เที่ยวลาว : เยือนเมืองมรดกโลก ณ หลวงพระบาง

SHARE!

หลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองมรดกโลกที่มีความสวยงามในด้านศิลปวัฒนธรรม มีความเป็นธรรมชาติ และมีวิถีชีวิตอันสงบเรียบง่าย Slowlife บรรยากาศน่าเที่ยว น่าพักผ่อนชิลๆ ที่ต้องหาโอกาสมาเยือนกันสักครั้ง

ทริปนี้ ผมได้ออกเดินทางเที่ยว ลาว อีกครั้งครับ แม้ที่ผ่านมาจะมีโอกาสได้ไปเยือนลาวอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังมานี้รู้สึกว่า.. จะห่างหายจากการ “เที่ยวลาว” ไปนานพอสมควรเลยทีเดียว

ณ ปัจจุบันนี้ สถานการณ์โดยรวมก็ดีขึ้นมาเยอะแล้ว “ลาว” ก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวได้สักพักใหญ่ๆ อย่างที่ทราบกัน ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับสัมผัสบรรยากาศสักหน่อยนะ ซึ่งครั้งนี้ ขอเลือกไป “หลวงพระบาง” ตั้งใจให้เป็นทริปพักผ่อนสบายๆ เที่ยวช้าๆ ปั่นจักรยานวนเที่ยวในเมือง หาคาเฟ่นั่ง จิบกาแฟ ชิลริมโขงอะไรประมาณนั้นครับ

จะว่าไป.. ก็คิดถึง “เมืองหลวงพระบาง” เมืองมรดกโลกแห่งนี้เหมือนกันนะครับ ถ้าหากย้อนไป เมื่อ 12 ปีก่อน(2010) นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมาเที่ยวหลวงพระบาง ในช่วงนั้นการเดินทางยังไม่สะดวกเท่าใดนัก จาก กทม. ต้องนั่งรถทัวร์ตอนหัวค่ำไปถึงเช้าลงที่ หนองคาย ต่อรถข้ามด่านชายแดนไป เวียงจันทน์ และพีคสุดด้วยการนั่งรถโดยสารไป หลวงพระบาง (ซึ่งเป็นรถหวานเย็นนั่ง 11 ชั่วโมง วิ่งลัดเลาะไปตามเขา) รวมการเดินทางที่เรียกได้ว่า ข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง แต่นั่นก็ถือเป็น ทริปที่ได้ประสบการณ์สนุกๆ อีกทริปหนึ่งเลย

หลังจากนั้น ผมก็ได้กลับไปเที่ยว “หลวงพระบาง” อยู่เรื่อยๆ (แล้วแต่โอกาสและตังค์ในกระเป๋าจะอำนวย) ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด มีความเจริญขึ้นในหลายด้าน เดินทางได้สะดวกสบายขึ้น

มาปีนี้ (2022) ได้กลับไปเยือน “หลวงพระบาง” อีกครั้ง รอบนี้ไปแบบรวดเร็ว บินชั่วโมงครึ่ง ถึง หลวงพระบาง ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจอัพเดตบ้าง? ..ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยครับ

 

จองกิจกรรมท่องเที่ยว หลวงพระบาง ได้ที่นี่เลย!

Klook.com

ออกเดินทาง สู่ หลวงพระบาง ลาว

เริ่มต้น การเดินทาง ณ สนามบินดอนเมือง ซึ่งผมได้จองตั๋วเครื่องบินของ แอร์เอเชีย ไป หลวงพระบาง ล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณ 2-3 สัปดาห์ ได้มา เที่ยวละ 1,725 บาท บินตรง จาก กรุงเทพฯ ถึง หลวงพระบาง ก็คุ้มค่าดี ที่สำคัญช่วยประหยัดเวลาสุดๆ เลยครับ

  • FD1030 DMK – LPQ : 14.30 – 16.00
  • FD1031 LPQ – DMK : 16.30 – 17.55

จาก ตารางเวลาเที่ยวบิน ที่ให้บริการ ณ ช่วงที่ผมเดินทางนั้น อาจพูดง่ายๆ ว่า “ไปบ่าย กลับเย็น” (วันแรกเดินทางไปถึงก็เย็นแล้ว) สรุป จะมีเวลาอยู่ที่ หลวงพระบาง 2 วัน 2 คืน ซึ่งทริปนี้ เน้นพักผ่อนชิลริมโขงอยู่แล้ว สบายๆ

เช็คอิน ที่เคาเตอร์สนามบิน โดยใช้ Passport กับ Vaccine Passport ฉีดครบ 2 เข็มก็สามารถเดินทางไปเที่ยวลาวได้แล้วครับ(ข้อมูล : สิงหาคม 2565)

ระหว่างทางสู่ หลวงพระบาง เหนือน่านฟ้า ประเทศลาว วิวสวยงามมาก มองเห็นทิวเขา แม่น้ำ ต้นไม้เขียวขจีในหน้าฝน ชมวิวได้อย่างเพลิน

จาก กรุงเทพฯ ถึง หลวงพระบาง ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงจุดหมายปลายทาง

สนามบินหลวงพระบาง เป็นสนามบินเล็กๆ หลังจาก ผ่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว ก็จะเห็นเคาเตอร์ที่บริการ ขายซิม รับแลกเงิน(1 บาท = 490 กีบ : สิงหาคม 2565) และ รถรับ-ส่งเข้าเมือง (คนละ = 80,000 กีบ)

หลังจากแลกเงิน เป็นเศรษฐีเงินล้าน(กีบ) เรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถรับส่งเข้าเมือง ซึ่งเขาก็จะไปส่งถึงที่พักในหลวงพระบาง จากสนามบินเข้าเมืองหลวงพระบางระยะทางใกล้มากๆ แป้บเดียวก็ถึงที่พักครับ

 

ที่พัก หลวงพระบาง | Villa Philaylack

หลวงพระบาง ทริปนี้ ผมยังคงเลือกมาพักแถวๆ ร้านกาแฟโจมา (ที่หลายคนรู้จักกันดี) ซึ่งภายในซอยจะมี ที่พัก เกสเฮาส์ ราคาประหยัดให้เลือกมากมาย ในราคาไม่กี่ร้อยบาท แถมสามารถเดินไปริมแม่น้ำโขงที่อยู่ใกล้ๆ และเดินไปตลาดเช้าได้สบาย

วินล่า พิไลลัก(Villa Philaylack) เป็นที่พักราคาประหยัด บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ง่ายๆ สบายๆ เป็นกันเอง บริเวณที่พักสะอาด สงบเงียบ มีพนักงานคอยดูแลช่วยเหลืออย่างดี

ห้องพัก ภายในดูสะอาดน่าพักผ่อน ได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านจริงๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวก TV ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น มีให้ครบ ซึ่งผมจอง ห้องพัก ราคา 350 บาท/คืน ก็ถือว่าสุดคุ้มเลยแหละ

ที่พัก จะมี มอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วย(มีค่าใช้จ่าย) และ จักรยาน ให้ปั่นฟรี! สำหรับผมตั้งใจแค่วนเที่ยวในเมือง หลวงพระบาง ใช้จักรยาน ก็พอครับ ไว้ปั่นเล่นชิลๆ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

และ ใครอยากไป ตาดกวางสี ก็มีแบบเดย์ทัวร์บริการด้วย คนละ 70,000 กีบ เริ่ม 11.00 น. กลับมาถึงประมาณ 16.00 น. ใครสนใจก็ติดต่อกับที่พักไว้ได้เลย แต่อันนี้ผมเคยไปแล้ว ก็ขอผ่านครับ

ที่นี่ ไม่ได้มีบริการอาหารเช้านะ (แต่ก็มีพวก ชา กาแฟ อะไรแบบนี้อยู่ครับ) ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะอาหารมื้อเช้า ก็ต้องออกไปเดิน “ตลาดเช้า” หาอะไรกินเองจะดีกว่า ..มันได้ฟีลกว่าเยอะ!

 

ตลาดเช้าหลวงพระบาง | Morning Market

มาเที่ยว “หลวงพระบาง” ..ก็ต้องตื่นแต่เช้าครับ! ออกมาเดินตลาดเช้า ดูสินค้า อาหารป่า ของแปลกตา แค่เดินดู ก็เพลินแล้ว!

จากที่พัก เดินไปทางถนนเลียบแม่น้ำโขงแค่ 200 เมตร ก็มาถึง ตลาดเช้า แหล่งรวมสินค้าท้องถิ่นมากมาย และมีกิจกรรมยามเช้าอย่าง การตักบาตรข้าวเหนียว ที่มาหลวงพระบางแล้วต้องไม่พลาดครับ

การตักบาตรข้าวเหนียว ที่ หลวงพระบาง จะเริ่มกันตั้งแต่ช่วงเช้ามืดประมาณ 05.30 น.

จุดตักบาตร ที่นิยมกันหลักๆ จะอยู่ที่บริเวณ วัดแสนสุขาราม ครับ มีคนมารอใส่บาตรเยอะ และพระออกมาเดินรับบิณฑบาตเยอะด้วย แต่ในเมืองหลวงพระบาง ตรงจุดอื่นๆ อย่างที่ ตลาดเช้า ก็สามารถใส่บาตรยามเช้าได้เช่นกัน

ผมเลือกมาที่ ตลาดเช้า เพราะ วัดแสนสุขาราม อยู่ไกลไปอีกหน่อย มารอใส่บาตรที่นี่จะได้เดินตลาดเช้าไปเลยทีเดียวครับ

มีชาวบ้านออกมารอใส่บาตรพระ ได้เห็นบรรยากาศวิถีชีวิตยามเช้าของเมืองหลวงพระบาง

หลังจากนั้น ก็เข้ามาเดินที่ “ตลาดเช้า” เป็นตลาดที่อยู่ในซอยขนาดเล็ก ที่จะมีของวางขายอยู่ตลอดแนวของทั้งสองฝั่ง โดยตลาดจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และตลาดเริ่มวายในช่วงสายๆ ซึ่งถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศความคึกคักก็ต้องรีบมาตั้งแต่เช้าแบบนี้

ภายใน ตลาดเช้า จะมีชาวบ้านนำสินค้าต่างๆ มาวางขายกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้าที่มีในท้องถิ่น พวกพืชผลทางการเกษตร ผัก ผลไม้ รวมถึงของป่า ของแปลกตา ที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยๆ มาวางแบกะดินขายแบบง่ายๆ มีมากมายหลายอย่าง

ร้านกาแฟประชานิยม | กินไข่ลวก จิบกาแฟ

“ประชานิยม” ร้านอาหารเช้ายอดนิยมของการมาเที่ยวหลวงพระบาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ใกล้ๆ กับ ตลาดเช้า มีบริการเมนูอาหารเช้า อย่างเช่น ข้าวเปียก ไข่ลวก กาแฟ ฯลฯ

มาหลวงพระบางครั้งนี้ ร้านประชานิยม ดูขยับขยาย และได้รับการปรับปรุงให้รับลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในช่วงเช้าจะมีคนมาใช้บริการเยอะเหมือนกันครับ

อาหารเช้า ที่ หลวงพระบาง ข้าวเปียก ไข่ลวก จิบกาแฟชมบรรยากาศวิวโขงในยามเช้า

 

ข้อมูลเพิ่มเติม ร้านประชานิยม หลวงพระบาง

 

วัดเชียงทอง | วัดเก่าแก่เมืองหลวงพระบาง

ได้เวลาวนเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง! “จักรยาน” ของที่พักได้นำออกมาใช้แล้ว โดยจะปั่นไปเที่ยวเริ่มที่ วัดเชียงทอง ครับ ห่างจากที่พักไปราว 1 กิโลเมตรกว่าๆ

“วัดเชียงทอง” วัดสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างที่มีความสวยงามและเก่าแก่ของเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง สร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2102 – 2103 โดยอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ลาว และเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมสำคัญทางศาสนา

ก่อนเข้าไปในบริเวณวัดจะต้องซื้อ ตั๋วเข้าชม ก่อน ราคา 20,000 กีบ

ใน วัดเชียงทอง จะมี พระอุโบสถ หรือ สิม ที่ภายในประดิษฐาน “พระองค์หลวง” พระประทานที่มีความโดดเด่นเป็นสง่า ให้ได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และผนังรอบด้านของอุโบสถ ยังมีความสวยงามของงานศิลปะ ให้ได้ชม

ส่วนภายนอก ของ พระอุโบสถ ผนังจะเป็นลวดลายงานศิลปะจากกระจกสี แสดงถึงเรื่องราวตำนานนิทานพื้นบ้าน

ใกล้กันจะมี “หอพระพุทธไสยาสน์” สีชมพูกุหลาบดูสวยเด่นสะดุดตา ประดับด้วยกระจกสี เป็นลวดลายเรื่องราวจากนิทานพื้นบ้าน รวมถึงจำลองภาพวิถีชีวิตในอดีตของชาวหลวงพระบาง

หอพระพุทธไสยาสน์ เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปเช็คอินที่ห้ามพลาดเลย โดยเราสามารถเข้าไปถ่ายรูปบริเวณหน้าต่าง ซึ่งเมื่อมองจากข้างนอกจะเห็นลวดลาย เป็นเหมือนกรอบรูปขนาดใหญ่ ดูสวยงามดีครับ

นักท่องเที่ยว สามารถมาเช่าชุดสำหรับถ่ายรูปภายในบริเวณวัดได้ครับ ค่าเช่าชุดชั่วโมงละ 100 บาท เท่านั้น

 

ข้อมูลเพิ่มเติม วัดเชียงทอง

ท่าเรือวัดเชียงทอง หลวงพระบาง
ท่าเรือวัดเชียงทอง หลวงพระบาง
ถ่ายรูปกับตัวมอมในรอบ 12 ปี
ถ่ายรูปกับตัวมอมในรอบ 12 ปี

 

วัดแสนสุขาราม | วัดพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่

ไม่ไกลจาก วัดเชียงทอง แวะมาเข้ามาเที่ยวชม วัดแสนสุขาราม อีกหนึ่งวัดเก่าแก่สวยงามของหลวงพระบาง

“วัดแสนสุขาราม” หรือ “วัดแสน” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2261 ซึ่งชื่อของวัดแสนก็มาจาก จำนวนเงิน 100,000 กีบ ที่ได้มีผู้บริจาคในการเริ่มสร้างวัดนี้ขึ้นมา

ภายใน วัดแสนสุขาราม มี พระอุโบสถ หรือ สิม ที่มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรม และมีพระยืนองค์ใหญ่ รวมถึงรอยพระพุทธบาท

ส่วนภายนอก พระอุโบสถ โดดเด่นด้วยการทาสีแดง และมีภาพเขียนสีทอง ลงบนพื้นสีแดง เป็นงานศิลปะถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างสวยงาม

บรรยากาศช่วงกลางวันค่อนข้างสงบดีมาก ซึ่งในตอนกลางคืน ที่วัดก็จะมีการเปิดไฟดูสวยงามไปอีกแบบ ใครสนใจก็แวะมาเที่ยวชมกันได้ครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม วัดแสนสุขาราม

 

ร้านตำหมากหุ่ง (ป้าติ๋ม) | รวมเมนูอาหารรสแซ่บ

มาถึง “หลวงพระบาง” ก็ต้องหาร้านอาหารอร่อยๆ เมนูท้องถิ่นจัดสักหน่อย แนะนำมาที่ ร้านตำหมากหุ่งป้าติ๋ม มีเมนูอาหารหลวงพระบางแซ่บๆ ให้ได้ลองชิม

ร้านตำหมากหุ่ง(ป้าติ๋ม) เป็นร้านอาหารท้องถิ่นขนาดเล็ก มีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารได้ภายในร้าน บรรยากาศเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย

เมื่อได้โต๊ะแล้ว ก็จัดการสั่งอาหารครับ เมนูแนะนำ ก็อย่างเช่น ตำหลวงพระบาง ตำใส่ปูนา ไส้อั่ว จิ้นทุบ ปลาโจกน้ำโขงทอด แหนมทอด ไคแผ่น เป็นต้น

สำหรับทีเด็ดต้องยกให้ ตำหลวงพระบาง ครับ ส้มตำที่ใช้มะละกอแบบเป็นแผ่น รสชาติอย่างนัว แซ่บสุด!

 

ข้อมูลเพิ่มเติม ร้านตำหมากหุ่ง (ป้าติ๋ม)

 

Saffron Coffee’s Espresso, Brew Bar, & Roastery | จิบกาแฟยามบ่าย ชมวิวโขง

บริเวณริมแม่น้ำโขง จะมี ร้านอาหารและคาเฟ่ น่านั่งอยู่ตลอดแนว และ คาเฟ่แห่งนี้ก็เช่นกัน พอดีบังเอิญผมปั่นจักรยานผ่าน เลยขอแวะพักจิบกาแฟ นั่งชิลริมโขงสักหน่อย

Saffron Coffee’s Espresso, Brew Bar, & Roastery เป็นคาเฟ่ที่มีบริการเครื่องดื่มโดยเน้น กาแฟ เป็นหลัก เป็นร้านที่อยู่ในตึกแถวตกแต่งได้แบบทันสมัย อบอวลไปด้วยกลิ่นของกาแฟ

และ มีส่วนของที่นั่งริมแม่น้ำโขง(อีกฝั่งของถนน) ที่สามารถนั่งชมวิวริมโขงได้อย่างใกล้ชิด ลมโชยเย็นสบาย

ผมเข้าไปสั่งกาแฟ ที่เคาเตอร์ แล้วมานั่งรออีกฝั่งที่อยู่ริมโขง ก็จะมีพนักงานมาเสิร์ฟถึงที่โต๊ะที่นั่ง บริการดีมากๆ บรรยากาศได้เลย ยามบ่ายมานั่งจิบกาแฟเย็น พร้อมชมวิวอย่างชิลครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม Saffron Coffee’s Espresso, Brew Bar, & Roastery

 

หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงพระบาง | ประวัติศาสตร์เมืองหลวงพระบาง

สถานที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของ “หลวงพระบาง” ที่ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะ กับ หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงพระบาง ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ และของมีค่ามาจัดแสดงให้ได้ชม

ใกล้ๆ กัน ก็จะมี “หอพระบาง” ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระคู่บ้านคู่เมืองของ เมืองหลวงพระบาง มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือ ตอนเปิดไฟในช่วงกลางคืน

 

ข้อมูลเพิ่มเติม หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงพระบาง

  • ที่อยู่ : 27 Ounheun Rd, Luang Prabang, ลาว
  • เวลาเปิด : 08.00 น. – 11.00 น. และ 13.30 น. – 15.30 น. ปิดวันอาทิตย์ จันทร์ และอังคาร(วันศุกร์เปิดเฉพาะช่วงเช้า)
  • โทร : +856 71 212 122
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pkJK7NLzgAjcgfsd9

 

พระธาตุพูสี | ไหว้พระธาตุ ชมวิวหลวงพระบางมุมสูง

ตรงข้ามกับ หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงพระบาง จะมีบันไดขึ้นสู่ พระธาตุพูสี ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตก ณ จุดสูงสุด ที่ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวหลวงพระบางครับ

จุดเดินขึ้นบันได จะมีที่ขายตั๋วเข้าชม ราคา 20,000 กีบ หลังจากซื้อตั๋วเสร็จก็เดินขึ้นบันไดไป 328 ขั้น อาจจะชันหน่อย แต่ก็ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ครับ แม้ผมจะเคยขึ้น พระธาตุพูสี มาบ้างแล้ว แต่ได้มาอีก.. ก็ต้องขึ้นอีกครับ อยากไปชมวิวยามเย็น

ใช้เวลาเดินขึ้นไม่นาน ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง ตัวพระธาตุพูสี แล้วครับ

พระธาตุพูสี เป็นพระธาตุที่มีรูปทรงเป็นดอกบัวสี่เหลี่ยมสีทองอร่าม ตั้งอยู่บนยอดเขาความสูงราว 150 เมตร เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวหลวงพระบาง ที่มักจะมีผู้คนขึ้นมาไหว้พระธาตุอย่างไม่ขาดสาย

ช่วงยามเย็น แดดร่มลมตก มีนักท่องเที่ยวขึ้นมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกกันอย่างมากมาย

ณ จุดสูงสุด สามารถชมวิวเมืองหลวงพระบางในมุมสูงได้ มองเห็นบ้านเรือน แม่น้ำ ที่โอบล้อมด้วยทิวเขา อากาศเย็นสบาย

มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ไว้เก็บภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย บรรยากาศโดยรอบ ชิลดีครับ วิวสวย ชอบฟิลแบบนี้จัง..

 

ข้อมูลเพิ่มเติม พระธาตุพูสี

 

ตลาดกลางคืนหลวงพระบาง | Night Market

เดินลงมาจาก พระธาตุพูสี ก็จะเจอกับ ตลาดกลางคืนหลวงพระบาง ที่ตั้งร้านเสร็จพอดีเลยครับ ลงมาถึงก็เดินเล่นในตลาดต่อได้เลย

ตลาดกลางคืนหลวงพระบาง(Night Market) เป็นตลาดที่รวบรวมสินค้าหลากหลายทั้งของกิน ของใช้ มีร้านมาตั้งขายของตลอดทั้งแนวถนนหน้า หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงพระบาง โดยเริ่มเปิดร้านขายกันตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป

เดินเล่น ตลาดกลางคืน แบบนี้ ก็เพลินดีเหมือนกันนะ บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาเดินเล่น หาอะไรกินกัน

มีสินค้า ของที่ระลึกต่างๆ ให้เลือกซื้อหากลับไปเป็นของฝากได้

ถ้าพูดถึง ของกิน ก็ต้องแวะเข้าซอยนี้ เลยครับ ตลอดทั้งซอยมีร้านแบบเมนูบ้านๆ ให้ได้ลองชิม มีโต๊ะให้นั่ง และ ราคาไม่แพง มาครั้งนี้ ตลอดทั้งซอยจัดระเบียบใหม่ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยครับ

สามารถไปสั่งอาหารไว้ แล้วมานั่งรอที่โต๊ะได้ เมนูมีให้ชิมอย่างหลากหลาย มื้อนี้ก็จัดไป ตำหลวงพระบาง ปลาเผา ตับย่าง ซึ่งเมนู ตำหลวงพระบาง ก็เด็ดเช่นเคย ไปกินร้านไหนก็แซ่บนัวดีนะ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม ตลาดกลางคืนหลวงพระบาง

 

ร้านข้าวเปียกหัวเซียง | ข้าวเปียกเตาฟืนแบบ Local

อยากชิมเมนู “ข้าวเปียก” แบบฉบับหลวงพระบางแท้ๆ ต้องมาที่ร้านนี้ครับ ร้านข้าวเปียกหัวเซียง เป็นร้านที่ตั้งอยู่ปากซอยที่พักเลย(ฝั่งตรงข้ามวัดหัวเซียงวรวิหาร) ร้านยอดนิยมที่คนแน่นแทบตลอดเวลา

ข้าวเปียกหัวเซียง เป็นร้านเล็กๆ แบบเรียบง่าย มีโต๊ะไม้สำหรับล้อมวงนั่งร่วมกัน ซึ่งตลอดเวลาที่เปิดขาย แทบจะไม่มีที่ว่างเลยทีเดียว ถ้าใครอยากลองชิมก็ต้องเผื่อเวลามายืนต่อคิวสักหน่อยนะ

จุดเด่น ของร้านนอกจากความเรียบง่ายแล้ว ยังใช้เตาฟืนในการประกอบอาหาร และการปรุงรสชาติน้ำซุปที่กลมกล่อมดี จนได้รับความนิยมจากชาวหลวงพระบางเอง และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม ร้านข้าวเปียกหัวเซียง

 

360 sunset | ร้านกินดื่ม นั่งชิลฟังเพลงริมโขง

ยามค่ำคืน ณ หลวงพระบาง ก็อยากจะหาร้านนั่งกินดื่ม บรรยากาศชิลๆ ริมแม่น้ำโขงสักหน่อย ก็มาเจอกับร้านนี้ครับ เดินจากที่พักประมาณ 100 เมตรเท่านั้น เดินกลับที่พักง่ายดี

360 sunset ร้านอาหารริมฝั่งโขง ตั้งอยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ มีวิวข้างหน้าเป็นแม่น้ำโขง ที่สามารถ รับลมเย็นสบาย ภายในร้าน เปิดเพลงเบาๆ เหมาะมานั่งกินดื่มพูดคุยกัน

เมนูแนะนำ “ปิ้งสะโพกควาย” ที่ทางร้านนำเสนอ เป็นเมนูที่ต้องสั่งกันทุกโต๊ะ ผมก็เลยต้องลองบ้าง.. ก็ถือว่าเด็ดอยู่นะครับ จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว กินเพลิน จนจัดไปสองจานเลย โดนใจสุดๆ

นอกจากนี้ ก็มีเมนูอื่นๆ กับแกล้มให้เลือกได้ตามวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน เป็นร้านที่บรรยากาศดี และราคาก็ไม่ได้แพงด้วย ใครอยากหาร้านนั่งชิลริมโขง ฟังเพลงเบาๆ ..ลองไปที่นี่ดูได้ครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม 360 sunset

  • ที่อยู่ : Fountain – City Center, Luang Prabang 06000 ลาว
  • เวลาเปิด : 17.00 น. – 23.30 น.
  • โทร : +856 20 28 654 442
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/k7APCCxGZbqGR9hSA

 

Sarika Restaurant | ร้านอาหารวิวพระอาทิตย์ตกริมโขง

แนะนำอีกร้านอาหาร ที่อยู่ใกล้กับ 360 sunset ครับ ร้านนี้ผมก็แวะมานั่งพักเหนื่อยจิบเครื่องดื่มอยู่หลายรอบเหมือนกัน อยู่ติดริมโขง บรรยากาศดี ห่างจากที่พัก 100 เมตรเช่นกัน

ร้านสาลิกา(Sarika Restaurant) บรรยากาศเงียบดีครับ เหมาะที่จะมานั่งชิลในช่วงยามเย็นแบบพระอาทิตย์ใกล้ตก เพราะจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกลับทิวเขาเบื้องหน้าได้

เมนูอาหาร มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารท้องถิ่น และอาหารแบบตะวันตก กับแกล้มมีให้เลือกเพียบ รสชาติก็อร่อยใช้ได้เลย

ช่วงยามเย็น จะมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกด้วย สวยงามดี อย่างชิลครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม Sarika Restaurant

 

สรุป

เที่ยว หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกทริปนี้ ได้สัมผัสความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม ความเป็นธรรมชาติ และสัมผัสวิถีชีวิตอันสงบเรียบง่าย แม้ว่า.. หลวงพระบาง จะเจริญขึ้นในหลายๆ ด้าน และการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น(กว่าครั้งก่อนๆ ที่เคยมาเยือน) แต่ที่นี่ ก็ยังคงมีเสน่ห์น่าเที่ยวอยู่เสมอครับ