมาถึง “ฮานอย” แล้ว เจ้าหน้าที่ที่ร้านทัวร์ก็มารอรับเราที่สถานีรถไฟเลยครับ ก็มารับเรากลับไปนั่งเล่นที่ร้าน เพื่อรอรถมารับไปลุย “ฮาลองเบย์” ที่จองไว้กันต่อเลย! (มีสมาชิกท่านหนึ่ง..มีภารกิจด่วนขอเดินทางกลับไทยก่อน)
กลับมาที่ร้านทัวร์ก็จัดการมื้อเช้า “เฝอ” กันอีกแล้วครับพี่น้อง..!! – รสชาติก็ใช้ได้อยู่ เพิ่มพลังก่อนเดินทางกันต่อ
กลับมาที่ “ฮานอย” สภาพการจราจรและความวุ่นวาย ก็กลับมาอีกครั้งครับ ไม่นานรถไปทัวร์ฮาลองเบย์ ก็มารับเราครับ มีไกค์ประจำรถหนึ่งคน คอยบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ก็รวมแล้วประมาณ 20-30 คนครับ สำหรับกรุ๊ปทัวร์เดย์ทริป ฮาลองเบย์วันนี้ .. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงก็มาถึงบริเวณ “อ่าวฮาลอง”
ลงชื่อเสร็จเรียบร้อย แล้วก็รับบัตรลงเรือครับ ลุย.. “ฮาลองเบย์” กัน !
บรรยากาศการล่องเรือครับ เรือหลายลำ หลายกรุ๊ปทัวร์ ออกทะเลมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน สภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างเป็นใจครับ ฟ้าเปิด แดดร้อน อากาศก็ร้อนตามไปด้วย.. แต่ก็ดีกว่าฝนตกล่ะ ฮ่าๆ
เรือมาจอดให้เลือกซื้ออาหารทะเล เป็นมื้อกลางวันครับ (สำหรับคนที่อยากซื้อ และทำมาให้ตามเมนูที่ต้องการเลย นอกเหนือจากอาหารมื้อเที่ยงที่ทางทัวร์เขาบริการมาด้วยอยู่แล้ว) ส่วนใครไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไรครับ รอกินอาหารเที่ยงของทัวร์ดีกว่า 55+ เขามีบริการให้อยู่แล้ว!
นั่งเล่นบนเรือ ชมวิวบรรยากาศรอบๆ ที่เรือแล่นผ่านก็สนุกดีเหมือนกัน ต่อไปจะพาไปดูถ้ำบนเกาะๆ หนึ่งครับ คนมาแวะดูกันเพียบเลย..!
จัดแสงสีได้อย่างงดงามครับ มีเวลาให้เดินเล่นในนี้ พอสมควรเลยล่ะ .. แต่ให้เทียบความสวยงามล่ะก็.. ถ้ำหลายๆ ที่ในประเทศไทย สวยกว่าเยอะเลย.. 55+
จากนั้นก็กลับมาขึ้นเรือ..เรือก็ส่งเรากลับเข้าฝั่ง และก็นั่งรถกลับเข้าเมือง “ฮานอย” กัน ระหว่างทางก็พร้อมใจหลับสลบกันมาตลอดการเดินทาง มาตื่นเอาอีกทีก็เวลาพระอาทิตย์ตก ที่ฮานอย พอดี .. ระหว่งการเดินทางเดย์ทริปที่ฮาลองเบย์ก็ทำให้เราได้ทำความรู้จักกับ เพื่อนๆ ชาวต่างชาติ ที่อยู่กรุ๊ปเดียวกัน.. ก็เลยนัดแนะ ชวนมานั่งจิบเบียร์คุยกันต่อสักหน่อย พวกเขาก็ตกลง แต่ขอแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าแล้วมาเจอกันอีกทีตอนดึกๆ..ตามที่ได้นัดหมายกัน
ราตรีนี้อีกยาวไกล .. แต่แป๊บๆ มันก็ช่างผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ 55+ ไม่รู้หมด ฮานอยเบียร์ไปกันกี่ขวดแล้ว สนุกสนานเฮฮามาก แต่ดีอย่างหนึ่ง ร้านที่ไปนั่งกิน เป็นร้านข้างทาง โต๊ะตัวเล็กๆ เก้าอี้ตัวเล็กๆ เขาชิลล์ๆ มาก ให้เราลากยาวนั่งกินได้เลย ทั้งๆ ที่ร้านอื่นๆ ทยอยไล่(ลูกค้า) ปิดไปบ้างแล้ว 55+ (ลูกชายเจ้าของร้านคนเวียดนามก็มานั่งแจมด้วย เฮฮาจริงๆ แบบนี้ยาว ฮ่าๆ)
กลับไปนอนได้แป้บเดียวก็ต้องตื่น.. เพราะได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว ต้องเดินทางไปสนามบินกันแต่เช้ากันเลยเชียว เตรียมตัวเดินทางกลับ ร่ำลาเมืองฮานอย..
มาถึง สนามบินนอยไบ สภาพผู้เดินทางแต่ละคนไม่ต่างจากซอมบี้ ผีเดินได้ ฮ่าๆ.. แฮงค์จากการจัดหนัก+กับการได้นอนน้อย ก็เป็นเช่นนี้..55+ แต่ก็สนุกสนานดี ถือเป็นความสำราญทิ้งท้ายทริปนี้!
และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับกัน.. ทริปนี้ก็เป็นทริปที่ถือว่าสนุกสนานกันมากๆ เป็นการมาเที่ยว “เวียดนาม” ครั้งแรก ของทุกคน.. (หลังจากนั้นก็ไปกันอีกบ่อยๆ นะ สงสัยไม่เข็ดจากหัวแบะ 55+) ก็ได้ประสบการณ์การเดินทางมาเยอะแยะมากมายใส่กระเป๋าเก็บกลับบ้านกันเลยแหละ แม้ว่าวันแรกจะหมดสนุกกับการถูแท็กซี่โกง จนแบบว่า รู้สึกไม่มีอารมณ์อยากเที่ยวต่อเลย ไม่รู้จะโดนโกงอะไรอีก คิดกันไปต่างๆ นานา .. จนได้ไป ซาปา ก็ทำให้ลืมเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นไป และ..กลับมาสนุกกับการท่องเที่ยวได้ต่อ ที่ผ่านมาที่พลาด.. (ถูกโกง55+) ก็ถือเป็นบทเรียนไปครับ คราวหลังก็จะได้ระวังตัวมากขึ้น ซึ่งหลังๆ เราก็ระวังตัวมากขึ้นจริงๆ (แบบว่าต้องโดนซะก่อนอ่ะ .. ฮ่า) เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ.. สักวันจะกลับไปเยือนอีกอย่างแน่นอน..!
สุดท้าย..ก็เดินทางกลับกันอย่างปลอดภัยครับ ได้อะไรหลายๆ อย่างจากการเดินทางครั้งนี้ ทั้งความทรงจำที่ดี และ ประสบการณ์ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ มีโอกาสก็ลองไปเที่ยวดูกันนะครับ อยากไปซาปา..ก็อย่าลืม “แชร์” รีวิวนี้ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวซาปากันนะ อยากบอกว่า.. ไป สักครั้งแล้วจะติดใจ..อิอิ!!