ฮอยอัน ก็คือ.. ฮอยอัน!
ถ้าหากพูดถึงสถานที่.. ที่เคยไปมาแล้ว และอยากกลับไปซ้ำที่เดิมอีกรอบ “ฮอยอัน” ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่อยู่ในนั้น ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบในประเทศเวียดนาม และวัฒนธรรมของเวียดนาม อยู่แล้ว.. จึงไม่ลังเลใจที่จะกลับไปเยือนอีกครั้ง.. หลังจากที่เคยไปเที่ยวแทบจะทั่วประเทศเวียดนามมาแล้วทั้ง เหนือ กลาง ใต้ แต่ใจดันรู้สึกชอบ เวียดนามกลาง (เว้, ดานัง, ฮอยอัน) ที่สุด เป็นการไปเที่ยวเวียดนามที่ให้ความรู้สึก และมีความทรงจำที่ดีกว่าในทุกๆ ครั้ง
ครั้งนี้.. จึงได้มีโอกาสกลับไปเยือน “ฮอยอัน” อีกครั้ง ได้เดินทางไปที่เดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ เพิ่มเติม คือ มีระยะเวลามากขึ้นถึง 6 วัน ซึ่งใครหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นการใช้เวลาเที่ยวนานไปสำหรับเมืองเล็กๆ เมืองเดียวอย่างนี้ เพราะ มีเวลาแค่ครึ่งวัน หรืออย่างมากวันเดียว ก็เดินครบรอบเมืองเก่าแล้ว.. แต่ด้วยสถานการณ์ที่ต้องทำให้อยู่ถึง 6 วัน จึงทำให้ได้เที่ยวรอบเมืองฮอยอันได้อย่างเต็มอิ่ม แบบสบายๆ และไม่เร่งรีบ เป็นการเดินทางไปประเทศเวียดนามแบบลุยเดี่ยวอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้าง..? ..ก็ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยครับ!
เนื้อหารีวิวนี้แบ่งเป็นทั้งหมด 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 : ฮอยอัน.. มันก็จะเหลืองๆ หน่อย! >> http://chailaibackpacker.com/hoian-1
ตอนที่ 2 : หิงห้อยฮอยอัน! >> http://chailaibackpacker.com/hoian-2
ตอนที่ 3 : ฮอยอัน..ก็มีทะเล! >> http://chailaibackpacker.com/hoian-3
ฮอยอัน (Hội An) เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม อยู่ห่างจากเมืองดานังประมาณ 30 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2542 เป็นผลให้เกิดการพัฒนา และอนุรักษ์ ทางสถาปัตยกรรม และด้านอื่นๆ อาคารต่างๆภายในเมืองจึงคงอยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร..
ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง?
Hoi An Ancient Town : เมืองเก่าฮอยอัน เมืองมรดกโลก
TICKET : 120.000 VND(180 บาท)
ฮอยอัน เป็นเมืองเล็กๆ ที่สามารถเดินเที่ยวในย่านเมืองเก่า โดยใช้เวลาไม่นาน มีเวลาเพียงแค่ครึ่งวัน หรืออย่างมากหนึ่งวันก็เพียงพอแล้ว.. เสน่ห์ของเมืองฮอยอัน ก็อยู่ที่ความสวยงามของบรรดาตึกเก่าที่ทาสีเหลืองอร่าม สามารถเดินเล่น ถ่ายรูป ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ได้ และ หากต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ บ้านเก่า หรือ วัด ก็สามารถซื้อตั๋วในราคา 120.000 VND(180 บาท) ไว้ใช้เลือกเข้าสถานที่ที่สนใจได้ 5 สถานที่
My Son : เมืองเก่าหมี่เซิน
Day Tour(Return by Bus) 08.00 AM – 01.00 PM = 5 USD
Day Tour(Return by Boat) 08.00 AM – 03.00 PM = 8 USD
TICKET : 150.000 VND(225 บาท)
ปราสาทหมีเซิน โบราณสถานสร้างด้วยศิลปะจามโบราณ เป็นเมืองเก่าที่อยู่ห่างจากย่านเมืองเก่าฮอยอันไปราว 40 กิโลเมตร หากใครเป็นคนชอบศึกษาประวัติศาสตร์อยากแนะนำให้มา การเดินทางที่สะดวกที่สุด คือ การซื้อเดย์ทัวร์จากร้านทัวร์ในตัวเมืองฮอยอัน หรือ ติดต่อจากโรงแรมที่พักได้เลย จะมีทัวร์ 2 แบบให้เลือก คือ แบบไปรถ-กลับรถ(5 USD) และ ไปรถ-กลับเรือ(8 USD) แนะนำว่า.. ถ้าพอมีเวลา จ่ายเพิ่มอีกนิด เลือกแบบล่องเรือกลับก็ชิลดีเหมือนกัน.. นอกจากนี้ยังมีค่าบัตรเข้าชม(ที่ไม่ได้รวมอยู่ในทัวร์) อีก 150.000 VND
An Bang & Cua Dai Beach : ทะเลเวียดนาม
ฮอยอัน ใช่ว่าจะมีแต่เมืองเก่าเท่านั้น แต่ก็ยังมีทะเลสวยๆ ให้เที่ยวด้วย มีอยู่ 2 หาด ที่สวยงามและเป็นที่นิยม นั่นก็คือ หาด An Bang และ หาด Cua Dai ซึ่งทั้ง 2 หาดก็อยู่ติดกัน และอยู่ห่างจากตัวเมืองฮอยอัน ไปราว 5 กิโลเมตรเท่านั้น วิธีการเดินทางที่นิยมและประหยัด คือ การเช่าจักรยานปั่น(ค่าเช่าวันละ 1 USD) ซึ่งสามารถปั่นเล่นๆ ตามถนน เลียบชายหาด และแวะเที่ยวได้ตามจุดที่สนใจ..
Cham Island : เกาะจาม
Day Tour (08.00 AM – 03.00 PM) = 25-30 USD
Homestay 2 Days 1 Night = 440.000 VND/PAX (21 USD)
Homestay 3 Days 2 Night = 880.000 VND/PAX (42 USD)
เปลี่ยนบรรยากาศข้ามไปเที่ยว เกาะจาม ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองฮอยอันไปราว 15 กิโลเมตร เกาะจาม เป็นเกาะที่ถือว่ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ มีชายหาดที่สะอาดสวยงาม และวิถีชีวิตชาวประมงบนเกาะก็เป็นสิ่งที่น่าเข้าไปสัมผัส สามารถเดินทางข้ามเกาะไปได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีเรือโดยสารวิ่งข้ามเกาะ ไป-กลับ วันละ 1 เที่ยว เท่านั้น แต่.. วิธีที่สะดวกที่สุด ก็คือ การซื้อเดย์ทัวร์ สะดวกสบายมีรถมารับถึงโรงแรม หรือ ถ้ามีเวลาอยากแนะนำให้ลองไปนอน Homestay ที่หมู่บ้านชาวประมง Bai Huong มี Package ที่พัก 1 คืน+อาหาร+พาเที่ยว = 21 USD แต่ต้องนั่งเรือโดยสารมาจากฝั่งเอง..
Free Bike Tour : ปั่นจักรยานรอบฮอยอัน
FREE Bike Tour to Kim Bong Village (Tue, Sat, Sun) = Free!
ฮอยอัน มีทัวร์ปั่นจักรยานรอบๆ ย่านเมืองเก่า และปั่นข้ามไป เกาะ Cam Kim เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่ Kim Bong Village ในรูปแบบ FREE Bike Tour นั่น.. ก็คือ ฟรี นั่นเอง! แต่ทัวร์นี้ไม่ได้มีทุกวัน จะมีเพียงวัน อังคาร, เสาร์ และ อาทิตย์ เท่านั้น โดยการปั่นนำเที่ยวก็จะเป็นน้องๆ นักเรียน ที่มาเรียนรู้การเป็นไกด์นำเที่ยว และถือเป็นการฝึกภาษาไปในตัว พาปั่นไปเที่ยวรอบๆ เมืองฮอยอัน และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น หมู่บ้านชาวประมง, การทำเสื่อปูนั่ง, การต่อเรือ, การแกะสลักไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คือ ค่าเช่าจักรยาน : 1 USD (หรือถ้ามีเช่าไว้ปั่นอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสีย นำจักรยานมาเองได้เลย) ค่าเรือเฟอรี่ข้ามเกาะ Local ferry : 20,000VND(30 บาท) ค่าใช้จ่ายเพื่อการสนับสนุนท้องถิ่น : 30,000 VND(45 บาท)
Hoi An Full Moon Lantern Festival : เทศกาลโคมไฟ
ไฮไลท์สำคัญของการมาเที่ยวฮอยอัน ก็คือ การมาเดินชม เทศกาลโคมไฟ (Full Moon Lantern Festival) ที่จะจัดกันในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง (ขึ้น 15 ค่ำ) โดยทั้งเมืองจะพร้อมกันปิดไฟ โดยใช้เพียงแสงสว่างจากโคมไฟหลากหลายสีสันเท่านั้น และบริเวณริมแม่น้ำทูโบนก็จะมีการลอยกระทงกระดาษอีกด้วย จึงให้บรรยากาศที่โรแมนติกดี นอกจากนั้น ก็มีกิจกรรมการแสดงตามจุดต่างๆ ของย่านเมืองเก่า เป็นค่ำคืนที่มีบรรยากาศคึกคักมาก..
Street Food : อาหารเด็ดริมทาง
อาหารของประเทศเวียดนามนั้นได้ชื่อว่า.. เด็ดไม่แพ้ที่ใด! โดยจะสามารถเห็นร้านอาหารข้างทางต่างๆ อยู่แทบทุกซอกทุกมุม เป็นร้านแบบเล็กๆ นั่งโต๊ะเล็กๆ เก้าอี้เตี้ยๆ แบบเวียดนามสไตล์ ได้ใกล้ชิดกับแม่ค้าทำให้ได้พูดไปกินไป สนทนากันไป สื่อสารกันเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็สนุกดีที่มีเพื่อนคุย และ มีเมนูที่หลากหลาย รสชาติถือว่าอร่อยถูกใจ แถมราคาประหยัดอีกด้วย เป็นที่ฝากท้องอย่างดีตลอดระยะเวลา 6 วัน
การเดินทาง สู่ ฮอยอัน
การเดินทางสู่ฮอยอัน สามารถเดินทางไปได้อยู่ 3 วิธี
1. ทางรถ
การเดินทางวิธีนี้จะใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นวิธีที่ประหยัด.. และได้สัมผัสกับบรรยากาศสองข้างทางได้อย่างเต็มอิ่ม เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางหนึ่งวันเต็มๆ ถ้าใช้วิธีนี้เดินทางทั้งไปและกลับ ต้องเผื่อเวลาเฉพาะการเดินทางถึง 2 วันเลยทีเดียว ซึ่งในครั้งแรกที่ได้ไปเยือนฮอยอัน ผมก็ไปด้วยวิธีนี้ แม้จะใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานสักหน่อย.. แต่ก็เป็นการเดินทางที่มีเรื่องราวให้จดจำ และเป็นความทรงจำที่ดี
หากต้องการเดินทางด้วยวิธีนี้ เริ่มต้นจาก กรุงเทพฯ ไป มุกดาหาร ออกจาก กรุงเทพฯ ช่วงหัวค่ำนั่งรถทัวร์ไป มุกดาหาร จากนั้นต่อรถโดยสารระหว่างประเทศ มุกดาหาร ไป สะหวันเขต(ลาว) ซึ่งแนะนำควรไปเที่ยวแรกๆ เพราะจะต้องไปให้ทัน รถโดยสาร สะหวันเขต(ลาว) ไป เว้(เวียดนาม) ที่มีอยู่เที่ยวเดียวคือ 09.00 น.
จากนั้นใช้เวลาราว 6-7 ชั่วโมงก็จะถึง เว้ ซึ่งสามารถเที่ยว เว้ ก่อน แล้วลงใต้เที่ยวไปเรื่อยๆ ไล่ลงไป ดานัง และ ฮอยอัน ที่ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก ถ้าใครพอมีเวลา และอยากเดินทางไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ การเดินทางโดยวิธีนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันครับ..
2. ทางเครื่องบิน(ต่อเครื่องที่โฮจิมินห์)
วิธีนี้ เหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเดินทางได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถไกลๆ แถมบางช่วงก็มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินทั้งในไทย และ สายการบินในเวียดนาม ถ้าราคาถูกๆ ก็จะช่วยให้ประหยัดไปอีก โดยเริ่มต้นเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปลง สนามบินโฮจิมินห์ และต่อเครื่องจากโฮจิมินห์ ไป สนามบินดานัง (ฮอยอันไม่มีสนามบิน) จาก ดานัง ก็นั่งรถไป ฮอยอัน ต่ออีก ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
แต่ปัญหาที่มักจะเจอ คือ การถูกเลื่อนเวลาแบบกะทันหัน ของสายการบินในประเทศเวียดนาม ทำให้ต้องเสียเวลาในการต่อเครื่องกันพอสมควร..
3. ทางเครื่องบิน(แบบบินตรง)
วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ซึ่งจาก กรุงเทพฯ ไป ดานัง มีสายการบินที่บินตรงอย่าง แอร์เอเชีย , บางกอกแอร์เวย์ และ เวียดนามแอร์ไลน์
Bangkok Airways 947
BKK-DAD 11:00 am → 12:35 pm
S M T W T F S
Vietnam Airlines 620
BKK-DAD 1:50 am → 3:25 am
– M T – T F –
และ ในการเดินทางครั้งนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปกับ Vietnam Airlines ที่ช่วงเวลานั้นมีโปรโมชั่นบินตรงไปลงดานัง ในราคาที่ประหยัด เป็นราคาที่พอยอมรับได้ (ราคาเที่ยวละ 2300 กว่า บาท) ซึ่งเป็นราคาที่ถือว่าถูกมากสำหรับการบินตรง แต่เพราะมีเที่ยวบินน้อย และไม่ได้มีบินทุกวัน สุดท้ายก็เหมือนถูกหวย.. เพราะเที่ยวบินที่จองไว้นั้นขากลับถูกยกเลิก ด้วยเหตุผลด้านสภาพอากาศ โดยมีข้อเสนอจากทางสายการบิน คือ ขากลับต้องไปต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ ก่อนกลับเข้าไทย หรือ เลื่อนขากลับไปเดินทางในเที่ยวบินถัดไป ซึ่งก็คือ อีก 2 วัน!! ซึ่งลองคิดๆ ดู ถ้าต่อเครื่อง ต้องเสียเวลาเที่ยวไปเกือบหนึ่งวันอยู่แล้ว ก็ขออยู่ต่อไปสักหน่อยดีกว่า จาก ตอนแรกวางแผนอยู่ฮอยอันแบบสบายๆ 4 วัน ถูกเพิ่มมาอีก 2 วัน รวมเป็น 6 วัน ได้เที่ยว “ฮอยอัน” แบบจัดหนักเลย!
(เพิ่มเติม ในเดือนมิถุนายน 2560 สายการบินแอร์เอเชีย ได้เปิดบินตรง ดอนเมือง – ดานัง ซึ่งก็จะให้การเดินทางสะดวกขึ้น และประหยัดขึ้นมากกว่าเดิม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการไปเที่ยวเวียดนามกลาง ลองไปเช็คราคาแอร์เอเชียได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/airasia)
การเดินทาง ระหว่าง ดานัง และ ฮอยอัน
ระยะห่างระหว่าง ดานัง กับ ฮอยอัน ประมาณ 30 กิโลเมตร แต่ก็มีบริการรถรับ-ส่ง ตามจุดสำคัญต่างๆ เช่น สนามบินดานัง – ฮอยอัน – หาดเกาได๋ ซึ่งสามารถรับ-ส่ง ถึง โรงแรมที่พักเลย ก็ถือว่าสะดวก และ ประหยัดดี.. (สนามบินดานัง – ฮอยอัน 110.000 VND = 165 THB)
การเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง!
เงิน : เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ปกติเที่ยวเวียดนามก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะ หาแลก USD พกไปตามงบประมาณที่ต้องใช้ จากนั้นไปแลกเป็น VND ที่สนามบินที่เวียดนามอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องแลกเป็น VND ไว้มากมายอะไร.. แลกไว้พอใช้จ่ายตามร้านอาหารข้างทางต่างๆ เท่านั้น ส่วนค่าที่พัก และค่าทัวร์ต่างๆ สามารถจ่ายเป็น USD ได้
ที่พัก : ในฮอยอันมีที่พักราคาประหยัดอยู่มากมาย โดยรอบย่านเมืองเก่า ทุกที่สามารถวอร์คอินเข้าไปดูห้องก่อนได้ และต่อรองได้ตามความพอใจ ซึ่งแม้ที่พักจะราคาประหยัด แต่ก็มีทุกอย่างให้อย่างครบครันเหมือนกัน สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมก็ได้จองที่พักล่วงหน้าไปก่อน เพราะพอจะทราบว่า.. อะไรอยู่ตรงไหน? และต้องการไปอยู่แถวทำเลเดิมที่เคยไปในครั้งแรก จึงได้โรงแรม Lucky House เป็นที่พัก 5 คืนรวดสำหรับทริปนี้ ในราคาคืนละ 8 USD อยู่สบาย มีทุกอย่างครบ! หากใครสนใจ ลองไปดูข้อมูลเพิ่มเติม ดูรูป + รีวิว ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/vietnam/lucky-house-hotel-1000000419875
และ หลังจากจองอยู่ที่ Lucky House ใน ฮอยอัน ทั้ง 5 คืนแล้ว ก็ลองหาข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม เพราะอยู่ตั้งหลายวัน อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนที่อื่นสักคืนบ้าง ก็ได้ไปเจอ Homestay ที่หมู่บ้านชาวประมง Bai Huong บน เกาะ Cham ซึ่งทุกอย่างดำเนินการโดยคนในชุมชน การติดต่อสื่อสารมีเพียงส่งอีเมล์ไปเท่านั้น ผ่าน คุณ Vanessa เลยจอง Package ที่พัก 1 คืน + อาหาร + พาเที่ยวรอบเกาะ = 21 USD ซึ่งถูกมากและน่าสนใจสุดๆ
แต่กระนั้น.. อีเมล์ที่ คุณ Vanessa ตอบกลับมา มีใจความว่า.. “ตอนนี้ จัดการจองให้เรียบร้อย สามารถมาชำระเงินได้ในวันเดินทางได้เลย แต่.. สภาพอากาศในช่วงนี้ มีมรสุม สภาพอากาศไม่แน่นอน คุณอาจจะต้องติดเกาะได้ และกลับในวันถัดไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน” ซึ่งผมก็ยังอยากจะไปนอนโฮมสเตย์ ดูวิถีชีวิตชาวประมงของเวียดนามมาก ก็เลยตอบกลับไป “..ว่ายืนยันที่จะไป” ด้วยความหวังที่ว่า.. ในช่วงเวลาเดินทางคลื่นลม หรือมรสุม อาจจะหมดลงไปแล้วก็ได้
Sim Card : ที่สนามบินมี Sim Card จำหน่ายความเร็วถือว่าใช้ได้เลย (6 USD) ถ้าถามว่า.. ใช้ของอะไรดี? สำหรับผมแล้วมันก็เหมือนๆ กันหมดนะ แค่พอมีใช้ เล่นไลน์ เล่น Facebook อัพรูป อัพวิดีโอ ใช้ติดต่อสื่อสารกับทางบ้านได้ แค่นี้ก็พอแล้ว.. ไม่ได้อยู่นานเอาพอใช้ได้ก็โอเค ซึ่งราคา 6 USD ก็คุ้มค่านะ ไม่ต้องเติมเงินเพิ่มเลย อยู่ 6 วัน สบาย..
จองทัวร์ล่วงหน้า : ปกติทัวร์ตามที่เที่ยวต่างๆ สามารถไปหาเอาข้างหน้าได้เลย แต่เผอิญไปเห็นทัวร์หนึ่งของฮอยอัน เป็น ทัวร์ปั่นจักรยานรอบฮอยอัน ซึ่งเป็น Free Tour ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ได้มีทุกวัน มีเพียงวัน อังคาร, เสาร์ และ อาทิตย์ เท่านั้น เกรงว่าจะเต็ม จากนั้นก็ได้ อีเมล์ แจ้งรายละเอียดต่างๆ ตอบกลับมา..
ไป “ฮอยอัน” ช่วงไหนดี?
ฮอยอัน ไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หน้าร้อนก็ร้อนหน่อย หน้าฝนก็จะชื้นๆ แฉะๆ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แต่..ไปฮอยอันทั้งที ก็ต้องไปวันที่จัด เทศกาลโคมไฟ (Full Moon Lantern Festival) ซึ่งจะจัดกันในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง (ขึ้น 15 ค่ำ) โดยทั้งเมืองจะพร้อมกันปิดไฟ และใช้แสงจากโคมไฟหลากหลายสีสัน ซึ่งถ้าไม่สามารถเดินทางในวันที่จัดงานได้ ก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรครับ.. เพราะ โคมไฟต่างๆ เขาเปิดกันทุกคืนอยู่แล้ว เพียงแต่วันที่จัดงาน บรรยากาศจะคึกคักกว่าในทุกคืน มีกิจกรรมการแสดง การละเล่นพื้นเมือง ต่างๆ ให้ได้ชม โดยสามารถวางแผนเดินทางไปให้ตรงกับวันดังกล่าวได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
https://hiddenhoian.com/see-and-do/full-moon-lantern-festival/
DAY #1 BKK – DANANG
เริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง!
ครั้งนี้ไปคนเดียว.. คืนที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้นอน เพราะมัวแต่หาอ่านข้อมูลการเดินทางต่างๆ อยู่ ประกอบกับการรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเดินทาง ที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศบ้านเกิดเมืองนอนอยู่หลายวัน จุดหมายในการเดินทางคือ “ฮอยอัน” ซึ่งมีหลายคนได้มาตั้งคำถามก่อนที่จะออกเดินทางว่า.. มีเวลาตั้งเยอะแยะ ทำไมไปฮอยอันอยู่ที่เดียว? และก็ได้ให้คำตอบกับเขาเหล่านั้นไปสั้นๆ ว่า “ชอบ.. 55+..” พร้อมเหตุผลที่มารองรับว่า เมืองใกล้เคียงอย่าง เว้ หรือ ดานัง เอง ก็เคยไปเที่ยวมาแล้ว แต่ ชอบ “ฮอยอัน” มากที่สุด มีโอกาสได้กลับไปก็อยากไปอยู่ฮอยอันนานๆ เท่านั้นเอง..
ผมเดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภมิ ตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อมารอขึ้นเครื่องของ สายการบิน Vietnam Airlines เที่ยวบิน VN620 เวลา 01.50 น. ซึ่งถือว่ามาก่อนเวลามาก ทั้งนี้เป็นเพราะ ต้องการความประหยัด เลยรีบนั่งแอร์พอร์ตลิงค์ มาก่อนที่จะหมดเวลาวิ่งในตอนเที่ยงคืน
ท่าทางคืนนี้ จะต้องอดนอนอีกหนึ่งคืน พยายามหามุมหลบพักงีบภายในสนามบิน ที่จริงก็ง่วงมากเลยนะ แต่ก็เหมือนจะหลับไม่ลง กลัวว่าจะหลับเพลินแล้ว อาจจะได้อดเที่ยว แล้วกลับบ้านไปนอนยาวๆ เลยทีนี้ 55+
ไม่นานก็เปิดให้ เช็คอิน และ โหลดสัมภาระ เพราะวนเวียนอยู่แถวเคาเตอร์เช็คอินอยู่แล้ว ก็เลยได้เข้าไปเช็คอินเป็นคนแรกๆ เลย ทริปนี้ไปหลายวันกระเป๋าหนักมาก จัดการโหลดไปเรียบร้อย คราวนี้ก็จะได้เดินตัวปลิว เข้า Gate เตรียมหาที่นั่งพักแล้ว..
ผ่าน ตม. เรียบร้อย ก็เดินเข้า Gate ได้มาใช้บริการที่ Gate E6 บรรยากาศสนามบินในช่วงนี้ดูเงียบเหงามาก
นั่งสัปหงกอยู่ใน Gate สักพัก.. ก็ได้เวลาเรียกขึ้นเครื่อง บรรยากาศการเดินขึ้นเครื่องดูเงียบๆ ไม่วุ่นวาย ไม่ค่อยมีใครจะพูดคุยกันเลย อาจจะเพราะความง่วงก็เป็นได้ เพราะขณะนี้ ก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว..
นี่เป็นครั้งแรก.. กับ การเดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์
ตอนเช็คอินขอที่นั่งติดหน้าต่างไว้ เพราะจะได้เอนหัวพิงนอนได้สักหน่อย ซึ่งก่อนออกเดินทางพนักงานต้อนรับก็ได้แจกผ้าห่มด้วย เตรียมเข้านอนได้เลยเรา..
จากนั้นก็ได้เวลาแจกอาหาร.. ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะหิว อยากนอนมากกว่า ได้อาหารมาเป็นกล่องข้างในมีแซนวิช กับ ขนมกรุบกริบนิดหน่อย พร้อมเครื่องดื่มต่างๆ ที่สามารถขอได้ตามความชอบ..
จาก ดอนเมือง ไป ดานัง ระยะทางไม่ได้ไกลมาก
ตีสามครึ่ง เดินทางมาถึง สนามบินดานัง ตรงเวลา.. มองออกไปนอกหน้าต่าง ภายนอกช่างดูเงียบสงัด แต่สิ่งที่สร้างความกังวลใจมากกว่า ก็คือ เม็ดฝนที่มันเกาะอยู่ตรงหน้าต่างข้างนอกนี่แหละ ที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เครื่องจอดสนิทแล้ว ก็นั่ง งงๆ อยู่บนเครื่องก่อนสักพัก เพราะก็ไม่ได้รีบอะไร ยังไงก็ต้องรอสว่างก่อนอยู่ดี จึงเดินลงเครื่องเป็นคนท้ายๆ พร้อมคำทักทายจากแอร์โฮสเตสชาวเวียดนาม ที่ถือว่าเป็นคนเวียดนามคนแรกที่มาทักทายผมเลยนะเนี่ย..
การเดินทางจาก ดานัง สู่ ฮอยอัน
ผมใช้วิธีการเดินทางจาก ดานัง ไป ฮอยอัน ด้วยการนั่งรถโดยสารประจำทาง Local Bus เป็น รถโดยสารสีเหลือง ที่มักถูกเรียกจากนักท่องเที่ยวว่า Yellow Bus ค่าโดยสารแค่ 20.000 VND หรือ 30 บาท เท่านั้น ซึ่งลักษณะของรถก็จะเป็นแบบนี้ครับ
การเดินทางจากสนามบินมาขึ้นรถโดยสาร อาจจะดูลำบากสักหน่อย เพราะต้องหารถออกไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างจากสนามบินราวกิโลกว่าๆ ซึ่งวิธีที่ประหยัดก็คือ หาวินมอเตอร์ไซค์หน้าสนามบิน นั่งไปยังป้ายรถเมล์ ค่าโดยสาร 1 USD หรือ ถ้าใครไม่เร่งรีบอย่างผม จะเดินชมเมือง ไปเรื่อยๆ เพื่อไปป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ
จากแผนที่
เส้นสีดำ คือ เส้นทางรถโดยสารสาย ดานัง – ฮอยอัน
เส้นสีส้ม คือ เส้นทางเดินจากสนามบินดานังไปยังป้ายรถเมล์
เส้นสีเขียว คือ เส้นทางเดินจากสถานีรถไฟดานังไปยังป้ายรถเมล์(เผื่อใครมาทางรถไฟ แล้วจะต่อไปฮอยอัน)
เดินชมเมืองมาเรื่อยๆ ระยะทางก็พอสมควร ถามชาวบ้านแถวนั้นเพื่อหาป้ายรอรถมาตลอดทาง ก็มาเจอป้ายรถเมล์ซะที ป้ายนี้มีรถผ่านอยู่หลายสายเหมือนกัน ซึ่งของผม คือ สาย 1 DANANG – HOI AN รถเมล์แต่ละสายก็จะสีเหลืองๆ เหมือนกันหมด ก็ต้องดูสายดีๆ ว่าไปไหน เดี๋ยวจะไปโผล่ผิดเมืองเอาได้นะ 55+
ช่วงนี้.. ก็ยืนรอรถ เห็นรถวิ่งผ่านไปมาก็ดูวุ่นวายดีเหมือนกัน รถสารพัดชนิด ทั้ง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน รถเข็น รถลาก ต่างๆ ลงไปใช้บนท้องถนนร่วมกันได้อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยจริงๆ อาจจะดูวุ่นวาย และคิดว่าเดี๋ยวต้องมีเฉี่ยวชนกันบ้าง แต่ก็ไม่มีเลยนะ.. สกิลการขับรถเขาระดับโปรกันจริงๆ
รถสายอื่นๆ เริ่มมาจอดรับ-ส่ง กันที่ป้ายบ้างแล้ว แต่ สาย 1 ของผมยังไม่มา เท่าที่ทราบเหมือนรถจะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ยืนรออยู่สักพัก ก็มีลุงชาวเวียดนามเดินมาคุยด้วย จากการเดาลุงแกน่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ เพราะแกเล่นใส่หมวกกันน๊อค เดินไป เดินมา อยู่อย่างนั้น คงเห็นว่าผมยืนรอรถอยู่สักพัก แกก็เลยเดินมาถามว่า.. “จะไปไหน?” ในใจก็คิดนะ ว่าแกจะให้ซ้อนท้ายไปส่งที่ ฮอยอัน แน่เลย ก็เลยตอบแกไปสั้นๆ ว่า “ฮอยอัน..” แกก็ชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ แล้วก็บอกว่า.. รอตรงนี้ แหละ “Here..” อ๋อ..ครับ Here ก็ Here เพราะ ผมก็ Here อยู่นี่ล่ะ 55+ แล้วแกก็ยืนรอรถเป็นเพื่อนอยู่สักพัก เหมือนคอยจะช่วยดูรถให้ จนรถ สาย 1 ที่เฝ้ารอมาถึง ผมก็ลาลุงเดินขึ้นรถไป หันกลับหลังมาอีกที ก็เห็นลุงโบกร่ำลา อยู่เลย โอเค..ขอบคุณมากลุง ที่มารอเป็นเพื่อน..
เนื่องจากป้ายนี้อยู่ประมาณต้นสาย.. คนใช้บริการยังคงน้อยอยู่ รถโดยสารจะออกจากสถานีขนส่งดานัง วิ่งผ่านมายังป้ายที่ผมขึ้นมา ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้ไกลกันมาก แต่มาดักขึ้นตรงนี้จะอยู่ใกล้สนามบินมากกว่า หลังจากขึ้นรถมาพี่กระเป๋ารถ ก็เดินมาเก็บค่าโดยสาร จ่ายไป 20.000 VND หรือ 30 บาท ราคาประหยัดดี
ผมชอบสีสันของเบาะที่นั่งของรถโดยสารคันนี้มาก ดูสดใสมี.. ความตะมุตะมิ นั่งรถมาได้ไม่เกิน 5 นาที ขณะกำลังจะข้ามสะพาน สายฝนก็เทลงมาอีกรอบ.. รอบนี้ดูเหมือนจะจัดหนักพอสมควร มองไม่เห็นทัศนวิสัยด้านนอกเลย แต่ก็ให้บรรยากาศที่เย็นสบายดีเหมือนกัน ผมลดกระจกหน้าต่างของรถโดยสารลงกันฝนสดเข้ามา แต่.. แง้มทิ้งไว้ให้ระบายอากาศเล็กน้อย รู้สึกเย็นสบายดี
10.00 น. ซินจ่าว.. “ฮอยอัน” นอนไหนกันดี?
รถโดยสารจอดป้ายทุกป้าย ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดราว 45 นาที ก็มาถึง สถานีขนส่งฮอยอัน ซึ่งตรงนี้จำได้ตั้งแต่เคยมาครั้งแรกแล้ว สถานีขนส่งฮอยอัน จะอยู่นอกเขตเมืองเก่าออกมาสักหน่อย ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า เมื่อลงรถจากจุดนี้สามารถให้วินมอเตอร์ไซค์เข้าไปส่ง แถวย่านเมืองเก่าได้ แต่.. สำหรับผมแล้วจะใช้วิธีการเดินเอาครับ ระยะทางแค่นี้ไม่ไกลเดินเล่นๆ ไปได้อยู่ครับ จุดหมายของผมอยู่ที่ โรงแรม Lucky House ที่ได้จองเอาไว้ เดินจากสถานีขนส่งเลี้ยวขวาเข้า ถนน Hai Ba Trung ก็ถึงแล้ว ซึ่งถ้าเดินตรงเข้าไปอีกหน่อยก็จะเป็นย่านเมืองเก่า(โซนสีน้ำตาลอ่อน ในแผนที่) แล้วครับ
เดินมาประมาณ 800 เมตรก็มาถึงแล้ว.. ตั้งใจมาพักย่านนี้โดยเฉพาะ.. ก็เพราะว่าราคาไม่แพง มี ร้านอาหาร ร้านทัวร์ ในบริเวณใกล้เคียง และไม่ไกลจากย่านเมืองเก่าสามารถเดินไปได้สบายๆ มาพักที่นี่ มีบริการครบ สามารถติดต่อทัวร์เดย์ทริปไปตามสถานที่ต่างๆ ได้เลย พนักงานก็ดูแลดีมากๆ คอยถามไถ่อยู่ตลอด ซึ่งระยะเวลาที่อยู่ทั้ง 5 คืน ที่นี่ ก็ได้พูดคุยกับพนักงานทุกคนเลย บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีปัญหาอะไร สงสัยอะไร จะคอยช่วยเหลือตลอด.. ข้างๆ ที่พักจะเป็นร้านชำ ที่ขายเครื่องดื่ม และ เบียร์ต่างๆ ผมจึงมักซื้อแล้วมานั่งจิบ หน้าโรงแรม ดูรถผ่านไป ผ่านมา ตอนที่ว่างๆ หรือรอเวลาจะออกไปข้างนอก
เดินขึ้นไปดูห้องพักกันสักหน่อย บรรยากาศในที่พักดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีกนะ
ห้องนอน ที่จะมาอาศัยนอนตลอดทั้ง 5 วัน ห้องดูสะอาดตาดี เห็นเตียงนอนแล้วก็อยากนอน
ภายในห้อง มีเครื่องใช้ต่างๆ อย่างครบครัน ทั้ง เครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น และ Wifi ..คุ้มราคาค่าห้องมาก
ในส่วนของ ห้องน้ำ ก็สามารถปรับอุณหภูมิน้ำ ขณะอาบน้ำได้ มีสบู่ และ แชมพู วางเอาไว้ให้ เหมือนกับโรงแรมในเวียดนามทั่วๆ ไปที่จะมีเซตแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ด้วย
ตอนนี้.. รู้สึกเหนียวเนอะหนะ จากการเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเหมือนกัน ก็เลยขออาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อย พออาบน้ำเสร็จ ก็ชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่าง ก็พบว่า.. ข้างนอกฝนตกลงมาอีกแล้ว น่าจะตกๆ หยุดๆ แบบนี้ตลอดทั้งวัน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ในบรรยากาศแบบนี้ ก็ขอเปิดแอร์เย็นๆ นอนก่อนดีกว่า ได้พักผ่อนสักหน่อยก็คงจะดี..
14.00 น. ออกไปสำรวจเมืองฮอยอัน..
ตื่น.. ขึ้นมาในช่วงบ่ายๆ เห็นว่าบรรยากาศข้างนอกฝนหยุดลงไปแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเดินดูอะไรสักหน่อย.. ก่อนออกไปผมติดต่อส่งเมล์ไปหา Vanessa ที่ โฮมสเตย์บนเกาะจาม อีกรอบ เพื่อบอกว่า.. ตอนนี้ผมมาถึงฮอยอันแล้ว ด้วยความหวังว่า.. อาจจะพอเดินทางข้ามไปนอนบนโฮมสเตย์บนเกาะจามได้อยู่ แต่ถ้าพูดถึงสภาพอากาศตอนนี้ คือ มันก็ยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่พร้อมจะตกลงมาทุกเมื่อเลย..
จากที่พัก เดินไปทางขวา ตาม ถนน Hai Ba Trung เพื่อไปย่านเมืองเก่า ระยะทางประมาณ 750 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 เท่านั้น (โซนสีน้ำตาลอ่อน คือ ย่านเมืองเก่า)
เยื้องๆ กับที่พัก จะมีร้านทัวร์ของ Shin Café ด้วย เผื่อใครต้องการซื้อทัวร์ หรือ จองตั๋วรถ ไปตามสถานที่ต่างๆ
เดินมุ่งหน้าสู่ย่านเมืองเก่า จะผ่านบึงที่เต็มไปด้วยผักบุ้ง
เมื่อเริ่มเห็นตึกสีเหลืองสไตล์โคโลเนียลสุดคลาสสิค และ มีสเน่ห์ นั่นเป็นสัญญาณ บ่งบอกว่า.. เริ่มเข้าเขตเมืองเก่าแล้ว ซึ่งวันนี้อาจจะไม่ได้ เที่ยวย่านเมืองเก่ากันแบบเต็มรูปแบบสักเท่าไรนัก เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย และเวลาเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว จึงขอเดินสำรวจบรรยากาศโดยรอบ กันสักหน่อย โดยมาที่จุดแลนด์มาร์กก่อนเลย กับ “สะพานญี่ปุ่น”
ข้างๆ สะพานญี่ปุ่น จะมีร้านอาหาร และเครื่องดื่มอยู่ร้านนึง โดยส่วนตัวชอบร้านนี้มาก เพราะ สามารถนั่งจิบเครื่องดื่ม แล้วชมบรรยากาศของสะพานญี่ปุ่นได้อย่างใกล้ชิดเลย กลับมาเยือนฮอยอันอีกในครั้งนี้ ไม่คิดว่าร้านนี้จะยังมีอยู่..
เมนูอาหาร จะมี 2 อย่าง คือ ข้าวผัดไก่(45 บาท) กับ เกาเหลา(37 บาท) เครื่องดื่มก็มีพวก ชาร้อน น้ำอัดลม เบียร์ และเครื่องดื่มทั่วๆ ไป สั่งมานั่งจิบชิลๆ ได้ครับ
สั่ง Saigon Beer มาสักกระป๋อง.. แถมต้องขอน้ำแข็งเพิ่มอีกแก้ว (ปกติเขาไม่กินเบียร์ใส่น้ำแข็งกัน แต่.. เรามันไทยสไตล์ น้ำแข็งมันขาดไม่ได้ 55+)
นั่งจิบเบียร์ริมน้ำ ชมบรรยากาศ สะพานญี่ปุ่น ไปครับ ซึ่งช่วงเวลาบ่ายๆ เย็นๆ แบบนี้ นักท่องเที่ยวจะวนเวียนมาเที่ยว มาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ
เดินชมบรรยากาศโดยรอบของย่านเมืองเก่า ดูวิถีชีวิต ของคนที่นี่กัน
แม่น้ำทูโบน คือ แม่น้ำสายสำคัญที่ตัดผ่านเมืองฮอยอัน เป็นแม่น้ำที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจร และ หล่อเลี้ยงผู้คนชาวฮอยอันมาช้านาน
อาหารข้างทาง หรือ Street Food จะพบเห็นได้แทบทุกซอกทุกมุมของเมืองฮอยอัน
ไม่นาน ฝนก็โปรยปรายลงมาอีกรอบ กะว่าจะหาอะไรกิน ริมทางสักหน่อย
ย่านเมืองเก่าในขณะนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันของเสื้อกันฝน และร่มที่นักท่องเที่ยวกางเพื่อกันฝน
สำหรับวันนี้ คงต้องพอเท่านี้ จริงๆ เพราะ ฝนเดี๋ยวหยุด เดี๋ยวตก เกรงว่าโดนฝนนานๆ จะพาลไม่สบายเอาซะก่อน.. จึงสำรวจย่านเมืองเก่าเอาไว้เพียงเท่านี้ เดี๋ยววันถัดไปค่อยตื่นเช้า แล้วจะจัดเต็มทั้งวันเลยล่ะกันนะ!
Sreet Food ชิมของอร่อยริมทาง!
วันนี้เหมือนจะยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน.. นอกจากเบียร์ที่ สะพานญี่ปุ่น ระหว่างเดินกลับ ที่พัก ตามตาม ถนน Hai Ba Trang ก็ได้เจอกับร้านข้างทาง ที่ตอนขามาเดินผ่านก็ ยังไม่เห็น สงสัยจะเพิ่งมาตั้งในช่วงเย็นๆ แบบนี้..
กลิ่นจากการปิ้งย่าง และควันโขมงหอมฉุยแบบนี้ ทำให้ไม่ลังเลที่จะต้องลองชิมกันสักหน่อย เป็นหมูหมักเครื่องเทศ ย่างแบบบาร์บีคิว กินกับ แผ่นแป้ง น้ำจิ้ม และผักสด
แม่ค้าเชื้อเชิญให้ลองชิมมาก ก็ต้องลองสักหน่อย สนนราคาไม้ละ 10.000 VND หรือ 15 บาท ขอลองแค่ 3 ไม้พอนะ
จะเสริฟมาเป็นเซต พร้อม แผ่นแป้ง ผักสด และ น้ำจิ้ม คุณป้าที่มาเสริฟ กลัวว่าผมจะกินไม่เป็นก็เลยจัดการพันให้ โดยไม่ได้บอกเลย เผลอแป้บเดียวนั่งพันให้ซะแล้ว ว่าจะถ่ายรูปก่อนกินสักหน่อย ..อดถ่ายเลย
เสร็จเรียบร้อยพร้อมทานหน้าตาก็จะออกมาประมาณนี้ น่ากินดีเหมือนกัน.. ครับ
ระหว่างนั่งกิน แม่ค้าก็ชวนคุยสุดๆ ก็สนุกสนานดี แม่ค้าถามว่า.. “มาจากไหน?” ผมก็บอกมาว่า “ไทย…” แม่ค้าก็ตอบกลับมาว่า “อาร๊อยยย..อาร๊อยยยย..” อ๋อ.. จะบอกว่า อร่อย นั่นเอง! พูดภาษาไทยได้ด้วย.. (ร้านนี้อร่อยดีครับ.. แนะนำเลย ตอนดึกๆ นี่คนเพียบจนไม่มีที่นั่งเลยล่ะ)
ก่อนกินต้องจิ้มน้ำจิ้มเสียก่อน รสชาติก็อร่อยดีครับ กินไป 3 ไม้ อิ่มกำลังดี!
มาเจออีกหนึ่งร้าน.. ระหว่างทางกลับที่พักเช่นกัน ร้านนี้ชอบมาก จำได้ว่าครั้งก่อนที่มาฮอยอันก็มานั่งกิน อยู่หัวมุมถนน ของ ถนน Hai Ba Trang ตัดกับ ถนน Thai Phien ไม่ไกลจากที่พัก ซึ่งก็ขอเล็งๆ ไว้ก่อนเดี๋ยวดึกๆ จะลงมากินนะ..
กลับที่พัก.. รอให้ฝนหยุดอีกรอบ ก็รีบลงมากินร้านที่ได้เล็งเอาไว้ จากร่องรอย และสภาพ นี่พออนุมานได้ว่า.. ในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่นานคงมีคนเข้ามากินกันเยอะมากๆ และคนก็แวะเวียนเข้ามากินเยอะจริงๆ
จัดไป กับ “สลัด” ที่มีส่วนผสมของหนังหมู และผักต่างๆ โรยมาด้วยถั่วลิสง เมนูนี้ ราคา 20.000 VND หรือ 30 บาท
จะให้อร่อยต้องเหยาะซอส และ เพิ่มพริก เพื่อความจัดจ้าน..
แอบเหลือบเห็น คนข้างๆ เขากินกับแผ่นแป้งกัน ก็เลยขอเลียนแบบสักหน่อย ขอแผ่นแป้งมาเพิ่มสักแผ่น กินๆ ไปมันก็กรุบๆ เข้ากันดีเหมือนกัน สำหรับอาหารมื้อดึกก่อนนอน มื้อนี้!
Day #2 HOI AN ANCIENT TOWN
08.00 น. ฮอยอัน.. ในวันฟ้าใส!
เมื่อคืน.. เพิ่งส่งเมล์ไปหา Vanessa อีกรอบ เพื่อ Cancel การเข้าพักที่โฮมสเตย์บนเกาะจาม เพราะไม่แน่ใจในสภาพอากาศ และ ส่วนตัวก็ตัดใจไปแล้วโดยสิ้นเชิงว่าจะไม่ข้ามไปนอนเกาะแล้ว.. แต่.. แต่.. ทำไมเช้าวันนี้ มันมีแสงแดดส่องเข้ามาในห้องนอนแว๊? ..ชะโงกน้าออกไปดู เฮ้ย.. วันนี้อากาศดีแล้ว บรรยากาศดูสดใสดี จึงรีบอาบน้ำอาบท่า แล้วเดินออกไปเที่ยวในย่านเมืองเก่ากันเลย โปรแกรมวันนี้ จะเที่ยววนไปในเมืองเก่าทั้งวันครับ!
ก่อนอื่นเลยต้องซื้อตั๋วเข้าชมกันเสียก่อน ซึ่งย่านเมืองเก่าสามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากต้องการเข้าชม บ้านเก่า หรือ พิพิธภัณฑ์ ต่างๆ ต้องซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งแนะนำเลยครับ ว่าซื้อดีกว่า จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ของฮอยอันด้วย โดยสามารถซื้อตั๋วได้ตามจุดจำหน่ายต่างๆ ที่อยู่โดยรอบของย่านเมืองเก่า จะมีเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว และ ให้ข้อมูลต่างๆ
ตั๋วเข้าชมราคา 120.000 VND หรือ 180 บาท สามารถใช้เข้าชมสถานที่ต่างๆ ได้ ทั้งหมด 5 สถานที่ โดยถ้าเข้าสถานที่ไหนไปแล้ว เจ้าหน้าที่จะฉีกส่วนขวาของตั๋วเก็บไป ตั๋วจะสามารถใช้ได้หลายวัน ถ้าเที่ยวไม่ครบ 5 สถานที่ ก็สามารถนำมาใช้ในวันถัดไปก็ได้
เมื่อซื้อตั๋วแล้ว.. เจ้าหน้าที่จะให้แผนที่มาอีกใบด้วย เป็นแผนที่แสดงตำแหน่งของสถานที่สำคัญต่างๆ ประมาณ 20 สถานที่ เช่น บ้านเก่า พิพิธภัณฑ์ วัด เป็นต้น แต่.. เราสามารถเลือกเข้าชมที่ไหนก็ได้ 5 สถานที่ จากสถานที่ทั้งหมด ดังนั้น ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเลือกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอย่างผมควรจะไปเข้าชม ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แนะนำมา 5 สถานที่ คือ หมายเลข101, 80, 46, 14 และ 176 (ภาพแผนที่ : จาก Internet)
1. บ้านเลขที่ 101 (Old House No.101) สถานที่แรกที่จะมาเข้าชม ซึ่งก่อนเข้าก็ต้องยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ฉีกตั๋วเก็บไปเสียก่อน ซึ่งบ้านหลังนี้ เป็นบ้านไม้เก่าแก่ของชาวจีน ตระกูล Tan Ky ที่ถูกตกทอดมามากกว่า 5 รุ่น ภายในบ้านยังคงสภาพดี มีความคลาสสิค ห้องต่างๆ ในบ้านมีการจัดวางอย่างลงตัว
บ้านหลังนี้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ จึงมีคนแวะเวียนวนเข้ามาชมภายในตัวบ้านอยู่ตลอดเวลา
ข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ภายในบ้านถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี และนำมาจัดแสดงให้ได้ชม
สามารถเดินชมตามจุดต่างๆ ได้รอบตัวบ้าน บรรยากาศเมื่อเข้ามาในบ้านจะรู้สึกเย็นดี
บ้านสไตล์ชาวจีนแบบนี้ มักจะมีบ่อน้ำใช้อยู่กลางตัวบ้าน
เนื่องจากตัวบ้านตั้งอยู่ใกล้ แม่น้ำทูโบน จึงมักเจอกับน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง โดยในอดีตก็มีน้ำท่วมในระดับที่แตกต่างไปในแต่ละปี โดยสามารถดูระดับน้ำที่ท่วมได้จากการบันทึกระดับน้ำบนฝาผนังบ้าน (ในปี 2009 ดูจะหนักสุด มิดหัวเลยทีเดียว)
ส่วนท้ายของบ้านเป็นที่จำหน่ายของที่ระลึก สำหรับผู้ที่สนใจ
ด้านหลังของตัวบ้าน เมื่อเปิดประตูออกไป จะเจอกับแม่น้ำทูโบน ด้วยเหตุนี้จึงเจอน้ำท่วมบ่อยๆ
(ข้าง บ้านเลขที่ 101 จะมี ร้าน Reaching Out Art & Craft เป็นร้านสาธิตการทำงานฝีมือแบบเวียดนาม โดยช่างฝีมือผู้มีความพิการทางร่างกาย เป็นร้านหนึ่งที่น่าสนใจ แต่เสียดายที่ภายในห้ามถ่ายรูป.. อ๋อ ร้านนี้เข้าชมฟรีครับ)
2. พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Museum of Trading Ceramics No.80) บ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เซรามิกที่จัดแสดงโบราณวัตถุเอาไว้ เช่น ถ้วย ชาม สมัยโบราณ ของเก่าต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงอดีตความเป็นมาของเมืองฮอยอัน เส้นทางการค้าขายในอดีต รวมไปถึงเรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ
การขุดค้นพบ ชิ้นส่วนของเครื่องมือเครื่องใช้เซรามิก แล้วนำมาจัดแสดง
3. สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall No.46) สมาคมชาวจีนที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ไว้สำหรับพบปะของคนหลายรุ่นที่อพยพมาจากฟุกเกี๋ยนที่มีแซ่เดียวกัน และไว้เป็นที่ระลึกถึงถิ่นกำเนิด และบูชาบรรพบุรุษของตน
เมื่อเดินเข้ามาภายในก็จะต้องสะดุดตากับ ขดธูปที่แดงมากมายที่ห้อยอยู่เต็มเพดาน ซึ่งธูปเหล่านี้ จะเขียนชื่อ และคำอธิษฐานติดไว้ ธูปที่เห็นจุดอยู่นี้ ใช้เวลานานนับเดือนจึงจะหมด โดยมีความเชื่อว่า.. เพื่อช่วยให้คำอธิษฐานนั้นถูกส่งไปถึงเทพเจ้าบนสวรรค์
4. Minh Huong Communal House No.14 เป็นบ้านที่ถือเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาของชาว Minh Huong ชาวจีนได้รับสัญชาติเวียดนามเพื่อบูชาบรรพบุรุษที่กล้าหาญ
5. Quang Trieu Assembly Hall No.176 เป็นสถานที่ชาวจีนสร้างไว้พบปะกัน รวมถึงใช้เป็นที่บูชาบรรพบุรุษของตน
5(+1). สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) สถานที่สุดท้ายหลังจากเข้าชมครบ โควต้า 5 สถานที่แล้ว ซึ่งที่เลือกเข้าชมเป็นที่สุดท้าย ก็เพราะว่า.. หากจะข้ามไปอีกฟากหนึ่งของสะพานจะถูกฉีกตั๋วไปหนึ่งใบ ทำให้เสียโควต้าเข้าชมสถานที่ไป แต่ถ้าเรายังมีหางตั๋วถือไว้อยู่(แม้จะถูกฉีกไปครบ 5 ที่แล้ว) และแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู ยังไงก็ข้ามไปได้อยู่แล้วครับ..
สะพานญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในฮอยอันเมื่อครั้งอดีต เพื่อใช้เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางการค้าขายของทั้งสองฝั่ง เป็นสะพานที่สร้างด้วยปูนและไม้ หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาโบราณ ภายในมีศาลเจ้าเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน
สะพานแห่งนี้เริ่มสร้างใน ปีวอก และสร้างเสร็จใน ปีจอ จึงมีการสร้างรูปปั้นลิงกับหมาไว้เป็นที่ระลึก ไว้ที่ปลายสะพานทั้งสองฟาก
เดินข้ามมาอีกฝั่งของสะพาน ในฝั่งนี้จะค่อนข้างสงบหน่อย ฝั่งนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นร้านแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ของที่ระลึกเก๋ๆ มีแกลอรี่เล็กๆ ที่ไว้จัดแสดงผลงาน รวมไปถึงสามารถซื้องานศิลปะกลับไปได้อีกด้วย
ผมใช้เวลาเดินเล่นชมงานศิลปะอยู่ไม่นานก็ข้ามฝั่งกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ก็เข้าชมสถานที่สำคัญจนครบโควต้าแล้ว ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาของการเดินเล่นรอบๆ ย่านเมืองเก่าแห่งนี้
ชมวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองฮอยอัน ซึ่งตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่สามารถเดินทะลุไปหากันได้หมด ใช้เวลาไม่นานก็เดินครบแล้ว!
12.00 น. เกาเหลา.. ในตำนาน!
ได้เวลามื้อเที่ยงพอดี.. ต้องหาอะไรกินสักหน่อย ผมพอจะจำได้ว่าคราวก่อนที่มาฮอยอัน ได้ลองมากินที่ร้านนึง อร่อย ติดใจมาก ก็เลยเดินไปที่พิกัดเดิม ก็พบว่าร้านยังอยู่ แม้จะผ่านไป 4 ปีแล้วก็ตาม..
ร้านนี้จะอยู่ในย่านเมืองเก่านี่แหละครับ จะขายอยู่ 2 อย่าง คือ เกาเหลา และ หมี่กวง(ก๋วยเตี๋ยวแห้ง) ซึ่งจะบอกว่า.. หากใครเคยดูมิวสิควิดีโอ “ยังไม่พ้นขีดอันตราย” ของ บอย พีชเมคเกอร์ ที่ถ่ายทำใน ฮอยอัน จะเห็น แม่ค้าคนนี้อยู่ในเอ็มวีด้วยนะครับ
สั่งเมนูเดิมครับ “เกาเหลา” กลับมากินร้านเดิม ที่เดิมอีกรอบ ชื่อว่าเกาเหลา แต่.. เกาเหลาของที่นี่จะไม่เหมือนที่ไทยนะครับ
เมนู เกาเหลา จะประกอบไปด้วย แป้งเส้นใหญ่เหนียวนุ่ม ใส่มาพร้อมกับผักสดๆ ใบเขียวๆ หลากชนิดมาเต็มชาม แปะด้วยเนื้อตุ๋นมาอย่างดี ราดด้วยน้ำซอส และ โรยด้วย หนังหมูทอดกรอบ แผ่นบางๆ ..พร้อมเสริฟ..!!
ร้านนี้เคยมานั่งกินเมื่อครั้งแรกที่มาฮอยอัน เมื่อปี 2012(ขวา) และ ได้กลับมากินอีกที 2016(ซ้าย) รสชาติก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิม ผมแอบเปิดรูปนี้ให้ป้าแม่ค้าดูด้วย แล้วบอกแกไปว่า.. 4 ปีผ่านไป ผมกลับมากินอีกรอบแล้วนะ ดูแกก็ยิ้มชอบใจอยู่เหมือนกัน..
ช่วงบ่ายนี้มีเวลาเดินเล่นอีกเหลือเฟือ ลองข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำทูโบนกันสักหน่อย
ฝั่งนี้จะเป็น ตลาดกลางคืน ซึ่งถ้ามาช่วงดึกจะคึกคักมาก ที่จะเห็นเยอะ และสะดุดตาก็จะเป็นร้านขายโคมไฟ
ทำโคมไฟขายเพื่อเป็นของฝาก ราคาโคมไฟขนาดเล็ก 2 USD และ โคมไฟขนาดใหญ่ 4 USD
ในย่านเมืองเก่าก็จะเห็นโคมไฟหลากหลายสีสัน ประดับประดาตามตึกต่างๆ เช่นกัน ซึ่งโคมไฟเหล่านี้จะเปิดไฟให้ชมความสวยงามในตอนกลางคืน
ช่วงเวลาของการพักผ่อน เดินเล่นวนไปเรื่อย เหนื่อยก็หาที่นั่งพักจิบเบียร์.. อิอิ..
ชมบรรยากาศริมแม่น้ำทูโบน วันนี้แดดดีมาก ต่างจากเมื่อวาน
เข้าสู่ช่วงบ่ายอย่างนี้ นักท่องเที่ยวจะเริ่มมาเที่ยวมากขึ้น ดูหนาตากว่าช่วงเช้าเยอะเลยครับ นอกจากการเดินแล้ว การปั่นจักรยาน ก็เป็นการเดินทางที่ดูสะดวกและประหยัด ค่าเช่าแค่วันละ 1 USD เท่านั้น..
การถ่ายพรีเวดดิ้ง และ ถ่ายทำงานโฆษณาต่างๆ สามารถพบได้ทั่วไปในเมืองฮอยอันแห่งนี้ ก็เมืองนี้บรรยากาศมันดูโรแมนติกนี่เนอะ..
15.30 น. ตลาดฮอยอัน
เดินจนมาถึง ตลาดฮอยอัน มองภายนอกเหมือนเป็นโกดังอาคารขนาดใหญ่ ความรู้สึกแรก มันรู้สึกลึกลับ อึมครึม บอกไม่ถูก เหมือนจะไม่กล้าเข้าไป.. อีกอย่างกลัวว่าจะเจอของราคาแพงไม่เป็นธรรม หรือ พูดง่ายๆ ว่าถูกฟันหัวแบะนั่นแหละ เพราะมาเวียดนามมักจะเจอบ่อยๆ (แต่ที่ฮอยอัน ไม่ค่อยเจอเลยนะ ไปทุกที่เจอมาหมด 55+) ก็ขอลองเดินเข้าไปดูสักหน่อยล่ะกัน จะซื้อไม่ซื้อไว้อีกเรื่องนึง..เนอะ..
เข้ามาของไหน มีร้านอาหารเยอะมาก แต่เมนูอาหารก็ดูจะคล้ายๆ กัน ทุกร้าน จะเลือกนั่งร้านไหนก็ได้ คงไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่าจะยังไม่กิน แต่เห็นว่า.. อาหารเขาน่ากินดี ก็ขอลองสักหน่อย!
ลังเลว่าจะนั่งร้านไหนดี แต่ก็ต้องเลือกสักร้าน เอาเป็นร้านนี้ล่ะกัน ดูท่าทางแม่ค้าจะใจดี 55
เมนูอาหาร ระบุราคาชัดเจน ราคาเท่ากันทุกร้าน มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยครับ
เมนูแรก ที่สั่งมา คือ Mi Quang ราคา 20.000 VND (30 บาท) ได้เยอะมาก เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวแห้ง มีเส้นแป้งใหญ่เหนียวนุ่ม ข้างล่างเป็นผักสด โปะหน้าด้วยเนื้อหมู และ ราดด้วยซอส รสชาติอร่อยใช้ได้!
และ อีกเมนู Banh xeo ราคา 30.000 VND (45 บาท) หรือที่เรียกติดปากกันว่า ขนมเบื้องญวน ทำจากแป้ง ยัดไส้ด้วยหมู กุ้ง และถั่วงอก แล้วนำมาทอดในกระทะ เวลากินต้องกินกับน้ำจิ้ม พร้อมเครื่องเคียงเป็นผักสดชนิดต่างๆ อร่อยคุ้มค่า กินคนเดียวแบบนี้ อิ่มเลย!
นอกจาก ตลาดฮอยอัน จะมีร้านอาหารแล้ว ก็ยังมี สินค้าอื่นๆ มาวางขาย ทั้ง ผัก ผลไม้ และ สินค้าทางการเกษตร อื่นๆ
ไม่นานก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเย็น พระอาทิตย์ เริ่มคล้อยตัวต่ำลง บรรยากาศริมน้ำเริ่มคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ออกมาเดินเล่น และล่องเรือชมบรรยากาศ
19.00 น. ราตรี..ฮอยอัน..
หลังจาก.. คืนแรกฝนตกโปรยปรายจนทำให้อดท่องราตรีที่ฮอยอัน มาคืนนี้จึงได้ท่องราตรีเสียที อากาศสบายๆ ไร้เมฆฝน ครับ
สีสันยามค่ำคืนของฮอยอัน นอกจากโคมไฟที่ประดับประดาอยู่ตามจุดต่างๆ แล้ว ก็มี กระทงกระดาษ นี่แหละ ที่สร้างแสงสว่าง ในค่ำคืนที่นี้ ปกติแล้วที่นี่จะ ลอยกระทง ในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ก็สามารถพบเห็น กระทงกระดาษ ลอยอยู่ในแม่น้ำได้ทุกคืน (ก็เพราะว่าขายได้อ่ะเนอะ รายได้ทั้งนั้น)
การขายกระทงกระดาษ ที่นี่ค่อนข้างจะฮาร์ดเซลล์มาก เดินเร่ขายกันแบบถึงตัวเลย และเปิดราคามาค่อนข้างที่จะสูงเหมือนกัน ผมเลยไปนั่งคุยกับน้องขายกระทงคนหนึ่งซึ่งพูดภาษาอังกฤษเก่งมากๆ การตลาดยอดเยี่ยม เปิดราคาขายผมที่กระทงละ 4 USD ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากกับ กระทงกระดาษบางๆ กับเทียนหนึ่งเล่ม จนนั่งคุยและต่อรองมาเรื่อยๆ จนจบที่ 1 USD พร้อมกับขอถ่ายรูปด้วยหนึ่งรูป น้องเขาก็น่ารักดี คุยสนุก ก็ช่วยอุดหนุนกันไปครับ..
ได้กระทงมาแล้ว.. น้องเขาก็พาไปลอยที่แม่น้ำทูโบน ที่อยู่ใกล้ๆ บรรยากาศริมน้ำ ยามค่ำคืน และแสงสว่างจากกระทงกระดาษ แบบนี้ ดูโรแมนติกดี ซึ่งคืนนี้โดยรวม บรรยากาศจะยังไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไร ต้องรอ คืนพรุ่งนี้ ซึ่งเป็น.. คืนพระจันทร์เต็มดวง มีกิจกรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย เป็นคืนสำคัญ ของการมาเที่ยวฮอยอัน ในทริปนี้เลยก็ว่าได้..
เดินข้ามมาฝั่ง ตลาดกลางคืน(Night Market) เต็มไปด้วยร้านขายโคมไฟหลากหลายสีสัน นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันเยอะมาก
ของกิน ก็มีให้เลือกซื้อเยอะเหมือนกัน
บรรยากาศดีๆ แบบนี้ ต้องหาที่นั่งจิบเบียร์กันสักหน่อย ผมมาที่ร้านเดิมที่เคยมานั่งดื่ม เหมือนคราวก่อนที่เคยมาฮอยอัน ร้านนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับ ตลาดฮอยอัน ติดกับ แม่น้ำทูโบน สภาพร้านดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ปรับปรุงจนทันสมัยขึ้น ผมเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่หน้าร้าน เพราะจะได้หันหน้าชมบรรยากาศแม่น้ำทูโบนได้อย่างเต็มตา สั่งเบียร์มาก่อน หนึ่งแก้ว.. ซึ่งเบียร์ท้องถิ่นของที่นี่จะขายเป็นแก้ว ราคาแก้วละ 10.000 VND หรือ 15 บาท เท่านั้นเอง (แต่ราคาแพงขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่ขาย 6.000 VND เท่านั้น)
ผมลองเปิดรูปเก่าที่มาครั้งแรกให้กับเด็กที่ร้านดูว่า นี่ใช่ร้านเดียวกันมั้ย? ซึ่งคำตอบก็คือ ใช่..ร้านเดียวกัน แต่ว่าปรับปรุงใหม่ และเมื่อก่อนถังเบียร์ใหญ่ๆ ที่อยู่หน้าร้าน ก็ถูกย้ายไปไว้หลังร้านแล้ว จะเพิ่มเบียร์ที ก็ต้องรอไปเติมที่หลังร้านนานหน่อย ก็เป็นร้านหนึ่งที่ชอบ เพราะ ความสงบ และ บรรยากาศดี จิบเบียร์ชิลๆ ไปเรื่อยๆ หมดก็เติม จนลืมนับว่าผ่านไปกี่แก้วแล้ว.. เป็นค่ำคืนที่ชิลดีเหมือนกัน คืนนี้.. คงหลับสบาย..
ตอนที่ 2 : หิงห้อยฮอยอัน! >> http://chailaibackpacker.com/hoian-2
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9