EP.3/3 South Vietnam พาเที่ยวเวียดนามใต้ ตอนที่ 3 “มุยเน่”
ทริปนี้ ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะพาไปลุยกันที่ประเทศเวียดนามใต้กันครับ โปรแกรมการเดินทางของเราทั้งหมด 4 วัน ดังนี้
Day 1 เดินทางถึงโฮจิมินห์ เที่ยวโฮจิมินห์ นอนบนรถไปดาลัด
Day 2 เช้าที่ดาลัด เช่ามอเอตร์ไซค์ขับเที่ยวในดาลัด นอนที่ดาลัด
Day 3 เช้านั่งรถบัสไปมุยเน่ ซื้อทัวร์รถ Jeep ไปเที่ยวทะเลทราย นอนมุยเน่
Day 4 เช้าขึ้นรถกลับโฮจิมินห์ เดินซื้อของฝาก และนั่งรถกลับสนามบิน
โดยรีวิวนี้จะแบ่งเรื่องราวเป็น 3 ตอน ดังนี้
EP.1/3 “โฮจิมินห์” >> http://chailaibackpacker.com/hochiminhcity-vietnam/
EP.2/3 “ดาลัด” >> http://chailaibackpacker.com/dalat-vietnam/
EP.3/3 “มุยเน่” >> http://chailaibackpacker.com/muine-vietnam/
พิเศษ!! แจก Code ส่วนลด Booking.com 550 บาท(เมื่อจองที่พักขั้นต่ำ 1,100 บาท ขึ้นไป) สามารถจองผ่านลิ้งค์นี้ เพื่อรับเครดิตเงินคืนได้เลย! >> https://www.booking.com/s/44_6/kowit999
เช้าวันใหม่.. ที่ดาลัด เราตื่นแต่เช้ากัน เตรียมตัวเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมครับเราติดต่อรถที่จะจองไว้ครับ วันนี้เราจะเดินทางไปต่อที่ “มุยเน่” กันครับ เปลี่ยนฟีลกันสุดๆ จาก หนาวเย็นที่ “ดาลัด” ไปสู่ ความร้อนระอุที่ “ทะเลทรายมุยเน่” เราใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ ไป “มุยเน่” ประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ นี่คือรถที่จะพาเราไป “มุยเน่” ครับ
ออกเดินทางกันประมาณ 8 โมงเช้า น่าจะถึง มุยเน่ เกือบๆ เที่ยงครับ.. สรุปการเดินทางของเราที่ผ่านมา คือ โฮจิมินส์ >> ดาลัด>> (ย้อนกลับ)มุยเน่ เรากำลังมุ่งหน้าลงใต้กลับไปที่ มุยเน่ครับ ก่อนที่วันสุดท้าย จะไปสิ้นสุดกับจุดเริ่มต้นที่โฮจิมินส์ ระหว่างทาง ก็จะเป็นทางเชิงเขาครับ โค้งไปโค้งมา มีแวะให้ซื้อขนม ซื้อน้ำ ตามรายทางบ้างครับ
มีจอดแวะครึ่งชั่วโมง ให้ซื้อขนม หรือ เข้าห้องน้ำครับ
นั่งรถกันมา ไม่นานนัก ก็เริ่มเข้าถนนเลียบชายหาดแล้วครับ มองจากบนรถแบบนี้ ..รู้สึกลมจะแรงมากๆ เลย!
เนื่องจากเราไม่ได้จอง โรงแรมที่มุยเน่มา.. ก็เลยไม่รู้ว่าจะลงตรงไหนดี รถก็จอดทยอยให้คนลงตาม โรงแรม เรื่อยๆ แต่เราไม่รู้จะลงตรงไหน ก็มั่วๆ ลงมาก่อนครับ ฮ่าๆ สภาพเมืองมุยเน่ จะเป็นเมืองแบบเลียบชายหาดครับ ลมพัดเย็นสบาย อากาศดีครับ ถึงจะร้อนไปหน่อย ที่ตั้งของโรงแรม จะมีฝั่งติดทะเล กับอีกฝากถนนครับ ..ซึ่งที่พักติดทะเลย่อมแพงกว่าครับ
ที่นี่.. จะเห็นร้านทัวร์เรียงรายเลยครับ เราเลยเดินมาปักหลัก ที่ร้านทัวร์กันก่อนครับ ก่อนอื่นเราต้องการที่จะใช้บริการ รถ Jeep ในการเดินทาง ชมสถานที่ท่องเที่ยวในมุยเน่ และ หาโรงแรมสำหรับ ค่ำคืนนี้ ก็ขอแนะนำ..ว่าโรงแรมที่นี่วอร์คอินได้เลยครับ เดินหาได้ตามความพอใจเลย โรงแรมใหม่ๆ เยอะมากครับ ฝั่งตรงข้ามกับทะเล ห้องจะราคาถูก เดินข้ามถนนมาชมทะเลได้ ..ราคาห้องนี่ ถือว่าไม่แพงเลยครับ
เมืองชายทะเล.. ดูเงียบๆ ไม่วุ่นวาย ต้นมะพร้าวนี่เยอะมาก ตอนเดินผ่าน ลมแรงๆ ..แอบเสียวลูกหล่นใส่หัว 55
โรงแรม ร้านอาหาร ร้านทัวร์ เพียบครับ คล้ายๆ เมืองชายทะเลทั่วไป.. เราก็เลยเดินๆ หาโรงแรมในคืนนี้ดูครับ
ทุกโรงแรม สามารถขึ้นไปขอดูห้องก่อนได้ครับ และ ต่อรองได้ตามความพอใจ..
พอดีมองเห็นโรงแรมใหม่ๆ ลองเข้าไปสอบถามราคาดูครับ ตอนแรกคิดว่าราคาน่าจะเกินงบไป แต่พอได้ทราบราคาก็โอเคเลยครับ ตกที่ ห้องละ 600 บาท นอนได้ 4 คน ตกคนละ 150 บาท ก็ถือว่าเยี่ยมครับ..!!
มีแอร์ มีทีวี LCD อยู่ห้องติดถนน เปิดหน้าต่างไปแอบเห็นวิวทะเลไกลๆ ครับ ลมพัดเข้ามาเย็นสบายครับ ที่ มุยเน่ โรงแรมลักษณะนี้มีให้เลือกเยอะครับ เพิ่งสร้างใหม่ๆ มาเดินวอร์คอินหาดูได้ และ ที่ยังเห็นกำลังสร้างก็มีเยอะเหมือนกันครับ
ได้เวลาเที่ยงพอดี เราข้ามถนนมาหาร้านอาหารริมทะเลทานกันครับ ได้ร้านอาหารของโรงแรมหนึ่ง สำหรับฝากท้อง ต้องเติมพลังกันหน่อยครับ เดี๋ยวบ่ายๆ จะได้ออกผจญภัยกันแล้ว!!
บรรยากาศริมทะเล กับ อาหารมื้อเที่ยงครับ
เมนูง่ายๆ สั่งง่ายๆ กินง่ายๆ คงไม่พ้น “ข้าวผัด”
สระว่ายน้ำ น่าลงเล่น ในเวลาอากาศร้อนๆ เช่นนี้.. (สระของโรงแรมที่เรามาทานข้าวครับ ไม่ได้พักที่นี่..)
และแล้ว.. ก็ได้เวลาออกเดินทางทัวร์รอบมุยเน่แล้วครับ ทัวร์ของมุยเน่นั้น จะเป็นทัวร์ 4 ชั่วโมง ให้เลือก ระหว่าง..ไปดู พระอาทิตย์ขึ้น กับ พระอาทิตย์ตก ครับ จะไปด้วยกันทั้งหมด 4-5 ที่ คือ ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง หมู่บ้านชาวประมง แฟรี่สตรีม(ธารน้ำ) และเรดแคนยอน (เรดแคนยอน ไม่ค่อยน่าสนใจครับ ข้ามได้) เราก็เลยเลือก ชมพระอาทิตย์ตก ครับ ออกจากตัวเมืองมุยเน่ตอนบ่าย 2 ครับ สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไกลสุด คือ ทะเลทรายขาว (ประมาณ 40 Km.) เราติดต่อรถ Jeep ที่ร้านทัวร์ครับ เขาคิดต่อคน คนละ 7 USD ประมาณ 200 บาทก็โอเคครับ จัดไปเลย 2 คัน ชิลๆ..!!
Jeep คันนี้แหละครับ ที่จะพาเราไปชมทะเลทราย (มีคนขับ ขับให้นะครับ)
พร้อมลุยตามรอยหนัง .. “เราสองสามคน”
จุดหมายแรกที่เราจะไปเที่ยวชมกัน ก็คือ.. “แฟรี่ สตรีม” ครับ เป็นลักษณะธารน้ำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ตัวเมืองสุดแล้วครับ ..ก็เลยแวะชมที่นี่กันก่อน
การจะเดินเข้าไปต้อง ถอดรองเท้า เข้าไปครับถึงจะเดินสะดวกๆ หน่อย
จะเป็นลักษณะของธารน้ำไหลครับ น้ำตื้นๆ ไหลเย็นๆ เห็นตื้นๆ แต่ก็ไหลแรงพอสมควรเลยครับ อากาศร้อน เดินเย็นเท้าดีเหมือนกัน
จะขึ้นไปดูวิวด้านบน ของ “แฟรี่ สตรีม” ก็ต้องลุยทรายขึ้นไปบนเนินครับ แค่ ณ. จุดนี้เราก็ได้สัมผัสถึงบรรยากาศทะเลทรายแล้วละครับ!
แดดแรงๆ อย่างนี้ ทรายร้อนเท้ามากๆ ครับ จะใส่ก็เดินลำบาก ต้องทนร้อนเอาครับ อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว..
ทยอยเดินกันขึ้นไปครับ ชีวิตต้องสู้ๆ.. อิอิ..
สภาพผืนทรายอันร้อนระอุ
เดินลุยทรายร้อนๆ จนมาถึงจุดที่สามารถชม ธารน้ำ ได้ครับ ก็สวยงามดีครับ ทรายร้อนเท้ามากๆ แบบนี้ไม่ไหวครับ รีบเก็บภาพแล้วก็รีบเดินลง ครับ
มาเที่ยวแบบนี้นอกจากครีมกันแดดแล้ว อย่าลืม ผ้าปิดจมูก กับ แว่นตากันแดด ด้วยก็ดีครับ ลมพัดทรายกระจาย มาเป็นระยะเลย เข้าตา เข้าจมูกกันเลยทีเดียว
อยู่ที่นี่สักพัก ก็ตัดสินใจกลับกันครับ ..ร้อนมาก.. อีกอย่างเก็บแรงไว้ลุยกับอีก 2 ทะเลทรายครับ แต่แค่นี้ก็ดูดพลังไปเยอะแล้วเหมือนกันนะเนี่ย..
เดินทางไปตามถนนเลียบชายหาด เพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวจุดต่อไปครับ..
นั่งกันยังไม่ทันหายเหนื่อย รถ Jeep ก็พาเรามาถึง “หมู่บ้านชาวประมง” ครับ
“มุยเน่” เป็นเมืองติดทะเลครับ อาชีพส่วนใหญ่ของคนแถบหนีก็คงหนีไม่พ้นการทำประมงครับ มองลงไปจากจุดนี้.. เห็นเรือประมงลอยลำ อยู่มากมาย ดูเป็นภาพที่สวยงามมากครับ
ยืนเก็บภาพบรรยากาศบริเวณนี้ครับ!!
เดินลงไปชมบรรยากาศข้างล่างกันสักหน่อยครับ ตอนนี้อาจจะเป็นช่วงบ่ายๆ เลยไม่เห็นชาวประมงเลย สังเกตจะเห็น เรือกลมๆ ที่เรียกกันติดปากว่า “เรือกระด้ง” ด้วยครับ เยอะเลย..
ภาพจากด้านล่าง.. มองขึ้นไปตรงรถที่เราจอดครับ ลงมาข้างล่างนี้ ต้องสู้กับกลิ่นคาวปลาหน่อยนะครับ เพราะ จะได้สัมผัสกลิ่นคาวคละคลุ้งเลยทีเดียว “เรือกระด้ง” เรียงรายกันเต็มหาดเลย
ลงมาถึงขนาดนี้กันแล้ว มันต้องได้ลองลงเรือสิครับ.. เห็นเรือลอยอยู่ริมหาด ก็เลยหันหน้าไปมองชาวประมงเจ้าของเรือที่อยู่บริเวณนั้น แล้วทำท่าทางเหมือนจะขอลองลงไปนั่งดู เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ ก็เลย.. ลองจัดดูสักทีครับ!
รู้สึก สมาชิกท่านนี้ อยากสัมผัสกับธรรมชาติ และกลิ่นคาวอย่างใกล้ชิด เอนกาย “หงายเงิบ” ลงไปเลยเชียว 555!
รู้สึกว่า “เรือกระด้ง” จะมีทั้งแบบสาน แล้วก็แบบคล้ายวัสดุสังเคราะห์ด้วยนะครับ
แล้วก็ออกเดินทางกันไปที่จุดต่อไปครับ นั่นก็ คือ… “ทะเลทรายขาว” ซึ่งจะอยู่ออกไปไกลที่สุดครับ แล้วเราก็จะย้อนกลับมาดูพระอาทิตย์ตก ที่ “ทะเลทรายแดง” ครับ
เส้นทางเลียบไปตามชายหาดครับ บรรยากาศดีมาก.. ครับ
พี่โชเฟอร์ของเราพาซิ่งสุดๆ
เส้นทางเริ่มเข้าสู่ความแห้งแล้งอย่างเห็นได้ชัดครับ เราจะเห็น Jeep ของนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ วิ่งผ่านแซงไปเรื่อยๆ ครับ จุดหมายที่เดียวกัน คือ “ทะเลทรายขาว”
เส้นทางนี้ฝุ่นเยอะมากครับ หาที่ปิดปาก ปิดจมูกมาก็ดีครับ กลับไปนี่ฝุ่นเต็มหัวแน่นอน..
ถ้าไม่อยากใช้บริการรถ Jeep ที่นี่ก็มีบริการให้เช่ารถมอ’ไซค์ราคาไม่แพงนะครับ แว๊นซ์เที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ตามความพอใจครับ ราคาก็คิดเป็นวัน วันละ ประมาณ 250-300 บาท ครับ สำหรับขาลุย อย่างแท้จริง.. หรือ ถ้าไม่ชำนาญเส้นทาง จะไปแบบมีคนขับ มอไซค์ ให้ก็ได้ครับ นั่งซ้อนท้ายไปชิลๆ.. แต่ต้องทนร้อนหน่อย เท่านั้นเอง!
รถเลี้ยวเข้าทางลูกรังสักพัก เริ่มเห็นเนินทรายแต่ไกลแล้วครับ..
เดินทางมาถึงทางเข้า “ทะเลทรายขาว” กันแล้วครับ ในเวลาบ่ายแก่ๆ แดดในตอนนี้ถือว่าไม่ร้อนมากครับ ลองเอาเท้าสัมผัสทราย ไม่ร้อนเท่าที่ทราย “แฟรี่ สตรีม” ก่อนหน้านั้น แต่ลมแรงมากครับ พัดมายังกับพายุทรายเลย ทางเข้าจะมี ATV ให้เช่าขับด้วยครับ แต่ดูราคาแล้ว ไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไร ..เดินเอาดีกว่าครับ
สัมผัส กับ ผืนทราย
พากันเดินขึ้นไปบนจุดสูงสุดกันครับ วันนี้พอมีเมฆบ้าง ทำให้พอบังแดดได้บ้างในบางเวลา
หน่วยทดสอบความเร็วลม ลมพัดแรงมากครับ..!!
มาถึงแล้ว ก็ขอ.. ออกแอคชั่นกันล่ะครับ!!
ผืนทรายอันกว้างขวางครับ เดินเท้าเปล่า ทรายไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดครับ ..เดินได้สบายเลย
เชื่อได้เลยว่า.. ทริปนี้นำ “ความดำ” กลับไปกันทุกคนอย่างแน่นอน
นอนเกลือกกลิ้ง.. เข้าถึงบรรยากาศของทะเลทรายกันเลยนะ!
บนเนินทรายแบบนี้ … น่าลื่นไถลยิ่งนัก มีบริการให้เช่า แผ่นกระดานลื่น ไว้ลื่นไถลลงมาจากเนินทรายด้วยนะครับ เห็นฝรั่งเล่นกันแล้วน่าสนุกมาก..ๆ
สู้แดด..สู้ลม.. กันแบบไม่เคยหวั่น..
มาที่นี่ขาดแว่นกันแดด ไม่ได้เลย… เอาไว้มากันทราย… ปลิวเข้าตา 55
ได้อารมณ์ อยากใกล้ชิด กับ ธรรมชาติ …เลยทีเดียวนะ!
“ท่าบังคับ” …ยามมาเยือน…
ยืนเก๊กท่ามกลางอากาศร้อน.. สินะเนี่ย!!
ออกแอคชั่นกันไปครับ.. สนุกสนานกันใหญ่เลย!
มองไกลออกไป.. เห็นนักท่องเที่ยว 2 คน อยู่ยอดเนิน ทางโน้น..
ดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้วครับ.. เตรียมได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว..
จบที่ “ทะเลทรายขาว” เราต้องรีบไปดูพระอาทิตย์ตกที่ “ทะเลทรายแดง” กันต่อครับ ตอนนี้ร่างกายทุกคน เริ่มเมื่อยล้ากันซะแล้ว อิอิ.. เศษทรายเต็มเต็มตัวกันเลย..
ชอบ.. ริ้วคลื่นของทะเลทราย ครับ สวยดี
พวกเราพากันเดินออกจากทะเลทรายครับ.. จะรีบไปกันต่อ ก่อนที่แสงของวันนี้จะหมดไป..
หันกลับมาดู.. รอยเท้าที่เราเดินออกกันมาครับ เราน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้าย ที่ออกจากที่นี่ครับ.. ได้เวลาอำลาทะเลทรายขาว “White Sand Dune”
โชเฟอร์รถ Jeep พาเราย้อนมาเส้นทางเดิม เพื่อกลับเข้าสู่เมืองครับ และ จะแวะสถานที่สุดท้าย สำหรับวันนี้.. นั่นก็คือ “ทะเลทรายแดง” ครับ
เพียงไม่นานเราก็มาถึง “ทะเลทรายแดง” จะว่าไปแล้ว ที่นี่..ดูเล็ก กว่า “ทะเลทรายขาว” มากครับ ความอลังการแตกต่างกันเยอะเลย ทะเลทรายขาว ใหญ่กว่า กว้างกว่า ทรายละเอียด และดูสะอาด ธรรมชาติกว่ามากครับ มาถึงที่นี่.. ก็เลยรู้สึกเฉยๆ ครับ ดูไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร..
มาทันดู.. พระอาทิตย์ตกพอดี.. แต่วิ่งไปดูยอดเนินข้างหน้าไม่ทัน ขอดูอยู่ตรงนี้ล่ะกันนะ
ความสวยงามของพระอาทิตย์ตก.. แสงสุดท้ายของวันนี้!
หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองครับ ตอนนี้.. อยากจะกลับไปอาบน้ำกันมากมายเลย ตัวเต็มไปด้วยทราย อากาศร้อนก็ร้อนอบอ้าวมาก คงได้อาบน้ำ สระผม กันเป็นการใหญ่ละครับงานนี้.. แต่โดยรวมก็ประทับใจกับ ทะเลทรายแห่งเมือง “มุยเน่” นี้ นะครับ.. สักครั้งหนึ่งได้มาเยือนก็ถือเป็น ความทรงจำดีๆ เรื่องหนึ่งเลย!
เดินทางกลับเข้าเมืองมุยเน่ เข้าที่พัก จัดการอาบน้ำ สระผม ให้สดชื่นครับ ได้กลับมาอาบน้ำ นี่มันช่างสบาย สดชื่น จริงๆ คืนนี้จะออกไปชิมอาหารริมหาดครับ กับร้านที่คงจะรู้จักกันดี “ร้าน LAM TONG” ร้านนี้รู้สึกจะฮิตในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยนะครับ เพราะเจอคนไทยในร้านเต็มเลย.. จะเดินไปร้านนี้ หรือ ใช้บริการแท๊กซี่ก็ได้ครับ
ที่ร้านนี้..ดูจากราคาเมนู และข้อมูลที่ได้รับมา อาหารที่นี่..จะ ราคาค่อนข้างถูก นะครับ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา..(ก็แน่นอนครับ ..ติดทะเลนี่ ฮ่าๆ..) มีเมนูให้เลือกชิมหลากหลายครับ บริการเป็นกันเอง นั่งชิลๆ ริมทะเล ก่อนอื่น ขอสั่งเครื่องดื่ม มาแก้เหนื่อยกันสักหน่อยละกันครับ ขาดไม่ได้จริงๆ อิอิ..
อ้าววว..ชนแก้ว..!! ฉลองค่ำคืนสุดท้ายของทริปเวียดนามแล้วครับ ต้องสังสรรค์กันหน่อย
บริเวณนี้มีร้านริมหาดให้เลือกนั่งเยอะครับ หลักๆ ก็จะเป็นอาหารที่มาจากทะเล บรรยากาศก็คล้ายๆ เมืองริมทะเลทั่วๆไป ครับ มีบาร์ มีร้านอาหารเยอะแยะ เดินๆ เล่นริมหาดมาเจอร้านนี้ครับ กับ เมนู “จระเข้หัน” !!
นั่งจิบเบียร์ บาร์ริมหาด ก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะครับ.. ลมพัดเย็น สบายมากๆ
คืนนี้พระจันทร์สวยครับ.. นั่งชมบรรยากาศไปเรื่อยๆ.. ก่อนที่เราจะกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนครับ พรุ่งนี้วันสุดท้ายของทริปนี้ เราก็จะกลับเข้า เมือง “โฮจิมินห์” กัน
เช้าวันใหม่… เราออกเดินทางจาก “มุยเน่” กลับมาสู่ความวุ่นวายที่ “โฮจิมินห์” ครับ เดินทางมาถึง “โฮจิมินห์” ตอนประมาณช่วงบ่ายๆ.. เวลานี้ก็เดินหาซื้อของฝากกันล่ะครับ ก่อนที่จะกลับไทยกัน ของฝากย่านฟาร์มงูเหลาก็เยอะนะครับ ถ้าขี้เกียจเดินไปตลาดเบนถัน ที่ฟาร์มงูเหลาก็มีให้เลือกซื้อเหมือนกัน ทั้งพวก เสื้อ และของที่ระลึกต่างๆ ราคาก็มีป้ายติดชัดเจนครับ หรือ อยากต่อราคาลงมาอีกก็ลองดูกันนะครับ
เมื่อได้เวลาพอสมควร.. ช๊อปปิ้งกันจนหนำใจแล้ว.. ก็ต้องกลับสนามบินครับ ซึ่งก็จะใช้บริการขนส่งมวลชน รถเมล์ราคาประหยัดเหมือนเดิม ก็เดินข้ามไปรอรถเมล์ที่ป้ายฝั่งตรงข้าม กับตอนที่ลง ตอนขามาครับ สาย 152 เหมือนเดิม.. แต่..ว่ารถเมล์จะหมดตอน 6 โมงเย็น ซึ่งตอนนี้เวลาก็เกือบ 6 โมงแล้ว ก็ต้องลุ้นละครับ มาให้ยังมีรถเมล์วิ่งอยู่ อาจเป็นเที่ยวสุดท้ายพอดีครับ
ซึ่งเราก็โชคดีครับ! ที่ยังมีรถเมล์วิ่งอยู่ ไม่ต้องเปลืองค่าแท็กซี่ครับ ขากลับ ราคาเท่าเดิม 5000 VND หรือ 7-8 บาท คุ้มครับ นั่งกลับสนามบิน เที่ยวบินของเราไฟล์ทดึกครับ มีเวลามาทันเหลือเฟือครับ เตรียมอำลา “เวียดนาม” ด้วยเสื้อ iPho คนละตัว
ได้เวลา เดอะแก๊งค์ ร่ำลา “เวียดนาม” สิ้นสุดการเดินทางของทริปนี้กันแล้วครับ
ออกเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนกันครับ คิดถึง “กะเพราไก่ไข่ดาว” เหลือเกิน.. อยู่เวียดนามกินแต่ “เฝอ” กับ “หอย” 555! เป็นทริปนึงที่รู้สึกสนุกสนานเฮฮามากครับ และก็เป็นทริปมี่เดินทางมากันอย่างประหยัด คุ้มค่ามากๆ กับการที่ได้มาเยือนครับ
ถึงแม้ว่า.. ไฉไลแบ็คแพ็คเกอร์ จะมาเยือนเวียดนามเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นเสมอที่ได้มาในทุกๆ ครั้ง เป็นทริปที่สนุก อยู่ในความทรงจำเลยล่ะครับ เพื่อนๆ ท่านใดยังไม่เคยไปเยือน ลองไปเที่ยวกันสักครั้งนะครับ เที่ยวเวียดนามไม่ยากครับ สนุกดี!!
สุดท้าย.. ขอจบรีวิวทริป “เวียดนามใต้” ไว้เพียงเท่านี้นะครับ อย่าลืม แชร์ ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันนะ ขอบคุณครับ!!
BY CHAILAIBACKPACKER