JAPAN : รีวิวเที่ยว “ญี่ปุ่น” (TOKYO – NAGANO) ตะลุยกินโตเกียว / ชมธรรมชาติคามิโคจิ / เก็บผลไม้สดๆ จากสวน
Ohayo! ได้เวลาออกเดินทางเที่ยว “ญี่ปุ่น” กันอีกครั้ง ทริปนี้ เราจะพาไปเที่ยวในเส้นทางบินตรงสู่ โตเกียว – นาริตะ (NRT) ประเทศญี่ปุ่น กับสายการบิน Thai AirAsia X เดินทางสะดวกสบาย ราคาประหยัดคุ้มค่า ตารางเวลาดี เดินทางถึงปลายทางตอนเช้าก็พร้อมเที่ยวต่อได้เลย
บินตรงสู่ “โตเกียว” ญี่ปุ่น กับ Thai AirAsia X
เริ่มต้น ออกเดินทาง มาขึ้นเครื่องที่ “สนามบินสุวรรณภูมิ” หลังจากสำรองที่นั่งเรียบร้อย แนะนำให้ทำ Web Check in มาก่อนล่วงหน้า เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบิน ก็จะมีช่องสำหรับคนที่ทำ Web Check in มาแล้ว ก็แค่มาตรวจเอกสาร และโหลดสัมภาระเท่านั้น เดินทางช่วงหน้าร้อนแบบนี้ คนน้อยดี ไม่แออัดมาก ในขั้นตอนการตรวจสัมภาระ หรือผ่าน ตม. ก็ใช้เวลาไม่นาน
ในระหว่างเดินทาง บนเครื่องก็จะมีพนักงานต้อนรับมาคอยให้บริการอย่างดี มีบริการจำหน่ายอาหารหลากหลายเมนู อย่างเช่น ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ (Chicken Teriyaki with Rice), ข้าวกะเพราไก่หม่อมหน่อย(Ml. Noi Basil Fried with Chicken) เป็นต้น รวมถึงเครื่องดื่มบนเที่ยวบินที่ห้ามพลาดในช่วงนี้ อย่าง “น้ำลำไยสด” เมนูใหม่จากแอร์เอเชีย ชิมแล้ว รู้สึกสดชื่นดี โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเดินทางตอนเช้าๆ ได้ดื่มน้ำลำไยเย็นๆ แบบนี้ เรียกความสดชื่นได้อย่างดีเลย แถมมีเนื้อลำไยให้ได้เคี้ยวเล่นหนึบๆ อีกด้วย
● น้ำลำไยสด (120 บาท)
● อเมริกาโน่น้ำลำไยสด (120 บาท)
จาก กรุงเทพฯ(BKK) เดินทางมาถึงปลายทางที่โตเกียว(NRT) ได้อย่างปลอดภัย ตามเวลาที่กำหนด ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง มาถึงโตเกียวในช่วงเช้า ก็พร้อมเที่ยวต่อได้เลย
ตารางบิน Thai AirAsia X เส้นทางบินตรงจาก “กรุงเทพฯ” (BKK) สู่ “โตเกียว” (NRT) ประเทศญี่ปุ่น เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และบินตรงเวลา
(ขาไป)
● BKK – NRT : XJ 602 : 05.05 – 13.30
● BKK – NRT : XJ 600 : 23.55 – 08.00
(ขากลับ)
● NRT – BKK : XJ 601 : 09.15 – 14.00
● NRT – BKK : XJ 603 : 14.45 – 19.35
จองได้ที่ : https://www.airasia.com/th/th
เที่ยว “ญี่ปุ่น” ด้วย JR East Nagano-Niigata Area Pass
การเดินทางมาเที่ยว “โตเกียว” ในทริปนี้ เรามีแผนเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว และจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง จึงได้เลือกใช้บัตรพาสรถไฟของ JR East Pass ในการเดินทาง โดยเลือก JR East Nagano-Niigata Area Pass (5 Days) สำหรับท่องเที่ยวใน Tokyo, Nagano, Matsumoto, Niigata, Nikko เป็นต้น สามารถใช้บัตรใบนี้ในการเดินทางด้วยรถไฟสาย JR East, Yamanote Line รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น ในพื้นที่ที่กำหนดได้อย่างไม่จำกัด ในระยะเวลา 5 วัน ซึ่งก่อนเดินทาง เราก็ได้ทำการซื้อออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์มาก่อนล่วงหน้า ซื้อง่าย และสะดวกสบายมาก
วิธีการซื้อบัตร JR East Nagano-Niigata Area Pass (5 Days) หรือบัตรอื่นๆ ของ JR East Pass ผ่านเว็บไซต์
1.เข้าเว็บไซต์ eki-net
2.ลงทะเบียน ด้วยอีเมล์และตั้งรหัสผ่าน จากนั้น เข้าสู่ระบบเพื่อทำรายการ
3.เลือกซื้อบัตรของ JR East Pass ตามที่ต้องการ โดยเลือกเมนู Purchase a pass เลือกพื้นที่ของพาสที่จะใช้งาน ระบุวันใช้งาน และสถานที่ในการรับบัตร พร้อมชำระเงิน
4.ในวันเดินทาง เมื่อเดินทางถึง สนามบินนาริตะ(NRT) แสดงหนังสือเดินทางตัวจริง ที่จุดจำหน่ายในสถานีรถไฟ โดยใช้ QR Code ไปกดรับบัตรได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วที่นั่งแบบจองล่วงหน้า (Reserved Seat Ticket) แบบมีเครื่องอ่านหนังสือเดินทาง จะต้องใช้หนังสือเดินทางที่มีชิป IC ด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟผ่านเว็บไซต์ ล่วงหน้าได้เช่นกัน โดยเลือกเมนู “Seat Reservation” เลือกขบวนหรือเส้นทางรถไฟ ระบุวันเวลาที่เดินทาง จากนั้น ก็กดเลือกที่นั่งตามที่ต้องการ ก็เป็นอันเรียบร้อย เป็นการจองที่นั่งบนรถไฟ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง สะดวกสบายมากๆ เลย
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง “โตเกียว” ด้วย Narita Express
เนื่องจากใช้บัตร JR East Nagano-Niigata Area Pass (5 Days) จึงสามารถใช้โดยสารรถไฟ Narita Express (N’EX) ได้ ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษที่เชื่อมตรงระหว่างสนามบินนาริตะ (Narita Airport) กับเมือง Tokyo เดินทางได้อย่างรวดเร็ว
ภายในตู้โดยสาร มีที่นั่งที่สบาย มีที่สำหรับวางสัมภาระและกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ เป็นการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองได้อย่างสะดวกสบายมาก ใช้เวลาเดินทางเร็วสุดเพียง 53 นาที เท่านั้น
และ สำหรับผู้ที่ใช้บัตรของ JR East Pass ก็จะได้รับส่วนลดและสิทธิพิเศษ จากร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ (&EKINAKA) อีกด้วย โดยสามารถดูร้านค้าที่ร่วมรายการเพิ่มเติม ได้ที่นี่
เราเลยถือโอกาสนี้ ใช้ส่วนลดของร้านค้าในสถานีรถไฟ Tokyo Station ซึ่งจะมีศูนย์รวมร้านค้ามากมายในสถานีรถไฟ อย่าง GRANSTA
และ เราได้ลองมาใช้บริการที่ร้าน Kakunoshin Hamburg Steak & Bar อีกหนึ่งร้านอาหารที่อยู่ใน GRANSTA ภายในสถานีรถไฟ Tokyo Station เป็นร้านที่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ แนะนำให้แวะมาลองชิมที่ร้านนี้เลย
เมนูแนะนำ จะเป็น Hamburg Steak เนื้อนุ่มอร่อย ทานเข้ากันดี ซึ่งผู้ที่ใช้ JR East Pass สามารถแสดงบัตรเพื่อรับเพิ่ม Free soft-boiled egg or cheese topping with a Hamburg steak order เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้งาน JR East Pass อีกด้วย
นอกจากในส่วนของร้านอาหารแล้ว ก็ยังมีร้านค้าอื่นๆ ที่ร่วมรายการเช่นกัน อย่างเช่น TRAINIART TOKYO ร้านที่รวมของที่ระลึกเกี่ยวกับรถไฟ JR East ไม่ว่าจะเป็น โมเดลรถไฟชินคังเซ็น พวงกุญแจ ตุ๊กตา โปสการ์ด และของที่ระลึกต่างๆ น่าสะสม
โดยผู้ที่ใช้ JR East Pass สามารถแสดงบัตรเพื่อรับ Free Shinkansen ballpoint pen เมื่อใช้จ่ายที่ร้านค้า ตั้งแต่ 1,500 เยนขึ้นไป ใครชอบสะสมไม่ควรพลาดนะ!
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมร้านค้า ของ &EKINAKA เพิ่มเติม ได้ที่นี่
จาก Tokyo ไป Nagano ด้วยรถไฟ Shinkansen
Matsumoto ประเดิมเที่ยวที่แรก!! กับปราสาทเก่าแก่แห่งเมืองมัตสึโมโต้
หลังจากรับบัตร JR East Nagano-Niigata Area Pass เรียบร้อย เราก็นั่งรถไฟชินคังเซ็นยาวจาก สถานีรถไฟ Tokyo Station ขึ้นรถไฟสาย Hokuriku-Shinkansen มาลงที่สถานีรถไฟ Nagano Station จากนั้น เปลี่ยนมาขึ้นสาย JR Shinano Line มาลงที่สถานีรถไฟ Matsumoto Station ที่เมือง Matsumoto อีกเมืองประวัติศาสตร์ที่มีความน่าสนใจ
เมื่อมาถึง Matsumoto สถานที่แรก ก็ต้องไม่พลาดมาเที่ยวที่ “ปราสาทมัตสึโมโต้” แม้เราจะเคยมาที่นี่บ้างแล้ว(ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี) แต่ได้มาในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ก็ถือว่า ได้อีกบรรยากาศดีนะ
ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle) ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2135 ตัวปราสาทสร้างขึ้นด้วยไม้ โดยการสร้างจะไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว มีการออกแบบให้ดูจากภายนอกเหมือนมี 5 ชั้น แต่ภายในมีทั้งหมด 6 ชั้น เพื่อเป็นการลวงตาศัตรู และเนื่องจากตัวปราสาทมีสีดำ ปราสาทนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทอีกา” ที่มีความสวยงาม สีดำทะมึนดูน่าเกรงขาม
ภายใน “ปราสาทมัตสึโมโต้” (Matsumoto Castle) จะมีการจัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ รวมถึง ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต อาวุธ เกราะซามูไร ฯลฯ สามารถเดินชมไปในแต่ละชั้น และชั้นบนก็ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามอีกด้วย
ในช่วงปลายปี(เดือนพฤศจิกายน) บริเวณรอบปราสาทจะรายล้อมด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เดือนมีนาคม) ก็จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งสวยงาม เป็นอีกจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระยอดนิยมของเมืองนี้
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมปราสาทได้โดยรอบ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจะเข้าไปชมภายในตัวปราสาท ก็จะมีค่าเข้าชม ดังนี้
● ผู้ใหญ่ 700 เยน
● เด็ก(ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา) 300 เยน
● เด็กเล็กและเด็กอนุบาล เข้าฟรี
ไม่ไกลจาก “ปราสาทมัตสึโมโต้” (Matsumoto Castle) จะมี “ถนนนาวาเตะ” (Nawate Street) หรือ “ถนนกบ” เป็นถนนโบราณเส้นเล็กๆ ยาวประมาณ 300 เมตร ที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมัตสึโมโต้ อยู่ไม่ไกลจากปราสาทมัตสึโมโต้(Matsumoto Castle) สามารถแวะมาเดินเล่นที่นี่ต่อได้
จุดเด่น ของ “ถนนนาวาเตะ” แห่งนี้ ก็คือ “กบ” โดยจะเห็นกบอยู่ในทุกที่ของถนนสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นอนุสาวรีย์กบ ศาลเจ้ากบ รูปปั้นกบ รวมไปถึงของที่ระลึกต่างๆ ก็จะเป็นสัญลักษณ์รูปกบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อว่า “กบ” เป็นสัญลักษณ์ที่จะนำพาโชคลาภมาให้ เงินทองไหลมาเทมา
ภายใน “ถนนนาวาเตะ” จะมีร้านค้าที่น่าสนใจอยู่หลายร้าน อย่างเช่น ร้านขายแคร็กเกอร์ที่ทำจากข้าว(หรือ ขนมเซ็มเบะ), Furusato TAIYAKI ร้านไทยากิ ขนมหวานญี่ปุ่นรูปปลา สอดไส้หลากหลายรสชาติให้ได้ลองชิม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีร้านของเก่า ของสะสมโบราณ ให้ได้เดินชม รวมไปถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึก(แบบอ๊บอ๊บ) ให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากอีกด้วยนะ เราชอบมาเดินเล่น หาขนมกิน ฟีลอะไรแบบนี้ ได้บรรยากาศชิลๆ ดี
และ ก็ต้องไม่ลืมแวะสักการะขอพรที่ ศาลเจ้าโยฮะชิระ (Yohashira Jina Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองมัตสึโมโต้ อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่อยู่ติดกับถนนนาวาเตะ ในบรรยากาศที่ดูสงบเงียบและร่มรื่น
คามิโคจิ (Kamikochi) สัมผัสธรรมชาติ สูดความสดชื่นจากป่า
Highlight ของการมาเที่ยว “ญี่ปุ่น” ทริปนี้ ก็คือการได้มา “คามิโคจิ” (Kamikochi) อีกครั้ง ซึ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ได้บรรยากาศความเขียวของต้นไม้ ท้องฟ้าสดใส ได้ฟิลธรรมชาติแบบสุดๆ เดินเล่นชมวิวได้ทั้งวันเลยแหละ
จากที่พักในเมืองมัตสึโมโต้(Matsumoto) เราออกจากที่พักตั้งแต่เช้า ไปที่สถานีรถไฟมัตสึโมโต้(Matsumoto Station) โดยซื้อตั๋วแบบรวมรถไฟและรถบัส (ราคา 2,710 เยน/เที่ยว) เป็นรถไฟสายคามิโคจิ (Kamikochi line) ที่วิ่งระหว่าง Matsumoto Station ไปสุดสายที่ Shin-Shimashima Station ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที จากนั้น ต่อรถบัสไปยังคามิโคจิ ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง โดยจะมีรอบรถไฟและรถบัสออกทุกๆ ชั่วโมง แนะนำรีบไปตั้งแต่รถรอบช่วงเช้า แล้วกลับช่วงเย็นๆ ได้เที่ยว “คามิโคจิ” แบบเต็มๆ วัน อิ่มกับบรรยากาศแน่นอน
“Kamikochi” แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของจังหวัด Nagano ตั้งอยู่บนความสูง 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเลบรรยากาศโอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินป่า โดยจะมีเส้นทางเดินป่าซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวให้เลือกเดินกัน มีความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล โดยที่นี่จะเปิดตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี(ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึง 15 พฤศจิกายน)
และ เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของ “คามิโคจิ” อยู่กึ่งกลางระหว่างเมือง Matsumoto และ Takayama ทำให้สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป จากทั้งสองเมืองนี้ได้แบบสบายๆ
จุดท่องเที่ยว น่าสนใจ ใน “Kamikochi”
● บึงไทโช(Taisho Pond) บึงที่เกิดจากการระเบิดเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนของภูเขาไฟยาเกะ(Mt. Yake) ชมบรรยากาศของบึงน้ำที่มีฉากหลังเป็นทิวเขา เป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ
● บึงทาชิโระ(Tashiro Pond) บึงน้ำที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ มีวิวที่สวยงามโดยเฉพาะช่วงเช้าอาจจะเห็นสายหมอกพาดผ่านทิวยอดไม้อีกด้วย
● แม่น้ำอาซุสะ(Azusa River) แม่น้ำสีฟ้าใสสวยงาม ซึ่งมีต้นน้ำมาจากภูเขายาริ(Mt. Yari) ไหลผ่านกลางหุบเขาคามิโคจิ สามารถแวะชมวิวริมแม่น้ำได้ตลอดแนวทางเดินเลียบแม่น้ำ
● สะพานคัปปาบาชิ(Kappa Bridge) จุดถ่ายภาพยอดนิยม แลนด์มาร์คของคามิโคจิ ที่สามารถชมวิวความสวยงามของเทือกเขาโฮทากะ(Hotaka) ได้แบบเต็มๆ
ถ้าใครสนใจเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแบบเรา แนะนำให้ลงรถบัสโดยสารที่ป้าย K-28 Taisho Pond ตรงบริเวณทางเข้า บึงไทโช(Taisho Pond) แล้วเดินชมธรรมชาติตามเส้นทางเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีจุดแวะพักชมวิวธรรมชาติระหว่างทาง จนไปสิ้นสุดยังจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ สะพานคัปปาบาชิ(Kappa Bridge) รวมระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินและแวะถ่ายภาพ 2-3 ชั่วโมง
ตลอดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ วิวสวยมาก ใช้คำว่าสวยได้แบบเปลืองสุดๆ เป็นสถานที่ที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาเยือนให้ได้นะ
วัดเซ็นโคจิ(Zenkoji Temple) วัดพุทธเก่าแก่ของจังหวัด Nagano
ยังคงอยู่ที่เมือง Nagano ต้องไม่พลาดมาเที่ยวสถานที่สำคัญอย่าง วัดเซ็นโคจิ(Zenkoji Temple) ที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดพุทธเก่าแก่ และมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น เป็นวัดที่ไม่มีการแบ่งแยกนิกาย โดยใครๆ ก็สามารถมาเคารพสักการะได้ จึงมีผู้เลื่อมใสทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวชมที่วัดแห่งนี้อย่างมากมาย
และ บริเวณหน้าวัดจะมีถนนที่จะพาเข้าไปสู่วัดที่ชื่อว่า “ถนนนากามิเซะ-โดริ” เป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารและร้านขนมญี่ปุ่นมากมายให้ได้ลองชิม รวมไปถึงร้านของฝากของที่ระลึกจากจังหวัด Nagano อีกด้วย
ชิมน้ำพีช 100% เก็บผลไม้สดจากสวน
จังหวัด Nagano เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องสวนผลไม้หลากหลายชนิด มีสวนผลไม้มากมายกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ และบางสวนก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวน และมีคอร์สให้เก็บผลไม้กินสดๆ จากต้น แบบไม่อั้นกันเลยทีเดียว
เราได้เดินทางมาที่สวน Shiozaki ในเมือง Iiyama จังหวัด Nagano ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับการเก็บแอปเปิ้ลและองุ่น และยังมีลูกพีชหวาน ลูกพลัม รวมถึงผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปต่างๆ อีกด้วย
และ อีกเมนูเครื่องดื่มแนะนำห้ามพลาด ก็คือ “น้ำพีช 100%” (350 เยน/แก้ว) คั้นสดทั้งลูก รสชาติ หวาน หอม อร่อย ที่มีจำหน่ายในช่วงเวลาจำกัด(หน้าร้อน) เท่านั้น
ค่าธรรมเนียมเก็บ “แอปเปิ้ล”
● คอร์สทานได้ไม่อั้น : 800 เยน (ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป)
● ช่วงเวลาเก็บ : ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ถึง กลางเดือนพฤศจิกายน เวลา 09.00 น. – 16.30 น.
ค่าธรรมเนียมเก็บ “องุ่น”
● คอร์สทานได้ไม่อั้น : เริ่ม 2,000 เยน
● ช่วงเวลาเก็บ : ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ถึง กลางเดือนตุลาคม เวลา 09.00 น. – 16.30 น.
“สวน Shiozaki” เป็นสวนผลไม้ที่เดินทางมาได้ง่าย เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Iiyama Station 飯山駅 ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่มีทั้งชินคังเซ็นและรถไฟธรรมดา ทำให้เดินทางมาได้อย่างสะดวก จาก “โตเกียว” นั่ง Hokuriku-Shinkansen มาที่นี่ ก็ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที และยิ่งมี JR Pass ที่ครอบคลุมพื้นที่นี้ (เราใช้ JR East Nagano-Niigata Area Pass) ยิ่งสบายเลย นั่งชินคังเซ็น มาลงที่สถานีรถไฟปลายทาง เดินต่ออีก 400 เมตร ก็ถึงสวนแล้ว!
Yanaka Ginza ย่านตลาดเก่าแก่แห่งโตเกียว
เดินทางกลับเข้ามาสู่เมืองหลวง “โตเกียว” เรามากันที่ Yanaka Ginza ตลาดเก่าแก่บรรยากาศย้อนยุคในธีมเหมียวๆ และจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของโตเกียว ที่สามารถนั่งรถไฟ YAMANOTE Line มาลงที่ Nippori Station ได้อย่างสะดวกมาก
ยานากะ กินซ่า(Yanaka Ginza) เป็นย่านถนนคนเดินเก่าแก่ มีระยะทางเกือบ 200 เมตร โดยสองข้างทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าที่เปิดมาอย่างยาวนาน ได้บรรยากาศย้อนยุค ซึ่งในบรรดาร้านค้าจะประกอบไปด้วย ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายอาหาร ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงคาเฟ่น่ารักๆ ที่ตกแต่งขึ้นมาได้อย่างน่านั่ง
จุดน่าสนใจ คือ ตลอดถนนทั้งเส้นนี้ จะพบกับรูปปั้นแมวที่หลบซ่อน และแอบมองอยู่ตามจุดต่างๆ ให้เราได้ถ่ายรูปเล่น มีคาเฟ่แมว และร้านขนมที่ออกแบบในสไตล์เหมียวๆ อย่างเช่น “โดนัทหางแมว” ให้ได้ลองชิมอีกด้วย
นอกจากนี้ “Yanaka Ginza” ยังมีจุดชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ อีกแห่งหนึ่งของเมืองโตเกียว ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ตรงบันไดที่มีชื่อว่า ยูยาเกะดันดัน(Yuyake Dandan) โดยในช่วงยามเย็นจะมีผู้คนมารอชมพระอาทิตย์ตกเยอะเหมือนกัน บรรยากาศดีมากๆ ใครมาเที่ยว “โตเกียว” อย่าลืมแวะมาเดินเล่นที่นี่กันนะ
Sensoji Temple วัดเก่าแก่เมืองโตเกียว
วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือ วัดโคมแดง หรือวัด Asakusa ที่คนไทยรู้จักกันดี วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงของเมืองโตเกียว มีประตูคามินาริมง(Kaminarimon Gate) กับโคมแดงขนาดยักษ์ตั้งโดดเด่นตรงบริเวณทางเข้าวัด
ได้มาเยือนที่นี่ กี่ครั้ง ก็จะได้เจอกับนักท่องเที่ยวไทยเยอะเป็นพิเศษ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งถ้าใครมาเที่ยว #โตเกียว ทั้งที ก็ต้องมาที่วัดนี้กันอย่างแน่นอน มาสักการะขอพรเพื่อความโชคดี และถ่ายรูปเช็คอินกับโคมแดงใบใหญ่เป็นที่ระลึกกัน
หลังจากได้สักการะขอพร เรียบร้อยแล้ว บริเวณหน้าวัดก็จะเป็น ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ (Nakamise) ซึ่งจะมีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ ตลอดความยาว 200 เมตร พวกอาหาร ขนมหวานญี่ปุ่นนานาชนิด ที่ทำกันแบบร้อนๆ สามารถมาเดินหาซื้อขนมอร่อยๆ ลองชิม หรือจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ได้
ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) แหล่งรวมอาหารทะเลแห่งเมืองโตเกียว
เที่ยว “โตเกียว” ทริปนี้ ก็ต้องตื่นเช้ามาหาอะไรอร่อยๆ กินที่ตลาดปลาชื่อดังของเมืองโตเกียว อย่าง “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) มีอาหารทะเลให้เลือกชิมอย่างมากมาย
“ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) แหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ตั้งอยู่กลางเมืองโตเกียว ภายในมีร้านค้ามากมาย ที่จำหน่ายอาหารทะเลแบบสดๆ ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ที่นำมาทำสารพัดเมนูให้ได้ลองชิม โดยเราสามารถกินอาหารทะเลแบบสดๆ กันที่หน้าร้านได้เลย หรือ บางร้านก็มีบริการโต๊ะ ที่นั่ง ให้นั่งกินได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
นอกจาก อาหารทะเล แล้วก็ยังมีอาหารประเภทอื่นๆ อย่างพวกผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป ขนม ของฝาก ให้ได้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย
และ ในบรรดาร้านค้าต่างๆ เมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ก็คือ “ไข่หวานม้วน” Tamagoyaki (ราคา 150 เยน/ไม้) ที่ทำกันแบบสดๆ ร้อนๆ สามารถมองเห็นขั้นตอนวิธีการทำอย่างใกล้ชิด ชวนให้อยากลองชิม ซึ่งก็อร่อยดีนะ ยิ่งกินตอนร้อนๆ สุดยอดเลย
ใครมีโอกาสมาเที่ยว “โตเกียว” ก็ห้ามพลาดมาเที่ยวที่ “ตลาดปลาซึกิจิ” (Tsukiji Fish Market) แห่งนี้ ของกินเพียบ เพลินกับการกินแน่นอน!
#ไปโตเกียวไปกับไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์
#AirAsia #บินตรงสู่โตเกียว
#AirAsiaTravels #JREastPass